ตอนที่ 5 ไม่มีค่า
“ค่ะ นาวจำได้” มะนาวสะอึกก้อนโต ๆ ผ่านลำคออีกครั้ง ก่อนที่มือบางจะเริ่มทำหน้าที่ เขาซื้อเธอสร้างความสุข เพราะงั้นเธอก็มีหน้าที่ปรนเปรออย่างเต็มใจ ให้คุ้มกับเงินที่เขาต้องจ่าย
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน สาวลูกครึ่งทำให้เขาพอใจทุกครั้ง
ไม่เคยขัดใจ
ไม่เคยปฏิเสธ
มันยิ่งตอกย้ำว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ใจง่าย พร้อมอ้าขาให้เขาทุกเมื่อ
นัยน์ตาคมมองการกระทำที่กำลังลูบไล้แผงอกแกร่ง เรียวปากอวบอิ่มกำลังไล่จูบต้นคอของเขา ปลุกเร้าอารมณ์ดิบของเขาอย่างที่เขาเคยพอใจ หากทว่ากลับทำให้อารมณ์เขาหยุดชะงักอย่างง่ายดาย
ง่ายซะจน…ไม่มีค่า!
จิณณะลุกจากร่างบางแล้วก้มหยิบเสื้อเชิ้ตตัวเองมาสวมใส่ลวก ๆ จากนั้นจึงสาวเท้าขึ้นชั้นบนของบ้าน ปล่อยให้มะนาวอึ้งค้างกับสิ่งที่เขาแสดงออกชัดเจน
ใช่ เธอหมดหน้าที่อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
ดวงตาสวยแดงก่ำอย่างห้ามไม่ได้ จบแล้ว มันจบจริง ๆ ใช่ไหม
ต่อจากนี้คงถึงเวลาที่เธอจะคาดหวังแค่อนาคตตัวเองเท่านั้น ไม่ต้องคาดหวังอะไรจากคนใจร้าย มะนาวพาร่างอันบอบช้ำจากแผลใจกลับเข้าห้องตัวเอง ทนอีกนิดเดียว เธอจะได้กลับไปอยู่กับตาแล้ว
ถึงเวลานั้นเธอคงรักษาแผลจนหายดี!
…
หนึ่งเดือนผ่านไป
ตั้งแต่วันนั้น ความสัมพันธ์ก็แปรเปลี่ยนไปไกล ผู้ชายที่เคยเป็นแสงสว่างกลับกลายเป็นความมืดมน เป็นฝันร้าย
มะนาวลุกขึ้นนั่ง กุมขมับตัวเองแล้วคลึงคลายความปวดหนึบ ไม่มีคืนไหนที่เธอจะนอนหลับฝันดีสักคืน
ทั้งที่เธอควรจะดีใจที่เขาตัดขาด ไม่ยื้อให้คิดเข้าข้างตัวเอง
และวันนี้ก็เป็นเหมือนกับทุกวัน มะนาวลุกจากที่นอน รีบเข้าครัวเตรียมอาหารมื้อเช้า จากนั้นจึงกลับเข้าห้องส่วนตัว อาบน้ำเตรียมตัวออกไปมหาวิทยาลัยอย่างเช่นทุกวัน
“คุณจิณณ์คะ ให้นาวจัดโต๊ะเลยไหมคะ” เธอจำได้ว่าเขาไม่มีสอนทุกวันศุกร์ เพราะงั้นหากเขาจะเข้ามหาวิทยาลัยก็จะเป็นช่วงบ่าย เธอจึงอยู่รอจัดโต๊ะให้เขาก่อน
“ไม่ล่ะ ฉันจะไปหาอะไรทานด้านนอกเอง”
“แต่นาวทำไว้เสร็จแล้วนะคะ”
“…” ร่างสูงหันไปสบตาหญิงสาวทันที สายตาที่บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์ที่โดนเซ้าซี้ใส่
“คุณจิณณ์ไม่ทานข้าวที่บ้านเป็นเดือนแล้วนะคะหรือเมนูที่นาวทำ คุณจิณณ์ไม่ชอบ อยากทานอะไรเป็นพิเศษบอกนาวได้นะคะ” มะนาวยังเอาใจ ถามไถ่ด้วยความรู้สึกที่แท้จริง ไม่ได้เสแสร้งแกล้งประจบ
