บทที่ 2 เรื่องเล่า (จากปากหมา) - 3
พระองค์ทรงทราบดีว่าอ๋องทั้งสองนั้นยังไม่มอบตำแหน่งผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์อ๋องให้บุตรชายคนใดคนหนึ่ง เช่นนั้นแล้วพระองค์จึงได้หยิบยกเอาช่องว่างนั้นมาสร้างประโยชน์ให้กับพระองค์เอง ขอเพียงครอบครัวของคนใดคนหนึ่งมีปัญหาความขัดแย้งขึ้นมา ปัญหาอื่นๆ นั้นก็จะตามมาอย่างง่ายดาย
เงินทองไม่เลือกนายบ่าว อำนาจนั้นก็ไม่เลือกสายเลือดเช่นเดียวกัน
“ประกาศออกไปว่า...เจิ้นจะให้องค์หญิงเจ็ดกับองค์หญิงแปดแต่งเข้าจวนหนานหลิงอ๋องและจวนเจียเฉิงอ๋อง และหากผู้ใดมีทายาทได้ภายในหนึ่งปี เจิ้นจะมอบตำแหน่งจวิ้นอ๋องให้ทันที”
ตามปกติแล้ว ซือจื่อผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์อ๋องของผู้เป็นบิดานั้นจะสามารถรับบรรดาศักดิ์นั้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เป็นบิดาถึงแก่กรรมหรือต่อเมื่อมีการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ อีกทั้งบรรดาศักดิ์ที่ได้รับนั้นจะต้องลดลงขั้นหนึ่งเสมอ
ในกรณีนี้...ฮ่องเต้ก็ทรงวางแผนก่อความวุ่นวายในครอบครัวผู้อื่นด้วยการเอาตำแหน่งจวิ้นอ๋องมาเป็นตัวล่อ...
หนานหลิงอ๋องมีบุตรชายจากชายาเอกกับชายารองรวมกันถึงสี่คน ส่วนเจียเฉิงอ๋องเองก็มีบุตรชายคนโตกับอดีตชายาเอกหนึ่งคน บุตรชายจากชายาเอกคนปัจจุบันหนึ่งคนและบุตรชายจากชายารองอีกหนึ่งคน ด้วยเหตุนี้เอง ฮ่องเต้จึงคิดจะสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวของอ๋องทั้งสองโดยการยุยงให้บุตรชายของพวกเขาแก่งแย่งชิงอำนาจกันเองในหมู่พี่น้อง
ครั้นเมื่อมีความร้าวเกิดขึ้นในครอบครัว ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั้นจะดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างไร?
ถึงเวลานั้นหนทางการยึดเอาแดนบรรดาศักดิ์ทั้งสองเมืองนั้นกลับคืนมาคงเป็นเรื่องง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้รีบรับราชโองการนั้นทันทีก่อนจะจัดการส่งม้าเร็วให้ไปแจ้งข่าวนี้แก่หนานหลิงอ๋องกับเจียเฉิงโดยเร็ว
แต่ไหนแต่ไรมา...บุรุษสู้รบเพื่อแย่งชิงอำนาจ สตรีสู้รบเพื่อความโปรดปราน และทั้งๆ ที่ซ่งชิงเยียนคิดว่าตนเองนั้นไร้ความโปรดปรานจากฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาที่สุดแล้วในวังหลัง แต่สุดท้ายก้อนอุจจาระก้อนนั้นก็มิวายหล่นลงมาใส่ศีรษะของนางอยู่ดี
“คราวนี้เห็นทีจะหลีกหนีเคราะห์ในครั้งนี้ไม่พ้นแล้วนะเพคะองค์หญิง”
คนถูกเรียกขยับกายเพียงเล็กน้อย ใบหน้ากลมมนงดงามตามวัยฉายแววเครียดขึง มองชะตากรรมของตนเองที่ถูกอยู่ในราชโองการฉบับนั้นด้วยความเลื่อนลอย
“ปล่อยไปตามเวรกรรมเถิด ข้าสู้กำหนดแห่งสวรรค์มิได้ดอก”