บทที่๔...พ่อลูกผูกพัน (๑)
๔
พ่อลูกผูกพัน
โซฟาตัวยาวมีหลานชายตัวน้อยนั่งตรงกลาง ขนาบข้างด้วยคุณทวดกับคุณปู่ที่ชวนคุยไม่หยุด คุณจิรเมธอุ้มหลานมานั่งตักพลางถามไถ่ด้วยแววตาเอื้อเอ็นดู เหมือนเห็นคิรากรขนาดย่อส่วนแต่นิสัยน่ารักกว่าเยอะ เพราะลูกชายคนโตของตนค่อนข้างถือตัว ไม่ชอบให้กอดให้หอมเท่าไหร่กระทั่งคนในครอบครัวก็ตาม
แต่กับต้นรักชอบอ้อนเป็นที่สุด ตอนนี้ก็เอนกายพิงคุณปู่พลางอ้อนตาแป๋วขอเล่นน้ำที่สระใหญ่ น้ำสีฟ้าครามที่อยู่ในร่มสามารถเล่นน้ำได้ทุกเวลา ทว่าเมื่อบุตรชายทั้งสองเติบโตก็ไม่ค่อยได้ใช้งาน คิรากรเข้าวงการบันเทิงไม่ค่อยมีเวลาให้คนในครอบครัว อชิราก็สานต่อความฝันเป็นศิลปินผู้หลงใหลในเสียงดนตรี
พอลูกโตก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง บ้านเริ่มเงียบเหงาจนคนแก่เริ่มอยากให้มีเสียงหัวเราะของเด็กๆ หวังว่าลูกทั้งสองจะสละโสดในเร็ววันแล้วมีลูกสักที
ใครจะคิดว่าดาราหนุ่มจะทำตามความฝันของพวกท่านให้เป็นจริง...
“ผมเล่นน้ำได้จริงๆ เหรอครับ” คุยฟุ้งเรื่องสระว่ายน้ำกับคุณปู่ พอท่านอนุญาตก็ตาโตด้วยความตื่นเต้น คนเป็นพ่อมองลูกชายตัวน้อยก็เอนกายพิงพนักโซฟาเดี่ยว ยกมือขึ้นกอดอกมองดวงใจของบ้านคนใหม่ที่ได้รับความสนใจมากเหลือเกิน
ดวงตาคมค่อยผินไปมองร่างบางซึ่งนั่งนิ่งสงบปากสงบคำอยู่ฝั่งตรงข้าม คงรอเวลานี้มานานสินะ ไม่แน่วันนั้นที่เจอกันอาจเป็นแผนของหล่อนก็ได้
“เล่นได้สิ ต้นรักว่ายน้ำเป็นใช่ไหม ให้ทวดจ้างครูสอนว่ายน้ำมาสอนที่บ้านหรือเปล่า” คุณครองสุขที่นั่งข้างกันจับมือหลานชายเอาไว้ ตามใจทุกอย่างขอเพียงแค่เด็กชายคณินเอ่ยปากเท่านั้น แล้วคำอนุญาตของคุณทวดก็ทำให้หนูน้อยยิ้มกว้าง ยกความดีความชอบให้มารดาทั้งหมด
“ว่ายเป็นครับ! แม่พาไปเรียนหลายครั้งแล้ว” คุณปรางทิพย์หันมายิ้มให้สะใภ้ซึ่งหล่อนก็เลือกจะยิ้มตอบไม่รู้จะพูดอะไร เพราะลูกชายชอบว่ายน้ำ ตอนมองเพื่อนเล่นน้ำดวงตาก็เป็นประกาย ถึงคณินจะไม่เคยรบเร้าขอเรียนแต่เธอก็พยายามเก็บเงินพาลูกชายไปเรียนว่ายน้ำจนว่ายเก่ง
ไม่แน่อนาคตข้างหน้าเด็กชายอาจเก่งถึงขั้นเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติก็ได้...
