ตอนที่ 1
ห้าปีผ่านไป
หลังจากที่ภาคและแบงค์ได้จากกันไปวันนั้น เขาทั้งสองคนก็ไม่เคยได้พูดคุยหรือติดต่อกันอีกเลยซึ่งตอนนี้ภาคนั้นก็ได้เป็นหมอที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง อิฐเองก็ทำด้วยเช่นกันส่วนคนอื่นๆนั้นก็แยกย้ายกันไปทำอาชีพต่างๆ ซึ่งไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนักมีบ้างที่นัดปาร์ตี้สังสรรค์แต่ก็ไม่มีใครได้พูดหรือถามถึงแบงค์เลยสักคน เขาคิดว่าทุกคนคงรู้ว่าทุกอย่างมันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมันก็ดีสำหรับเขาเหมือนกันที่ไม่ต้องมานั่งตอบคำถามหรือต้องรู้สึกอะไรอีกยกเว้นความรู้สึกเดียวที่มันยังมีอยู่เสมอนั่นก็คือความรู้สึกที่..รักและคิดถึง
“หมอภาคคะ ผอ.เชิญหมอให้ไปพบที่ห้องค่ะ“ พยาบาลสาวเดินมาบอกกับภาคที่ห้องพักในช่วงเวลาสี่โมงเย็น ภาคพยักหน้ารับรู้และเดินออกไป ดีที่วันนี้เขาไม่มีเคสด่วนอะไรจึงว่างตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงตอนนี้
เมื่อภาคมาถึงหน้าห้องผอ.แล้วก็เคาะประตูเพื่อขออนุญาตเพื่อที่จะเข้าไป
ก๊อกๆๆ
รอสักพักก็ได้ยินเสียงข้างในบอกให้เขาเข้าไป ภาคจึงเปิดเข้าไปทันทีตามคำสั่ง
“มาแล้วหรอหมอ“ ผู้อำนวยการหนุ่มเอ่ยทักขึ้นยิ้มๆ ภาคเองก็ยิ้มอ่อนๆส่งไปให้
“เรื่องที่ผมจะคุยกับหมอภาคก็คือ...ผมอยากให้หมอภาคช่วยไปเป็นหมอประจำที่รัสเซียหน่อยน่ะ พอดีทางนั้นเขาเอ่ยขอหมอที่เก่งมากที่สุดในฝั่งเรา ผมก็เลยเสนอชื่อหมอภาคไป เพราะผมเห็นว่าหมอภาคเป็นหมอที่เก่งมากที่สุดในโรงพยาบาลของเรา ซึ่งเรื่องนี้ผมเองก็คุยกับหมออิฐแล้วเพราะหมอภาคและหมออิฐเป็นหมอที่เก่งมากที่สุด หมออิฐเองก็มีภาระที่ต้องดูแลภรรยาอยู่ที่นี่ เขาจึงไม่สะดวกที่จะไป ส่วนหมอภาคผมเองก็เห็นแล้วว่าหมอไม่ได้มีพันธะอะไรอาจจะสะดวกมากกว่า ผมเลยอยากขอให้หมอภาคช่วยไปอยู่ที่นั่นได้มั้ยครับ ทางโรงพยาบาลของเรายินดีที่จะดูแลหมอภาคทุกเรื่องเลยนะครับ ทั้งค่ากินค่าอยู่และเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น ผมขอเพียงแค่หมอตอบตกลงที่จะไป เรื่องเงินกับเรื่องทุกอย่างผมจะเป็นคนจัดการให้เองครับ ตกลง..หมอภาคโอเคนะครับ“ ผู้อำนวยการหนุ่มพูดกับภาคด้วยน้ำเสียงจริงจัง ภาคขมวดคิ้วนิ่งคิดเล็กน้อย
“เมื่อไหร่ครับ“ ภาคถามเสียงทุ้ม
“อีกสองวันครับ“ เขามองใบหน้าหวานของคนตรงหน้าอย่างลุ้นๆ และแน่นอนว่าเขาไม่ได้หวังคำปฎิเสธของหมอตรงหน้า ขอเสนอของเขามันจะต้องมีคำตอบว่าโอเคเพียงเท่านั้น
“ผมยังไม่ให้คำตอบได้มั้ยครับ ขอเวลาผม..“
“ผมขอวันนี้นะครับหมอ ทางที่นั่นเขาขาดคนจริงๆนะครับ ไม่อย่างนั้นผมไม่ส่งฝีมือดีอย่างหมอไปหรอกเพราะนอกจากหมอภาคแล้วก็มีหมออิฐอีกคนที่ฝีมือดีที่สุดแล้วในโรงพยาบาลของเรา”
“หมอภาค..ช่วยผมหน่อยได้มั้ยครับ หมอภาคเองก็รู้ว่าต่างประเทศมีหมอที่มีฝีมือเยอะมากแค่ไหน เขาไม่จำเป็นที่จะต้องมาขอหมอจากโรงพยาบาลของเราเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าเขาไม่เดือดร้อนจริงๆเขาคงไม่เอ่ยขอขึ้นมาแบบนี้ แล้วหมอภาคยังจะใจร้ายได้ลงจริงๆหรือครับ คนไข้ที่นั่นเขาต้องการที่จะให้เราไปรักษาอยู่นะครับหมอ“ เขาพูดแทรกขึ้นอย่างเสียมารยาทและพยายามอย่างมากที่จะหว่านล้อมคนตรงหน้าให้ตอบตกลง