“จะเซ้าซี้ไปถึงไหน คนไม่อยากกิน ทำไมต้องให้พูดซ้ำ!” แววตาจิณณะติดตำหนิ ไม่พอใจกับการถูกถาม มีสิทธิ์อะไรมาถาม ทำตัวอย่างกับเธอเป็นผู้หญิงที่เขายกย่องยังไงยังงั้น
แค่เขาให้เธอมีสิทธิ์เดินไปเดินมาในบ้านตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็ถือว่าเขาใจดีที่สุดแล้ว
เขาอุตส่าห์ไม่ตัดรอนก็เพราะเห็นว่าเธอยังเรียนไม่จบ ไม่มีที่ไป
แต่ถ้าวันนั้นมาถึง…เขาปล่อยเธอไปแน่
“ค่ะ งั้นนาวเก็บใส่ตู้กับข้าวไว้ให้นะคะ ถ้าเกิดคุณจิณณ์ไม่ออกไปไหนแล้วอยากทานที่บ้าน คุณจิณณ์จะได้เอาออกมาอุ่นได้ค่ะ”
“...” จิณณะมองตามแล้วเกิดอาการขัดใจ ยิ่งพูดยิ่งไม่รู้ความ นิสัยชอบเซ้าซี้ของเธอนับวันยิ่งทำให้เขาเบื่อหน่ายเต็มทน
“เอ่อ...คุณจิณณ์คะ”
“มีอะไรอีก!?”
“คืนนี้ นาวขอกลับไปนอนกับตาได้ไหมคะ” ในที่สุดเธอก็กล้าที่จะเอ่ยขอในสิ่งที่คิดตลอดทั้งอาทิตย์ นี่เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีที่เธอย่างกรายเข้ามาในบ้านครั้งนี้และขอกลับไปนอนบ้านหลังสวน
ขนาดเมื่อก่อน เขาไปเรียนต่อ เธออยู่คนเดียวที่บ้านหลังนี้เธอยังอยู่ได้ ทว่านับจากนี้เหมือนอะไร ๆ กำลังเปลี่ยนไป ทางที่ดีเธอควรที่จะเลี่ยงไปรักษาแผลใจที่บ้านบ้าง บางทีไม่เจอหน้าก็อาจจะทำให้ความรู้สึกที่เป็นอยู่ดีขึ้น
“...อืม”
และเมื่อเจ้าของบ้านเต็มอกเต็มใจ ไม่ยื้อเธออย่างที่อดีตเคยคิดไว้ ทำให้หัวใจที่มีแผล บอบซ้ำรอยเดิมจนเป็นเหวลึก ตอกย้ำจนชัดเจนกับความรู้สึกทุกอย่าง
เมื่อไม่มีอะไรต้องพูดต่อ มะนาวจึงขอตัวกลับเข้าห้อง หยิบกระเป๋าสะพายเพื่อเดินออกไปรอรถที่หน้าปากซอย
เธอรู้ว่าอาหารที่เตรียมให้วันนี้ก็คงถูกเททิ้งอย่างเช่นทุกวัน ต่อให้เธอจะขยันหาเมนูใหม่ ๆ มาตั้งสำรับ เขาก็ไม่หันแล แม้กระทั่งของโปรดปราน เขาก็ยังปฏิเสธทุกครั้ง
แต่จะให้เธอละเลยหน้าที่ ประชดประชันไปมันก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อเงินที่ใช้จ่ายในแต่ละวันยังเป็นเงินของเขาที่โอนเข้าบัญชีทุก ๆ เดือน
ถึงเธอจะไม่ได้ทำหน้าที่บนเตียงเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
แต่หน้าที่อื่น เธอไม่อยากให้เขาตำหนิไปถึงตาของเธอได้ และเมื่อเขาไม่ต้องการเธอ มะนาวจึงถือโอกาสนี้ขอไปพักบ้านตา
พอเธอเรียนจบ...คราวนี้คงถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกันจริง ๆ ไม่ต้องเป็นของเล่นเก็บซ่อนหรือหลบซ่อนสายตาใครอีกแล้ว
…
“มะนาว...”
