บทที่ 3 ชะตากรรมของเจ้าสาว - 3
“องค์หญิง แต่พวกเขาเมินเฉยกับพระองค์มากเลยนะเพคะ แบบนี้ไม่เรียกว่าคิดจะขัดราชโองการแล้วจะเรียกว่าสิ่งใดได้อีก หม่อมฉันได้ยินข่าวมาว่าดินแดนทางใต้ของเมืองฉายจี๋คือเมืองหมานฟา นั่นมิใช่แดนบรรดาศักดิ์ของหนานหลิงอ๋องหรือเพคะ ผู้คนเล่าลือกันว่าเดือนหน้าวันที่แปดที่นั่นจะมีงานมงคลเกิดขึ้นด้วย องค์หญิงเจ็ดเองก็ถูกส่งตัวไปที่นั่น” ตี้ฉางเอ่ยด้วยสีหน้าสลด
ว่ากันว่าองค์หญิงเจ็ดผู้นั้นออกเดินทางจากวังหลวงไปยังเมืองหมานฟาภายหลังองค์แปดถึงครึ่งเดือน การเดินทางที่สะดวกสบายกว่าทำให้องค์หญิงเจ็ดไปถึงยังจุดหมายอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นทุกอย่างที่นั่นก็ถูกจัดเตรียมเอาไว้อย่างเพียบพร้อม เพียงแค่เจ้าสาวไปถึง งานมงคลแสนยิ่งใหญ่ก็สามารถจัดขึ้นได้ทันที
ไม่เหมือนกับสถานการณ์ที่องค์หญิงแปดกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้สักนิด
“ในเมื่อหนานหลิงอ๋องทรงแต่งตั้งผู้สืบทอดแล้ว เมื่อมีราชโองการอภิเษกสมรสออกมาอย่างไรเสียช้าเร็วก็ต้องมีงานแต่งงานเกิดขึ้น กลับกัน เจียเฉิงอ๋องยังไม่ทันได้แต่งตั้งผู้ใดเป็นทายาท แบบนี้แล้วต่อให้งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเจ้าบ่าวเล่า? เจ้าบ่าวในงานจะเป็นผู้ใด ในเมื่อตำแหน่งซือจื่อนั้นยังว่างอยู่”
“แต่ว่าองค์หญิงเพคะ...”
“พอเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า แต่ตี้ฉาง เวลานี้เจ้ากับข้าหาได้อยู่ในเมืองหลวงอีกต่อไป ผู้กำหนดชะตาของเจ้าและข้าก็มิใช่ฮ่องเต้ ที่นี่คือดินแดนบรรดาศักดิ์ของเจียเฉิงอ๋อง ทุกอย่างในดินแดนแห่งนี้ล้วนขึ้นอยู่กับเขา พวกเราเป็นแค่คนอาศัยย่อมไม่มีสิทธิ์พูดอะไร จำไว้ให้ดี”
“เพคะองค์หญิง”
“เจ้าไปนอนได้แล้ว ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายอีก”
“เพคะ”
ภายหลังจากไล่ให้คนสนิทกลับไปนอน ซ่งชิงเยียนก็ลุกจากเตียงมานั่งอยู่บนตั่งข้างหน้าต่าง หญิงสาวทอดสายตาออกไปยังท้องฟ้าที่มืดมนในคืนที่ไร้ดวงจันทร์ส่องสว่าง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง
อันที่จริงเรื่องที่ตี้ฉางกล่าวมานั้นไม่ใช่ว่านางไม่คิดอะไร นางคิดใคร่ครวญดูเรื่องนี้แล้วถึงสามสี่ครั้ง เจียเฉิงอ๋องนั้นท่าทางจะมีสิ่งที่เรียกว่าความไม่ปกติที่แอบซุกซ่อนเก็บเอาไว้อยู่จริงๆ
ในจวนของเขานั้นเงียบเหงาเกินไป ผู้คนและความเป็นไปในเมืองฉายจี๋ก็ดูปกติเสียจนน่ากลัว ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาปกครองที่นี่ด้วยความเคร่งครัดเด็ดขาด หรือว่าควบคุมเอาไว้ให้อยู่ภายใต้คำสั่งและกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดเกินไปกันแน่
ยิ่งแสร้งทำเหมือนว่าทุกอย่างปกติ นั่นกลับทำให้ดูเหมือนยิ่งมีพิรุธ
ไม่น่าเชื่อเลยว่าความสงสัยและหวาดระแวงของเสด็จพ่อนั้นจะเป็นเรื่องจริง
“ไม่ได้...ข้าจะปักใจเชื่อโดยที่ยังไร้หลักฐานไม่ได้ เจียเฉิงอ๋องเก็บตัวเงียบเช่นนี้บางทีอาจจะเป็นนิสัยของเขา...บางทีเขาอาจจะไม่ได้มีใจคิดเป็นอื่นก็ได้”
ซ่งชิงเยียนนั่งใช้ความคิดอยู่บนตั่งข้างหน้าต่างอีกราวสองเค่อนางถึงได้ลุกจากตรงนั้นแล้วเดินกลับไปนอนที่เตียง
“นางพูดเช่นนั้นออกมาจริงหรือ?”
“เจ้าค่ะซือจื่อ บ่าวได้ยินชัดเจนเต็มสองหู องค์หญิงแปดกล่าวเช่นนั้นออกมาจริงๆ อีกทั้งนางยังบอกว่าต้องหาหลักฐานให้ได้ด้วยเจ้าค่ะ”
กงไป๋อวี่พยักหน้ารับ “เจ้ากลับไปได้ หลังจากนี้ก็เฝ้าดูนางต่อไป ถ้ามีความเคลื่อนไหวอะไรให้รีบมาแจ้งเราทันที”
“เจ้าค่ะซือจื่อ”
คล้อยหลังจากที่สาวใช้จากไปแล้ว กงไป๋อวี่ก็นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือของตัวเองด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาคิดไว้แล้วว่าองค์หญิงแปดผู้นั้นจะไม่มีทางเป็นตะเกียงไร้น้ำมัน แต่ในตะเกียงของนางจะมีน้ำมันมากน้อยแค่ไหนนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องจับตาดูนางต่อไป
“ซ่งชิงเยียน...ไม่รู้ว่าเจ้าจะรู้ตัวหรือไม่ แต่เวลานี้ชะตากรรมของเจ้าขึ้นอยู่กับข้า กงไป๋อวี่ผู้นี้”