น้ำเสียงของผู้อำนวยการตรงหน้าทำให้ภาคลำบากใจไม่น้อย เขาไม่ได้ลำบากใจในการที่จะต้องไปอยู่ต่างที่ต่างถิ่น แต่ที่เขาลำบากใจนั่นก็คือคนที่เขารู้สึกรอคอยและคิดถึงอาจจะยังอยู่ที่ไทย ซึ่งถ้าเขาไปอยู่ที่นั่นเขาจะต้องลาจากคนในความทรงจำของเขาไปตลอดกาล แต่ถ้าเขาเลือกที่จะอยู่มันก็แปลว่าเขาละทิ้งหน้าที่และจรรยาบรรของเขา ภาคถอนหายใจออกมานิดๆเมื่อตัดสินใจได้แล้ว
“ตกลงครับ ผมจะไป“
เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว ชายหนุ่มก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างปิดไม่มิด
“ขอบคุณมากนะหมอ ทางนั้นคงดีใจที่มีหมดฝีมือดีของที่นี่..ไปช่วย“ ผู้อำนวยการหนุ่มยิ้มกว้างออกมาอีกครั้งพร้อมกับหยิบเอกสารและสัญญาขึ้นมาจากแฟ้มเพื่อยื่นให้ภาคได้เซ็นสัญญาในการไปเป็นหมออยู่ที่นั่นแบบไม่มีกำหนด ภาครับมาแล้วอ่านสักพักจึงนำปากกาเซ็นลงไป
..
..
รัสเซีย
ภาคได้มาถึงที่นี่เมื่อคืน ซึ่งเขาได้มาพักในโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงแรมที่ทางโรงพยาบาลเป็นหุ้นส่วนอยู่ ภาคได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เหมือนอย่างที่ผู้อำนวยการหนุ่มได้บอกเขาจริงๆ ส่วนงานของภาคนั้นจะต้องเริ่มในอีกสองวัน คนที่มารับเขาได้บอกเขาเอาไว้ว่าให้เขาได้พักผ่อนแล้วเที่ยวเล่นก่อนได้เลย ทางโรงพยาบาลจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างเองไม่ว่าเขาอยากจะได้อะไร
ภาคเองก็รู้สึกดีและสบายใจเป็นอย่างมาก มากจนเขาเองเริ่มเอะใจถึงอะไรบางอย่าง เรื่องที่เขามาอยู่ที่นี่ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเห็นใจผอ.หนุ่มอยู่เหมือนกัน แต่พอผอ.หนุ่มเสนอความสบายให้เขามากขนาดนี้มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆไม่น้อย ถ้าให้พูดตามตรงคือฝีมือของเขากับอิฐไม่ได้ต่างกันมากนักและอีกเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกตงิดในใจนั่นก็คือ..เขาสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องมีเวรซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยสักนิดที่หมออย่างเขาจะทำงานเหมือนพนักงานออฟฟิศ เขาเป็นหมอผ่าตัดซึ่งเคสแบบนี้มันมักจะมาตอนที่เขากลับบ้านแล้วเสมอซึ่งเขาไม่สามารถเลี่ยงได้ไม่ว่าจะเหนื่อยมากขนาดไหนก็ตาม
“หวังว่ามันคงจะเป็นแค่ความคิดมากของตัวเองนะ หายไปตั้งห้าปี..คงไม่ได้มาเจอกันที่นี่หรอกใช่มั้ย“ ภาคพึมพำคนเดียวด้วยความกลัว เพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายที่เขากำลังนึก เป็นคนที่มีอิทธิพลมากขนาดไหน
ตกตอนเย็น
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูทำให้ภาคที่พึ่งอาบน้ำเสร็จเดินไปเปิดประตูทันทีและพบกับแม่บ้านอายุราวๆสี่สิบกว่าปีที่ทางโรงแรมจัดไว้เพื่อให้มาดูแลเขา
“...................“ ภาคมองหน้าเธอแทนคำถาม
