บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

เมื่อภาคมาถึงที่โรงพยาบาล เขาก็พบกับรอยยิ้มกว้างของพยาบาลสาวและหมอหนุ่มที่มอบให้กับเขา

“ยินดีต้อนรับนะหมอ“ หมอหนุ่มที่เป็นคนไทยเหมือนกับภาคได้เอ่ยทักทายขึ้น เมื่อภาคได้เข้ามาในห้องพักหมอที่เขาได้จัดเตรียมไว้ให้เวลาที่รักษาคนไข้เสร็จก็จะเข้ามาพักในห้องนี้ โดยจะมีโต๊ะของหมอแต่ละคนซึ่งได้จัดไว้ให้โดยบนโต๊ะจะมีชื่อของแต่ละคนด้วยซึ่งแตกต่างจากห้องของภาคที่อยู่ที่ไทยเป็นอย่างมาก

“ครับ“ ภาคยิ้มอ่อนส่งไปให้ แล้วนั่งลงที่โต๊ะข้างๆหมอหนุ่ม

“หมอชื่อไรหรอครับ ผมชื่อชินนะ“ ชินถามหมอใหม่อย่างเป็นมิตร

“ผมภาค“ ภาคตอบสั้นๆตามประสาคนพูดน้อย

“ยินดีที่ได้รู้จักนะหมอภาค นี่หมออายุเท่าไหร่อะ ดูทรงแล้ว..น่าจะอายุเท่ากัน“ ชินชวนคุยยิ้มๆเพราะตอนเช้าๆแบบนี้ไม่ค่อยมีหมอคนอื่นๆมามากนัก

“อืม“ ภาคยกยิ้มนิดๆเพราะเขากับหมอชินอายุเท่ากันจริงๆ

“ภาคพูดน้อยจัง ผมพูดคนเดียวตั้งนานแหน่ะ“ ชินตัดพ้อน้อยใจเล็กๆ เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ให้เขาพูดฝ่ายเดียว

“เป็นคนแบบนี้“ ภาคบอกตามตรง เพราะเขาเป็นคนพูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้วยกเว้นแต่คนที่สนิทจริงๆเท่านั้นที่เขาจะพูดมากเป็นพิเศษ

“แล้วแบบนี้มีสาวๆเข้ามาหาเยอะมั้ยเนี้ย ภาคหน้าตาดีนะ ชินว่ามีคนเข้ามาหาเยอะแน่เลยใช่ปะ“ ความเป็นกันเองของชินเริ่มทำให้ภาครู้สึกผ่อนคลายขึ้น

“ไม่เท่าไหร่“ แต่ภาคก็ยังคงเป็นภาคอยู่วันยังค่ำ ถึงเขาจะเริ่มผ่อนคลายยังไงแต่ก็ยังคงความพูดน้อยของตัวเองเอาไว้อยู่ดี

“ไม่เชื่อหรอกน่า หน้าแบบนี้มีคนเข้ามาเยอะแน่ๆ“ ชินพูดแซว เพราะเขาต้องการสร้างความผ่อนคลายให้กับหมอใหม่ที่มา

“ไม่มี“ ภาคตอบปฎิเสธสั้นๆ

“สวัสดีครับ“ หมอหนุ่มชาวรัสเซียที่พึ่งเข้ามาในห้องได้เอ่ยทักทายขึ้น

**(เค้าจะใช้ตัวเอียงแต่เป็นคนต่างชาติแทนนะคะ)

“สวัสดีครับดอล“ ชินเอ่ยทักหมอหนุ่มที่อายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี แต่สาเหตุที่เขาไม่เรียกพี่ก็เพราะว่าร่างสูงไม่อยากให้เขาเรียก เพราะอยากให้รู้สึกสนิทและเป็นรุ่นเดียวกัน

“พวกคุณทำอะไรอยู่ครับ“ ดอลถามแล้วนำกระเป๋าไปวางไว้ที่โต๊ะของตัวเองซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะของชินไม่มาก

“ผมกำลังคุยกับภาคอยู่ครับดอล เขาพึ่งมาที่นี่เมื่อสามวันก่อน“ ชินตอบยิ้มๆ ภาคเองก็มองหมอหนุ่มที่จ้องหน้าเขานิ่ง

“มาใหม่หรือครับ“ ดอลถามยิ้มๆ ภาคเองก็พยักหน้าตอบกลับไปนิดๆ

“ครับ“

“ดอล คุณเข้างานกี่โมงหรือครับ“ ชินถามเมื่อนึกได้

“ฉันเข้าเก้าโมง พวกนายสองคนละ“ ดอลถามหนุ่มรุ่นน้องทั้งสองคน

“ผมเข้าสิบครับ ภาคละเข้ากี่โมง“ ชินตอบดอลพร้อมกับหันไปมองภาคนิดๆ

“เข้าเก้า“ ภาคตอบสั้นๆพร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองนิดๆก็พบว่าอีกครึ่งชั่วโมงเขาก็จะต้องเข้าตรวจแล้ว