นักศึกษาสาวลูกครึ่งชะงักเท้า เหลียวหน้ากลับไปมองต้นเสียง ทั้งที่จำได้ว่าเสียงเรียกนั้นคือใคร แต่จะให้เธอเดินต่อทำเหมือนไม่ได้ยิน เธอทำไม่ได้
“มะนาวจะไปส่งต้นฉบับโปรเจกต์เหรอ” น้ำพั้นช์วิ่งมาหยุดข้าง ๆ เพื่อนร่วมคณะอย่างมะนาว
“ใช่ นาวเพิ่งทำเสร็จเมื่อคืนนี้เอง น้ำพั้นช์จะไปส่งเหมือนกันเหรอ”
“อือ พอดีพวกยัยหลิวกับยัยตี้มันแฮงค์กันอ่ะ เราเลยมาคนเดียว ขอเดินไปที่ตึกอาจารย์ด้วยคนนะ”
มะนาวส่งยิ้มบาง ๆ พยักหน้ารับโดยไร้เหตุผลปฏิเสธ เธอพยายามตีตัวออกห่างแล้ว ทว่าเพื่อนร่วมคณะจะให้ไม่เจอ ไม่คุยกันเลย คงจะทำได้ยาก
“แต่พั้นช์ยังไม่ปริ้นเอกสารของพวกยัยตี้เลยอ่ะ รอพั้นช์แป๊บนึงได้ไหม” น้ำพั้นช์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงใจเล็กน้อย
เธอกลัวว่าจะรบกวนเพื่อน ยิ่งมะนาวเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว น้ำพั้นช์จึงเอ่ยไม่เต็มปากเต็มคำนัก
“ไปสิ เดี๋ยวเดินไปที่ร้านด้วยกัน”
ทว่า…จู่ ๆ มะนาวก็ไม่อยากฝืนตัวเอง เธออยากมีเพื่อนบ้างและเพื่อนแบบน้ำพั้นช์ไม่ได้มีง่าย ๆ
เธอสัมผัสได้ทุกครั้งว่าผู้หญิงแบบน้ำพั้นช์ จิตใจดี ไม่ได้เสแสร้งแกล้งเข้าหาเธอ ที่สำคัญเธอไม่ได้มีดีพอให้ใครเข้าหาอยู่แล้ว หากเปรียบเทียบกับผู้หญิงตรงหน้า
เธอและน้ำพั้นช์ ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
เพราะงั้นตัดปัญหาเรื่องเข้าหาเพื่อผลประโยชน์ได้เลย
ระหว่างที่ทั้งคู่เดินไปร้านถ่ายเอกสาร น้ำพั้นช์ที่เป็นคนช่างพูดช่างคุยก็ชวนพูดนั่นนี่ตลอดทางเดิน
“มาเร็ว เดี๋ยวนาวช่วย” มะนาวยื่นมือรับเอกสารจากน้ำพั้นช์มาจัดเป็นชุด ๆ
“ขอบคุณนะ ของพวกยัยตี้ยัยหลิวทั้งนั้นเลย”
“แล้วของน้ำพั้นช์ล่ะ เรียบร้อยดีไหม”
“น่าจะนะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มติดกังวลเล็กน้อย
“อ้าว ทำไมล่ะ” มะนาวจึงเอ่ยถามต่อ เธอรู้มาว่าน้ำพั้นช์ได้ที่ปรึกษาที่ดีระดับอาจารย์คณะอย่างจิณณะ แถมน้ำพั้นช์ยังเป็นผู้หญิงที่ร่างสูงหมายปอง เพราะงั้นงานนี้เขาต้องให้คำปรึกษาที่ดีแน่ ๆ
“ทำคนเดียวก็เลยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่น่ะ”
“ขอโทษนะ เพราะนาวเลย น้ำพั้นช์เลยต้องทำคนเดียว” เธอไม่ถามถึงอาจารย์ที่ปรึกษาเลือกที่จะเอ่ยถึงสาเหตุนั้นมากกว่า
“ไม่เป็นไรเลย อย่าคิดมาก”
“…” มะนาวยังคงรู้สึกผิดอยู่ดี ถ้าตัดเรื่อง ‘เขาคนนั้น’ ออกไป เธอไม่มีทางปฏิเสธน้ำพั้นช์เลย
