บทย่อ
เธอเป็นของเขาตั้งแต่อายุ 18 ปี ยอมอยู่ในมุมมืดเพราะข้อตกลงตั้งแต่แรก เป็น ‘ของเล่น’ ให้เขาเชยชม
บทนำ
หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งนอนเปลือยกายบนเตียงขนาดหกฟุตด้วยสภาพที่อ่อนแรง มีผ้าห่มผืนหนาคลุมกายจากความหนาวของเครื่องปรับอากาศ หากแต่ผิวเนียนที่โผล่พ้นผ้าห่มมีรอยจ้ำแดงหลายจุด จนสะดุดตาคนที่กำลังมองมา เธอเพิ่งจะได้นอนพักไม่ถึงสองชั่วโมง อยู่ ๆ ก็มีแขนหนาเขย่าร่างของเธอให้ตื่นจากภวังค์
“กลับไปนอนห้องตัวเอง!”
เสียงเข้มดุดัน ปลุกเธอให้ลุกจากเตียงของเขา
“อื้อ!…” เธอครวญครางเพราะลุกแทบไม่ไหว ร่างกายของเธอใช้งานหนักเกินไป
“ขี้เซา ลุกเดี๋ยวนี้!”
กระทั่งเสียงเข้มตวาดอีกครั้งก็ทำให้ ศิริมาศ หรือ มะนาว ลืมตาแล้วพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง ดึงกระชับผ้าห่มขึ้นมาปกคลุมเรือนร่างที่โดนรังแกครั้งแล้วครั้งเล่า
“ยังนั่งนิ่งอยู่อีก ไม่ได้ยินที่ฉันพูดรึไง”
“ขอโทษค่ะ…คุณจิณณ์” มะนาวลุกลี้ลุกลนลงจากเตียงในนาทีต่อมา
ร่างบอบบางตวัดขาลงมายืนอวดเรือนร่างไร้ผ้าปกคลุม แสงจากหัวเตียงสะท้อนกับผิวสีน้ำผึ้งระเรื่อ พอหญิงสาวยืนตัวตรง เรียวขาก็เต็มไปด้วยน้ำเชื้อไหลรินลงมาอย่างล้นหลาม จนเจ้าของการกระทำต้องเอ่ยสั่งเสียงเรียบเย็นและเด็ดขาด
“อย่าลืมกินยาล่ะ!” นั่นคือสิ่งที่เขาสั่งมาตลอดเกือบสองปี หน้าที่ป้องกันเขายกให้เป็นหน้าที่ของเธอและที่สำคัญคือห้ามลืม ห้ามพลาด ถ้ายังอยากมีที่ซุกหัวนอน มีเงินเดือนใช้เลี้ยงตัวเองและจ่ายค่าเทอม ห้ามขัดคำสั่งเขา ไม่อย่างนั้นเท่ากับว่าเธอกำลังตัดอนาคตตัวเอง
จาก ‘ของเล่น’ ที่เขาเอามาเชยชมบ่อยครั้ง อาจจะหมดหน้าที่โดยปริยาย
“ค่ะ” มะนาวตอบหนักแน่นแบบทุกครั้ง มือบางก้มลงไปเก็บเสื้อผ้าสวมใส่อย่างรีบเร่ง ก่อนที่จะโดนตำหนิไปมากกว่านี้แล้วก้าวเท้าผ่านเตียงนอนใหญ่เพื่อออกจากห้องของเขาอย่างด่วนจี๋
ความจริงเธอไม่มีสิทธิ์นอนหลับในห้องนี้ด้วยซ้ำ แต่ร่างกายรับไม่ไหวจนเผลอหลับแบบไม่รู้ตัว พอตื่นขึ้นมาก็เป็นอย่างที่เห็น
เขาให้เธอนอนพักเกือบสองชั่วโมง…นี่ถือว่าเขาปรานีกับ ‘ของเล่น’ ชิ้นนี้มากที่สุดแล้ว
มากกว่านี้…คงเป็นไปไม่ได้
แค่นึกถึงสาเหตุที่เธอถูกลงโทษทั้งคืนก็ทำให้ขนแขนลุกชูชันอย่างห้ามไม่ได้ เขาทั้งรุนแรงและดุดัน ต่างกับใบหน้าหล่อขาวตี๋ฉบับหนุ่มเหนืออย่างสิ้นเชิง
ย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อน…ตอนนั้นมะนาวยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยังเป็นเด็กสาวสิบเจ็ดย่างสิบแปด เธอกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย กำลังมีอนาคต หากทว่าทางบ้านดันขัดสน ติดปัญหาในหลาย ๆ อย่าง ยากเหลือเกินหากจะก้าวข้ามผ่านจุดนี้
‘มะนาว มานั่งนี่’ ตาแสงเรียกหลานสาวมานั่งใต้ซุ้มไม้ไผ่ที่คนเป็นตาสร้างขึ้นมาเอง การเรียกมาคุยครั้งนี้ผ่านการคิดไต่ตรองมาเป็นเวลาหลายคืนและมั่นใจว่าวิธีนี้จะช่วยให้หลานสาวมีอนาคตที่ดีได้ ตาแสงจึงเรียกมาคุยเพื่อบอกปัญหาภายในครอบครัว ครอบครัวที่มีอยู่กันแค่สองคน ‘ตาหลาน’
‘มีอะไรเหรอจ้ะตา’