“พอดีดิฉันจะมาถามคุณหมอน่ะค่ะว่าอยากจะรับประทานอาหารอะไรหรือไม่คะ“ คำพูดที่แสนจะเป็นทางการทำให้ภาคไม่ได้รู้สึกชินเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ครับ“ ภาคตอบกลับไปสั้นๆ แม่บ้านส่งยิ้มไปให้ภาคเล็กน้อยแล้วหันไปพยักหน้ากับบริกรที่มากับเธอเพื่อให้ถือถาดอาหารเข้ามา
“ดิฉันทราบมาว่าคุณเป็นคนไม่เรื่องมากเท่าไหร่นัก จึงได้จัดเตรียมอาหารมาให้คุณค่ะ หวังว่าคงชอบนะคะ“ แม่บ้านส่งยิ้มให้ภาคอีกครั้งแล้วหันไปมองบริกรคนเดิมเพื่อให้เดินเข้าไปในห้องของภาคแล้วจัดวางอาหารเพื่อให้ภาคได้กินอย่างสบายใจ
“ผมไม่ชอบให้คุณบุรุกที่ห้องของผม“ ภาคพูดกับแม่บ้านเสียงนิ่ง ซึ่งเธอเองก็มีเพียงรอยยิ้มติดมุมปากตอบกลับมาเพียงเท่านั้น
“ดิฉันทราบค่ะ แต่เพียงแค่ดิฉันอยากให้คุณท่านได้รับประทานอาหารสบายๆโดยไม่ต้องเหนื่อยจัดการเอง“ เธอตอบด้วยท่าทีสุภาพและใจเย็น จนภาคที่เริ่มอารมณ์ร้อนจำต้องอารมณ์เย็นตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เชิญพวกคุณกลับไปได้แล้วครับ ผมต้องการพักผ่อน“ ภาคพูดสั้นๆเพียงเท่านั้นก็ดันประตูออกกว้างเพื่อให้บริกรที่ยกอาหารเข้าไปในห้องของเขานั้นได้เดินออกไป
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันต้องขอตัวก่อนนะคะคุณหมอ หวังว่าคุณ..คงชอบอาหารที่ดิฉันเป็นคนจัดหามาให้ ขอตัวค่ะ“ เธอพูดเพียงแค่นั้นก็ก้มโค้งให้กับภาคแล้วเดินออกไปทันทีพร้อมบริกรที่มาด้วยกัน ภาคปิดประตูห้องและเดินไปยังโต๊ะอาหารเพื่อดูอาหารที่แม่บ้านสาวเอามา
!!!
อาหารที่แสนคุ้นหน้าคุ้นตารวมทั้งกลิ่นหอมที่คุ้นเคยลอยเข้าแตะจมูกของภาค จนทำให้ภาครู้สึกสั่นไหวแปลกๆ ความกลัวเข้ามาแทนที่ทันที เขากลัวหัวใจตัวเองรวมถึงความคิดของตัวเองด้วย เขากลัวว่าเขา..จะคิดถูกถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพราะเขาเองก็รู้ว่าแบงค์และครอบครัวมีอิทธิพลมากขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือต่างประเทศถ้าคนอย่างแบงค์ต้องการที่จะไปหรือต้องการอะไรก็สามารถทำได้ง่ายๆเพียงแค่ปลายนิ้วสั่ง
“กูขอให้ไม่ใช่มึง..กูขอให้ไม่ใช่“ ภาคได้แต่ภาวนาอยู่แบบนั้น ดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตาทำให้เจ้าของดวงตาคู่นั้นจำต้องกลั้นมันเอาไว้
“กูจะไม่ร้องไห้ให้มึงอีกแล้ว ห้าปีที่ผ่านมากูยังอยู่ได้โดยไม่มีมึง...“ ถึงจะไม่มีความสุขเลยก็ตาม ภาคต่อประโยคนั้นในใจ
“แต่อย่างน้อยกูก็ไม่เป็นไร“ ภาคกลืนน้ำลายลงคออีกครั้งและเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาและล้างความคิดฟุ้งซ่านที่กำลังก่อตัวขึ้น
โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังตกอยู่ในสายตาของใครบางคนที่เขาคอยจ้องมองรวมทั้งได้ยินคำพูดทั้งหมดของคนที่พึ่งเข้าไปในห้องน้ำ
“แล้วเราจะได้เจอกันเร็วๆนี้อย่างแน่นอนครับ..คุณหมอ“
มุมปากกระตุกยิ้มอย่างคนมีชัย ใบหน้าและดวงตาที่มองยังไงก็รู้ว่าอีกคนกำลังสนุก ชายหนุ่มปริศนาเอนตัวพิงลงที่เก้าอี้นุ่มแล้วจ้องมองร่างบางผ่านกล้องวงจรปิดอยู่แบบนั้นนิ่งๆ แววตาสำรวจไปทั่วเรือนร่างด้วยความรู้สึกบางอย่าง มุมปากยกยิ้มอย่างร้ายๆแล้วจ้องมองร่างบางที่กำลังตักอาหารกินผ่านกล้อง