“ใกล้จะหมดเวลาแล้ว เรารีบไปส่งต้นฉบับกันเถอะ” จากนั้นทั้งสองก็ชวนกันไปที่ตึกคณะอาจารย์การท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อเข้ามาใต้อาคาร ความบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่
ทำให้คนที่มะนาวไม่อยากเจอมากที่สุด กำลังเดินสวนมาทางเดียวกัน
ถ้าเธอมาคนเดียวรับรองว่า มะนาวไม่ลังเลที่จะหมุนตัวเลี่ยงไปทางอื่นก่อน
“สวัสดีค่ะอาจารย์จิณณ์” น้ำพั้นช์ทั้งยกมือไหว้และเอ่ยทักทาย ต่างจากอีกคนที่ทำเพียงยกมือไหว้เท่านั้น
“มาส่งต้นฉบับกันเหรอ” จิณณะเอ่ยถาม
“ค่ะ ขอบคุณอาจารย์จิณณ์มากนะคะที่ช่วยเป็นที่ปรึกษาให้พั้นช์”
จิณณะพยักหน้ารับยิ้มบาง ๆ แต่หางตากลับจับจ้องท่าทีของอีกคนว่าจะแสดงอะไรเกินหน้าเกินตาหรือเปล่า ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เขาเคยออกกฎไว้
มะนาวเรียนรู้กฎและปฏิบัติตัวอย่างดี
จนร่างสูงรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
ท่าทีพวกนั้นเหมือนเด็กอวดดีมากกว่าเด็กที่เชื่อฟัง
“ขอผมดูหน่อย” จิณณะยื่นมือรับต้นฉบับโปรเจกต์จากน้ำพั้นช์มาอ่านผ่านสายตาอีกรอบ จนเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งการจัดหน้าหรือเนื้อหา ถือได้ว่าเป็นต้นฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด
“เอ่อ…อาจารย์จิณณ์คะ ช่วยดูของมะนาวให้ด้วยได้ไหมคะ มะนาวก็ทำคนเดียวเหมือนกัน เผื่อมีอะไรต้องแก้บ้าง”
“…” มะนาวยืนนิ่งไปทันที
ทว่าจิณณะกลับยื่นมือมาทางมะนาวอย่างที่เธอคิดไม่ถึง “เอามาสิ”
เมื่อมะนาวเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย
จิณณะเปิดเอกสารอ่านคร่าว ๆ กวาดสายตาจับผิดต้นฉบับ หากทว่าทุกบรรทัดได้เรียบเรียงมาเป็นอย่างดี
จนนัยน์ตาคมก้มมองร่างแบบบางที่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา
“เรียบร้อยดีไหมคะหรือต้องแก้ตรงไหนบ้าง” น้ำพั้นช์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
จิณณะจึงส่ายหน้า ก่อนจะยื่นเอกสารคืนมะนาว
“งั้นพวกหนูขอตัวไปส่งต้นฉบับก่อนนะคะ…”
“…ไปกันมะนาว” ว่าแล้ว มือน้ำพั้นช์ก็กุมมือมะนาวแล้วจูงมือกันไปห้องส่งงาน
ร่างสูงเหลียวหน้ากลับไปมองทั้งคู่ คนหนึ่งเขาวาดฝันเอาไว้หลังเรื่องจบจะเริ่มเดินเกมให้ถูกต้อง เหมาะสมที่สุด ส่วนอีกคนที่เป็นของเล่นใกล้มือ อยากจะกินเล่นเมื่อไหร่ก็ไขว่คว้ามาได้ง่าย ๆ และหลังจากเรื่องจบก็หมดเวลาของ ‘ของเล่น’ ชิ้นนี้เช่นกัน