“แย่จัง ชินไม่น่ามาเช้าเลย“ ชินแบะปากนิดๆทำให้ร่างบางยิ่งดูน่ารักน่าเอ็นดูมากในสายตาของภาค แต่เขาแค่เอ็นดูในฐานะน้องชายเพียงเท่านั้น

“มาเตรียมตัวมันก็ดี จะได้ไม่รีบมากนัก“ ภาคตอบชินเป็นภาษาไทย ชินหันขวับมามองที่ภาคด้วยความตกใจปนขำขันไม่น้อย

“ที่พูดภาษาไทยนี่คือจะไม่ให้พี่ดอลได้ยินงั้นหรอ“ ชินถามภาคขำๆ

“เปล่า ฉันขี้เกียจคิดศัพท์“ เหตุผลง่ายๆที่ทำให้ชินและดอลหลุดขำทันที แต่ที่ภาคตกใจมากกว่าก็คือดอลสามารถแปลสิ่งที่เขาพูดออกงั้นหรือ แม้แต่ชินเองก็ยังตกใจไม่น้อยที่รุ่นพี่หมอคนนี้หัวเราะออกมา

“แปลออก?“ ภาคถามเป็นภาษาไทยกลับไป

“ฉันลืมบอกคนอื่นๆไปว่าฉันพูดไทยและฟังไทยออก แถมฟังอออกดีเสียด้วยสิ หึหึหึ“ ดอลหัวเราะเล็กน้อยและพูดภาษาไทยกลับไป

“อ้าวไอพี่ดอล แบบนี้พี่ก็หลอกผมมาเป็นปีเลยดิเนี้ย“ ชินถามอย่างหาเรื่อง ดอลเองก็ยิ้มขำนิดๆเมื่อรุ่นน้องตัวเล็กโกรธตัวเองแบบนี้ เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าคนตัวเล็กตรงหน้าช่างน่ารักน่าเอ็นดูมากขึ้นไปอีก

“จะได้ฝึกไง ไม่ดีหรือไง คนเราถ้าไม่ได้พูดภาษาที่เราต้องมาใช้ในการทำงานเดี๋ยวก็อาจจะมีหลงๆลืมๆได้ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยช่วยเธอให้จำศัพท์ได้มากขึ้นไง เวลาคุยกับเจ้าของภาษาจะได้ไม่รู้สึกเขิน“ ดอลยักคิ้วอย่างกวนๆ

“นิสัยเสียอีกละ ชอบแกล้งคนอื่น“ ชินกอดอกแล้วเชิดหน้าไปอีกทางนึงเพื่อบ่งบอกให้อีกคนรู้ว่าตอนนี้เขากำลังงอนอยู่ แถมงอนหนักเสียด้วย

“ไม่งอนน่า เดี๋ยวฉันเลี้ยงน้ำหวาน“ ดอลรีบเอาของโปรดมาล่อรุ่นน้องตัวเล็ก ซึ่งมันค่อนข้างจะได้ผลพอสมควร

“สามแก้ว“ ชินพูดขึ้นพร้อมกับเหล่ตามองที่ดอลนิดๆ

“กินคนเดียวทำไมกินตั้งสามแก้ว“ ดอลถามอย่างสงสัย ถึงสำเนียงของเขามันจะแปลกไปบ้างแต่มันก็ชัดพอสมควรในความรู้สึกของคนไทยทั้งสองที่อยู่ในห้องนี้

“แบ่งให้ภาคหนึ่งแก้วแล้วของผมสองแก้ว เป็นคนง้อก็ห้ามต่อรองสิพี่ดอล“ ชินพูดดุ

“ก็ได้ๆๆ ผมยอมแล้วครับ ว่าแต่ภาค คุณอยากกินอะไรมั้ย“ หลังจากรับปากกับรุ่นน้องเสร็จก็หันมาถามผู้มาใหม่อย่างภาคทันที

“ไม่ละ กินเหมือนชินได้“ ภาคตอบกลับด้วยเสียงนิ่งๆ

“โอเคครับ งั้นตอนพักเที่ยงเจอกันที่โรงอาหารแล้วกันนะ“ ดอลพูดยิ้มๆพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“ไปไหนอะ“ ชินถามอย่างงงๆเพราะนี่มันยังไม่ถึงเวลานัดเลยด้วยซ้ำ

“ไปหาอะไรกินน่ะ ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย“ ดอลตอบยิ้มๆพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าอีกคนมีอะไรหรือเปล่า

“ไปด้วย“ ชินตอบทันทีเมื่อเห็นสายตานั้นของดอล

“เดี๋ยวชินมานะภาค ไปหาอะไรกินก่อน“ ชินหันมาบอกกับเพื่อนใหม่ ภาคเองก็พยักหน้ารับรู้แล้วมองทั้งสองเดินออกไป