ความสนใจของคนในบ้านพุ่งไปที่เด็กชายตัวน้อย โดยเฉพาะคุณทวดที่ยิ้มแก้มปริไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อน จับมือน้อยไม่ยอมปล่อยขณะที่เพิ่งคิดออกเรื่องการศึกษา อายุสี่ขวบน่าจะเข้าโรงเรียนได้แล้ว แถวบ้านก็มีโรงเรียนชื่อดังหายแห่ง ซึ่งท่านก็พอจะรู้จักมักคุ้นกับเจ้าของสถานศึกษาอยู่บ้าง ให้ฝากเข้ากลางเทอมก็ไม่ยาก ขอแค่มีเงินอยากเรียนที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น
“เรื่องโรงเรียนของหลานว่ายังไงเหรอปราง จะให้หลานเรียนที่เดียวกับเจ้าคินไหม หรือให้เรียนที่นานาชาติ” คิรากรเรียนเอกชนมาโดยตลอด เขาไม่ชอบนานาชาติที่มีหลากหลายเชื้อชาติ ขณะที่โรงเรียนรัฐบาลก็อยู่ไกลบ้าน จึงเลือกเข้าชายล้วนที่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก แต่กระนั้นก็ใช้เวลาในการเดินทางเกือบครึ่งชั่วโมง
คุณครองสุขถามลูกสะใภ้อยากรู้ว่าจะเอาเช่นไร หากเรียนที่เอกชนใกล้บ้านก็สะดวกในการรับส่ง คุณปรางทิพย์หันไปมองสุทัชชาที่ตกลงกันเรียบร้อยเรื่องโรงเรียนของเด็กชายคณิน
“ให้เรียนที่เดียวกับคินแหละค่ะ ใกล้บ้านเราดี เวลาไปรับไปส่งจะได้สะดวกพวกเราด้วย” ท่านพยักหน้าเห็นด้วยในทันที เรื่องในบ้านส่วนใหญ่จะเป็นคุณปรางทิพย์ที่จัดการไปเสียทั้งหมด
“ปู่จะไปรับที่โรงเรียนทุกวันเลยดีไหม” คุณจิรเมธกอดหลานชายพลางจุมพิตที่กลางกระหม่อม อารมณ์ดีกับการที่บ้านมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น ยิ้มแก้มปริไม่ต่างจากบิดาเพราะบ้านหลังใหญ่เงียบเหงามานานเกินไป
มีเสียงหัวเราะของเด็กทำให้บ้านสดชื่นขึ้น จนหวังว่าบุตรชายจะมีลูกให้ตนในเร็ววัน...
แต่ดูท่าจะยากเพราะมองภรรยาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ไหนจะเรื่องที่เข้ากับคณินไม่ค่อยได้อีก คงต้องเริ่มสร้างสัมพันธ์ให้พ่อลูกไปทีละน้อย
“ดีครับ!”
รอยยิ้มของเด็กชายยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนคิรากรมากยิ่งขึ้น เสียแต่ดาราหนุ่มไม่ค่อยยิ้มแย้มในชีวิตประจำวัน อยากเห็นก็คงต้องดูจากละครที่ทำแสดงตามบาท ไม่เหมือนลูกชายคนเล็กที่ช่างอ้อนทว่านานทีจะกลับบ้านสักครั้ง ขนาดวันนี้นัดกันเสียดิบดียังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลย
“ไหนหลานอาอยู่ไหน อาอชิมาแล้วครับ!” เสียงดังมาแต่ไกลก่อนจะได้เห็นหน้าเสียอีก อชิราน้องเล็กสุดของบ้านภิรมย์เดชาเดินเข้ามาในบ้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อได้ยินข่าวใหญ่จากมารดา บอกว่าพี่ชายของเขามอบของขวัญแสนพิเศษให้พวกท่าน
คือหลานชายและลูกสะใภ้ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ!
เขาตัดสินใจเลื่อนงานวันนี้ออกไปเพื่อมาต้อนรับหลาน พาแฟนสาวไปซื้อของเพื่อจะได้มอบเป็นของขวัญที่เข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัววันแรก ต่อจากนี้เขาก็ไม่ต้องโดนมารดาถามบ่อยครั้งว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ทั้งที่เพิ่งพัฒนาสถานะจากเพื่อนกลายมาเป็นแฟนของเกสรได้ไม่นาน
อีกทั้งหล่อนยังยุ่งกับงานธุรกิจที่เพิ่งเปิด ดูท่าว่าอีกนานกว่าเราจะได้เข้าประตูวิวาห์ โชคดีที่พี่ชายทำตามความต้องการของผู้ใหญ่ คนเป็นน้องจึงรอดตายหวุดหวิด
“ต้องส่งเสียงดังด้วยหรือไง เบาหน่อยสิ” เสียงเอ็ดของคนที่เดินตามหลังไม่ได้ทำให้คนเสียงดังสะท้านสักนิด กลับหันมาอ้อนแฟนสาวที่เดินตามด้วยรอยยิ้มกริ่ม แววตาเปล่งประกายแสดงถึงความสุขเมื่อมีสมาชิกครอบครัวเพิ่ม
“โธ่น้ำ คนมันตื่นเต้นเพิ่งมีหลานเป็นครั้งแรกนี่น่า...โห หน้าเหมือนพี่คินอย่างกับถอดแบบออกมาเลย มองยังไงก็รู้ว่าเป็นลูกพี่คิน” ก้าวเข้ามายังห้องรับแขกก่อนจะจ้องเด็กน้อยที่นั่งบนตักของบิดา รีบเดินแทรกพี่ชายเข้าไปนั่งข้างคุณจิรเมธจนดาราหนุ่มถึงกับมองตาขวาง
เมื่อกี้น้องชายตัวแสบแทบจะเอาถุงต่างๆ ฟาดหัวเขาอยู่แล้ว มองไม่เห็นกันหรือไง
อชิราไม่นึกว่าพ่อลูกจะหน้าเหมือนกันราวย่อส่วนขนาดนี้ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นลูกใคร ไม่แปลกใจที่มารดาสงสัยจนต้องไปตามสืบจึงรู้ความจริง พี่ชายของเขาไปไข่ทิ้งเอาไว้เสียนานเลย ไม่ใช่ว่าจะมีเมียคนที่สองหรือสามตามมาหรอกนะ
“สวัสดีครับ” ยกมือไหว้นอบน้อม เขาเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งนึกเอ็นดูมากกว่าเดิม โบกมือทักทายพร้อมผายมือไปยังแฟนสาวที่ค่อยเดินมานั่งยังโซฟาว่างตัวนอกสุดข้างพี่ชายเขา เกสรยิ้มหวานให้เด็กตัวน้อยซึ่งจ้องหล่อนตาแป๋ว
“อาชื่ออชินะครับ ส่วนนี่อาน้ำเป็นแฟนของอาเอง” แนะนำตัวเสร็จสรรพพร้อมผายมือไปยังแฟนของตัวเอง หนูน้อยยิ้มกว้างขณะที่มองคุณอาคนสวยไม่วางตา ชอบดวงตากลมหวานกับรอยยิ้มที่เห็นฟันสวยของผู้หญิงตรงหน้า จึงชื่นชมอย่างจริงใจตามประสาเด็ก
“อาน้ำสวยจังเลย” อชิราหรี่ตามองหลานชาย ไม่วายเอ่ยถึงพี่ชายผู้นั่งหน้านิ่งกับแววตาเคร่งขรึมมองก็พอจะเดาออกว่าไม่ค่อยมีความสุขกับเหตุการณ์ที่เกิดเท่าไหร่ ทว่าเขากลับเห็นสายตาของคิรากรจดจ้องวนเวียนอยู่รอบตัวแม่ของลูกแทบตลอดเวลา
ดูเหมือนว่า...จะมีเรื่องน่าสนุกให้ติดตามเสียแล้วสิ
“แววเจ้าชู้มาแต่เด็กเลยนะเราน่ะ เหมือนพ่อไม่มีผิด” จากที่กำลังจดจ้องดวงหน้าหวานของสุทัชชาก็ต้องตวัดสายตากลับมามองน้องชาย พร้อมปรามเสียงเข้มเล่นเอาคนอายุน้อยกว่ารีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ตัวเองอาจจะโดนฝ่ามือฟาดลงกลางกบาล
“อ้าวไอ้ชิ” จ้องพร้อมเอาเรื่องจนนักร้องคนดังต้องหยิบของขวัญทั้งหมดออกจากถึง ทั้งหุ่นยนต์ที่เด็กชายหลายคนชื่นชอบ ไหนจะรถบังคับรุ่นหรูเพิ่งนำเข้าจากต่างประเทศ รถของเล่นอีกมากมายมั่นใจว่าตนต้องเป็นที่รักของหลานชายอย่างแน่นอน