เด็กสาวลูกครึ่งรูปร่างผอมสูง เธอสูง 170 เซนติเมตร ส่วนสูงที่สาว ๆ หลาย ๆ คนใฝ่ฝัน หากแต่ว่ามะนาวติดไปทางผอมมากกว่ามีน้ำมีนวล เหตุด้วยทำงานหนักตั้งแต่เด็ก กินข้าวไม่ตรงเวลา จึงทำให้มีโรคกระเพาะเป็นโรคประจำตัวมานานหลายปี
ศิริมาศ หรือ มะนาว เป็นชื่อที่ตาแสงตั้งให้ตั้งแต่เกิด หลังจากที่ลูกสาวคนเดียวของตาแสงอุ้มท้องกลับบ้าน ไร้ซึ่งว่าที่พ่อของเด็กในท้อง รู้เพียงพ่อของหลานสาวเป็นชาวต่างชาติ ขนาดเชื้อชาติแม่ของมะนาวก็ไม่เคยบอก ตาแสงจึงอยากให้หลานสาวคนนี้งดงามดั่งทองคำเหมือนกับชื่อจริง และมีความเปรี้ยวมั่นใจเหมือนกับชื่อเล่น
กระทั่งมะนาวลืมตามองโลกได้สามขวบ ในตอนนั้นเอง ตาแสงได้สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ลูกสาวเพียงคนเดียวได้จากโลกนี้ไปด้วยโรคซึมเศร้า ทิ้งไว้แค่เด็กน้อยตาสีนิลให้ดูต่างหน้า หากแต่ว่าเด็กคนนี้ไม่มีส่วนคล้ายแม่เลยสักนิด ทั้งสีผิว สีตา สีผม ล้วนได้เชื้อสายของบิดามาทั้งนั้น
พอมะนาวโตขึ้น คนเป็นตาจึงได้รู้ว่า สิ่งที่เหมือนแม่คงจะเป็นนิสัยของมะนาวที่มีความใจดี ขี้สงสาร เหมือนลูกสาวเขาไม่มีผิด เหมือนซะจนตาแสงไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น กลัวว่านิสัยตรงนี้จะเป็นภัยแก่ตัวเองเข้าสักวัน
‘รู้ใช่ไหมว่าตาไม่มีเงินเก็บ บอกตรง ๆ ว่าตาคงไม่มีปัญญาส่งหลานเรียนสูงกว่านี้’ ด้วยอายุที่มากขึ้นทุกวันบวกกับโรคคนชราเล่นงาน จึงทำให้รายได้ที่เข้ามาแค่ทางเดียวไม่มากพอที่จะส่งหลานสาวเรียนสูง ๆ
‘ไม่เป็นไรเลยจ้ะตา นาวสอบทุนได้ ส่วนพวกค่าใช้จ่ายรายวัน เดี๋ยวนาวทำงานพาร์ทไทม์เอาจ้ะ’ มะนาวบอกอย่างใจเย็น
‘เหนื่อยแย่เลย…’ ตาแสงสูดลมหายใจเมื่อต้องพูดถึงบางอย่างที่คิดไว้
‘…มะนาวจำคุณจิณณ์ได้ใช่ไหม’
‘ค่ะ จำได้’ ทำไมเธอจะจำไม่ได้ละ ก็เขาคือเจ้านายของตานี่ เวลาเธอไปช่วยตาที่บ้านของเขาก็บังเอิญเจอกันหลายครั้งแล้ว
‘…’ ตาแสงยังคงนิ่งต่อ กลัวในสิ่งที่จะพูด เพราะสิ่งนี้ตาแสงไม่คิดจะให้หลานสาวเป็น แต่วันหนึ่งกลับยัดเยียดให้ด้วยตัวเอง
‘มีอะไรรึเปล่าคะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นหรือว่าเขาไม่จ้างตาแล้ว’
เพราะสีหน้าไม่สู้ดีของตาเลยทำให้มะนาวเดาออกไปแบบนั้น ตาของเธออายุจะแปดสิบแล้ว หากเขาเลิกจ้างนั่นเป็นเรื่องปกติมาก
‘ไม่ใช่ ๆ คุณจิณณ์เขาใจดี เขาไม่ไล่ตาหรอก’
ใจดี…คำนี้ มะนาวได้ยินบ่อย เวลาที่ตาพูดถึง ‘คุณคนนี้’ ก็มีแต่เรื่องราวดี ๆ ความประทับใจที่คนสูงอายุมีให้เจ้านายหนุ่ม
‘ต่อจากนี้คุณจิณณ์จะเป็นผู้ปกครองให้มะนาว มะนาวไม่ต้องหางานทำ มีหน้าที่แค่เรียนและกลับมาทำงานบ้านให้คุณจิณณ์’
‘หมายความว่าเจ้านายตาจ้างนาวทำงานเหรอคะ’ เด็กสาวลูกครึ่งเข้าใจว่าได้เป็นแม่บ้าน ทำงานแลกเงินค่าใช้จ่ายประจำวัน เป็นอย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้มีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง ไม่ต้องกังวลว่าจะกลับบ้านดึก
‘นาวต้องย้ายไปอยู่ประจำที่บ้านคุณจิณณ์ด้วยนะ’ ตาแสงไม่ตอบคำถามหลานสาว แต่บอกอีกสิ่ง
‘ทำงานเสร็จแล้วกลับห้องไม่ได้เหรอคะ นาวไม่อยากทิ้งให้ตาอยู่คนเดียว’
‘ตาอยู่ได้ นาวไม่ต้องห่วง’
และเมื่อถึงวันที่ต้องย้าย ความจริงบางอย่างจึงได้ปรากฏ เธอไม่ได้มาในฐานะแม่บ้านอย่างที่เข้าใจ แต่เธอต้องมาเรียนรู้วิธี ‘สร้างความสุข’ ให้เจ้าของบ้าน