“จะหิวดีมั้ยนะ“ ภาคพูดกับตัวเองเบาๆ เพราะตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนเขาก็ไม่เคยได้กินอาหารเช้าอีกเลย เหตุผลก็เพราะว่า..มันทำให้เขานึกถึงใครอีกคนที่คอยทำอาหารเช้าให้เขาทุกวัน ซึ่งวิธีนี้เขารู้ว่ามันอาจจะไร้สาระมากสำหรับใครบางคนแต่สำหรับเขานั้นมันค่อนข้างจะได้ผลเหมือนกัน เพราะเขาจะนอนเช้าแทนการนอนดึกทุกวันเพื่อหลีกเลี่ยงการตื่นเช้าและถ้าวันไหนที่เขามีเรียนเช้า เขาก็จะมาหาอะไรกินที่มอแทนและอาหารส่วนมากที่เขากินก็จะเป็นมาม่าและข้าวมันไก่ซึ่งมันเป็นอาหารที่ใครคนนั้นคอยห้ามไม่ให้เขากินตลอดเพราะมันไม่มีประโยชน์แต่มาวันนี้เขากลับกินมันได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะโดนใครดุเลยสักนิด ถึงมันจะคิดถึง...แต่ก็คงไม่ได้พบกันอีก...ตลอดชีวิตแล้ว

“เฮ้ออ เป็นบ้าอะไรอีก ไม่ได้เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้วนะ มึงจะกลับมาเป็นอีกไม่ได้“ ภาคพูดย้ำกับตัวเองนิดๆพร้อมกับจับไปที่หัวใจของตัวเองเบาๆ

หลังจากที่เข้าผ่าตัดและตรวจคนไข้เสร็จ นี่ก็เป็นเวลาเย็นแล้วซึ่งเป็นเวลากลับบ้านของเขา ภาคเก็บของบนโต๊ะและเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน เมื่อเงยหน้าออกจากใต้โต๊ะภาคก็ต้องตกใจเมื่อผู้รักษาความปลอดภัยของทางโรงพยาบาล(หรือรปภ.)ยื่นช่อดอกไม้สีชมพูมาให้เขา ซึ่งมันทำให้ภาครู้สึกชะงักไปเล็กน้อย

“มีคนฝากมาให้คุณหมอครับ“ เขาเอ่ยบอกพร้อมกับโค้งหัวนิดๆอย่างสุภาพเมื่อภาคยื่นมือไปรับ

“ใครครับ“ ภาคถามเมื่อมองดอกคาร์เนชั่นสีชมพูของตัวเองงงๆ

“ไม่ได้บอกเอาไว้ครับ ผมขอตัวก่อน“ เขาโค้งตัวให้หมอหนุ่มอีกครั้งก่อนที่จะหันหลังเดินออกไป

ภาคได้แต่มองดอกคาร์เนชั่นสีชมพูที่เรียงรายอย่างสวยงาม มองดูเผินๆเขาคิดว่ามันน่าจะเกือบๆสี่สิบสี่ดอกซึ่งพอนับดูจริงๆก็พบว่ามันคือสี่สิบสี่ดอกอย่างที่เขาคิดไว้ไม่ผิดและมันทำให้เขาคิดถึงประโยคนึงที่เคยอ่านเจอ

ความผูกพันที่จะกลับมาผลิบานอีกครั้งหนึ่งและความรักของเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป แม้เวลาจะเปลี่ยนไปนานเท่าใดก็ตาม นี่คือความหมายของดอกคาร์เนชั่นและจำนวนของดอกไม้ที่อยู่ในช่อนี้

“ใครเป็นคนส่งมานะ ทำไม..ถึงรู้ว่าเราชอบละ“ ภาคกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หัวใจเต้นแรงด้วยความกลัวเมื่อเผลอไปคิดว่าคนที่เอามาให้เขานั้นอาจจะเป็น..

“ไม่จริงหรอก เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเด็ดขาด“ ภาคมองช่อดอกไม้ในมือด้วยความกลัวแล้วหยิบกระเป๋าออกไปนอกห้องทันที เมื่อเขาลงมานอกโรงพยาบาลก็มองเห็นถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ ภาคเดินตงไปที่ถังขยะใบนั้นทันทีแล้วทิ้งช่อดอกไม้ที่อยู่ในมืออย่างไม่ลังเล ภาคมองช่อดอกไม้ที่ตอนนี้ได้ไปอยู่ในถังขยะด้วยแววตาเรียบนิ่ง

“ไม่ว่าใครจะเป็นคนส่งมา แต่ถ้ามันทำให้กูนึกถึงมึง กูจะไม่เอาไว้“ ภาคกัดฟันกรอดแล้วเดินหันหลังเพื่อไปยังลานจอดรถข้างหลังโรงพยาบาลทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel