ตอนที่ 1 สร้างความสุข
ตึกตึก...
“ใจลอย คิดอะไรอยู่เหรอ”
“เอ่อ…พี่ผา เข้ามาตั้งแต่เมื่อไรคะ” คนนึกถึงอดีตสะดุ้งโหยง ดีที่เธอใช้มีดหั่นผักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างงั้นคงจะได้เลือดตกยางออกแน่
“ก็ทันได้เห็นเด็กใจลอย” ภูผาเด็กหนุ่มรุ่นพี่มะนาวปีหนึ่งตอบกลับด้วยความสนิทสนม “เป็นอะไรเหรอ ช่วงนี้พี่เห็นนาวไม่ค่อยมีสมาธิเลย”
“เปล่านี่คะ นาวปกติดี” มะนาวโกหกคำโตกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง
“อือ ไม่เป็นก็ไม่เป็น” ภูผาจึงถือกล่องอุปกรณ์ซ่อมแซมเข้ามาในครัวที่มีมะนาวกำลังทำอาหารเช้าอยู่ก่อนแล้ว
ภูผาเป็นเด็กช่างเก่า จบเพียง ‘ปวช’ หลังจากนั้นจึงตามพ่อแม่มาทำงานในสวนของจิณณะ สวนผลไม้ มรดกดั้งเดิมของตระกูล ด้วยความที่ยังเป็นเด็กหนุ่มจึงถูกวานให้มาดูสวนหน้าบ้านที่บ้านหลังนี้เป็นประจำและงานหลักอีกอย่างคือซ่อมแซมของในบ้าน เช่น ท่อน้ำ เปลี่ยนหลอดไฟ
“พักผ่อนบ้างนะ ช่วงนี้ดูเราโทรมไปหน่อย” หลังจากซ่อมท่อน้ำในครัวเสร็จเรียบร้อย ภูผาจึงเตือนด้วยความหวังดี ทั้งที่รู้สาเหตุนั้นดีว่าเกิดจากอะไร แต่ก็อยากจะเตือนเอาไว้
“นาวเรียนหนักช่วงนี้ แต่ใกล้จะจบแล้วคงหาเวลาพักกับเขาได้สักที” ดวงตาสีนิลประกายวาววับบางอย่าง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำอาหารเตรียมให้เจ้าของบ้าน
จิณณะ…อาจารย์หนุ่มคณะการท่องเที่ยวก้าวลงบันไดบ้านในชุดลำลอง แปลกตาอยู่มากเพราะปกตินอกจากชุดทำงานก็จะเป็นชุดอยู่บ้านแบบสบาย ๆ ไม่ได้หล่อเท่เท่ากับตอนนี้
“อาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะคุณจิณณ์” มะนาวปรายตาไปเห็นร่างสูงเดินลงจากบันได เธอจึงเอ่ยชวนเขามาทานอาหารเช้าที่เตรียมไว้ ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้พักเพราะรอให้ธุระช่วงเช้าเสร็จเรียบร้อยก่อน
จิณณะมองสาวลูกครึ่งด้วยแววตาพึ่งพอใจ เมื่อคืนเขาหักโหมไปหน่อย แต่เธอก็รับมือเขาเป็นอย่างดี แถมยังตื่นมาทำกับข้าวไว้รอได้ทันเวลา
“เธอกินเลย ฉันจะไปด้านนอก” ทว่าสิ่งที่เขาตอบกลับมาส่งผลให้ใบหน้ารูปไข่สลดทันที
มะนาวก้มหน้านึกเหนื่อยใจ ทำไมเขาไม่ยอมบอกเธอไว้ก่อน เธอจะได้ไม่ต้องตื่นมาทำให้เสียของแบบนี้
“เรื่องที่สั่งไว้เมื่อคืน จำได้ใช่ไหม”
“ค่ะ” มะนาวพยักหน้ารับ เธอไม่มีวันลืมสาเหตุที่ทำให้เธอแทบจะคลานลงจากเตียง
เมื่อจิณณะหมดเรื่องที่จะคุยด้วยแล้วจึงหมุนตัวออกจากบ้าน
“ไปมหา’ลัยเหรอคะ” ไม่วาย มะนาวก็เลือกที่จะถามไปบ้างเพื่อจะได้จัดสรรเวลาถูกว่าหลังจากนี้จะต้องทำอะไรบ้าง
ตึก!
ร่างสูงหยุดกับที่แล้วหันกลับมามองหญิงสาวที่โตเป็นสาวเต็มวัยแล้วต่างจากครั้งแรกที่เธอเหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้ในฐานะ ‘ของเล่น’ เขาปรายตามองอย่างดุ ๆ
“ฉันมีหน้าที่รายงานเธอตั้งแต่เมื่อไร!?” เขาย้อนถาม
“ขอโทษค่ะ” คำขอโทษหลุดจากปากมะนาวอีกครั้ง เป็นคำพูดที่ร่างสูงได้ยินบ่อยที่สุดตั้งแต่อนุญาตให้เธอเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้
“แต่ถ้าอยากรู้ ฉันจะบอก…” เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ จิณณะจึงยอมตอบ
“…ฉันจะไปหาน้ำพั้นช์ ทีนี้อยากรู้อะไรอีกไหม!?”
“ไม่มีแล้วค่ะ” มะนาวส่ายหน้าระรัว
“ดี!” เขากดเสียงต่ำ ก่อนจะหมุนตัวเพื่อออกจากบ้านอีกครั้ง
ทว่า!
“เอ่อ…คุณจิณณ์คะ”
“ไหนว่าไม่อยากรู้อะไรอีกไง” จิณณะพูดทั้งที่ไม่ได้หันหน้ามามองต้นเสียง
“คือ นาวขอไปเยี่ยมตาได้ไหมคะ”
“จะไปไหนก็ไป! ฉันไม่ได้ล่ามโซ่เธอไว้นี่” พูดจบ จิณณะก็สาวเท้าออกไปทันที ไม่แม้แต่จะหันมามองสาวลูกครึ่งอีก
คนพูดออกไปแล้ว แต่คนฟังยังยืนสะอึกอยู่กับที่ กี่ครั้งแล้วที่ต้องทนฟังคำดูถูก บาดหมางน้ำใจอย่างนี้ อยู่ ๆ น้ำใส ๆ ก็ไหลอย่างห้ามไม่ได้
ถ้าวันนั้นเธอกับเขาไม่ได้รู้จักกันในฐานะ ‘ของเล่น’ เขาจะเอ็นดูเธอเหมือนกับตอนนี้ที่เขาเอ็นดูผู้หญิงคนนั้นไหม จะพูดจาเพราะ ๆ กับเธออย่างที่เอ่ยกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า แต่ความเป็นจริงมันก็ตอกย้ำว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอไม่ใช่ลูกคุณหนู ไม่ใช่ลูกคนรวย คงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะร่วมโต๊ะอาหารกับเขาด้วยซ้ำ
‘ห้ามทำโปรเจกต์จบกับน้ำพั้นช์’
‘คะ…เอ่อ แต่อาจารย์ที่คณะอยากให้นาวคู่กับน้ำพั้นช์’
‘ฉันสั่ง เธอมีหน้าที่แค่ทำตาม’
‘ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ’
หมับ!
มือหนาบีบข้อมือเล็กดึงหญิงสาวเข้าหาตัวทันที ก่อนจะเน้นย้ำด้วยแววตาวิโรจน์
‘ให้หมดหน้าที่เป็น ‘ของเล่น’ ฉันก่อน ถึงเวลานั้นเธอจะทำอะไรกับใครอะไรยังไงก็เรื่องของเธอ…แต่ตอนนี้ฉันเป็นคนจ่ายเงินเลี้ยงเธอ เธอมีหน้าที่แค่ทำตาม!’
‘นาวขอถามได้ไหมคะ ว่าทำไมนาวถึงคู่กับน้ำพั้นช์ไม่ได้ ในเมื่อเราเป็นเพื่อน เรียนห้องเดียวกัน’
‘เพราะฉันไม่อยากให้ผู้หญิงที่ฉันชอบรู้เรื่องของเราไง’
‘…’ มะนาวหลบสายตาคู่นั้น ไม่อยากแสดงความรู้สึกบางอย่างออกไป
‘ฉันอุตส่าห์เก็บซ่อนเธอมาตั้งสี่ปี อย่าคิดทำควาาลับแตกเด็ดขาด!’