บทที่๓...เริ่มต้นคำว่าครอบครัว (๑)
๓
เริ่มต้นคำว่าครอบครัว
จอดรถที่ช่องจอดประจำในโรงรถของบ้านเรียบร้อย ร่างสูงก็เดินขึ้นบันไดหน้ามุขผ่านโถงกลางที่มีแจกันยักษ์ใส่ดอกไม้ปลอมสีสันสดใสเพื่อต้อนรับคนเข้ามาใหม่ พร้อมกลิ่นหอมจากสเปรย์ปรับอากาศ ซึ่งเพื่อนทุกคนที่มาบ้านเขาต่างชมเป็นเสียงเดียวว่ากลิ่นหอมเหมือนเดิมอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้
คงต้องยกความดีความชอบให้คุณปรางทิพย์ที่ช่างสรรหากลิ่นหอมมาเปลี่ยนได้ไม่ซ้ำ แล้วทุกคนในบ้านก็ชื่นชอบ คนที่เพิ่งมาถึงสูดดมกลิ่นหอมด้วยความสดชื่น เพิ่งกลับมาจากไปพบปะสังสรรค์เพื่อนในวงการ นัดวันถ่ายปฏิทินของช่องซึ่งแน่นอนว่าเขาคือเมนหลักสำคัญ
ดวงตาคมเหลียวมองไปยังห้องรับแขก เห็นบิดาเป็นคุณปู่นั่งพูดคุยกันก็นึกสงสัย จึงเปลี่ยนเส้นทางจากตอนแรกจะขึ้นชั้นสอง กลับก้าวเท้ามาหาท่านทั้งสองแล้วทักทายเสียงสดใส
ตั้งแต่น้องชายย้ายออกไปอยู่ข้างนอกช่วงมหาวิทยาลัย เขาก็เปรียบเสมือนลูกชายคนเดียวไปโดยปริยาย นานทีอชิราจะกลับมาสักครั้ง เมื่อเดือนก่อนก็เพิ่งพาแฟนเข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทุกคนในบ้านจึงหันมากดดันเขา
อยากให้มีแฟนสักที...
การหาแฟนง่ายซะที่ไหนล่ะ บอกให้หาคู่นอนยังดูจะเข้าท่ากว่า
“หือ มาต้อนรับผมกันเหรอครับทำไมมานั่งที่ห้องรับแขกล่ะ” นั่งลงที่โซฟาเดี่ยวพลางหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อดับกระหาย
คุณจิรเมธ ภิรมย์เดชาอดีตนักแสดงชายผู้มีชื่อเสียงโด่งดังและโลดแล่นในวงการมากว่าห้าสิบปี ปัจจุบันก็ยังรับเล่นละครอยู่เนืองๆ พร้อมทั้งดูแลกิจการของครอบครัวที่เพิ่งลงทุนเปิดสนามกอล์ฟแห่งที่สาม ตามความชอบของคุณครองสุข ภิรมย์เดชาประมุขของบ้าน ปีนี้ท่านอายุแปดสิบกว่าแต่ก็ยังแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรไปให้ลูกหลานอีกนาน
โดยท่านมีความตั้งใจอยากจะเลี้ยงเหลน น่าเสียดายที่หลานชายไม่มีใครแต่งงานเลยสักคน ทั้งที่อายุอานามก็ไม่ใช่น้อย ถึงวัยมีครอบครัวได้แล้ว
“แม่ของแกบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย เลยให้พวกเรามารอที่นี่” นึกว่ามานั่งพูดคุยธรรมดา แต่คล้ายจะมีเรื่องสำคัญสินะ จากตอนแรกที่คิดไปพักผ่อนก็เลือกนั่งรอด้วยคน เขาอยากทราบเหมือนกันว่าคุณปรางทิพย์จะพูดเรื่องอะไร
นัดประมุขของบ้านมารอขนาดนี้...น่าจะเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร
แล้วคิรากรคนนี้จะพลาดได้อย่างไร
“คุณแม่ไปไหนครับ”
หันซ้ายแลขวาพยายามมองหาคนนัด ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถตู้พร้อมการปรากฏตัวของคุณผู้หญิง สายตาสามคู่จับจ้องไปที่คนเพียงคนเดียว ใบหน้าของนางเอกในตำนานเต็มไปด้วยความสดใส แววตาเปล่งประกายพร้อมเดินมานั่งลงที่โซฟาตัวนุ่ม ไล่สายตามองคนในครอบครัวแล้วหยุดลงยังคนต้นเรื่อง
อยากเข้าไปเขกมะเหงาสักครั้งกับสิ่งที่คิรากรสร้างตราบาปให้ผู้หญิงบริสุทธิ์ แต่พอคิดว่าตนได้หลานชายแสนน่ารักมาเป็นสมาชิกครอบครัวความโกรธก็พลันมลาย
“มาพร้อมหน้ากันแล้วใช่ไหม...”
“คุณแม่มีเรื่องอะไรเหรอครับ เป็นเรื่องสำคัญมากเลยเหรอ” ถามแทรกด้วยความอยากรู้ จึงโดนจ้องพร้อมกับคำพูดที่ชวนให้ร่างสูงตื่นเต้นมากกว่าเดิม เป็นคำเตือนที่หัวใจของคนฟังแทบจะหลุดออกมานอกอก
ผิดจากคุณปรางทิพย์ที่ทราบหมดทุกอย่างจึงยังคงนั่งนิ่ง วางกระเป๋าราคาแพงไว้บนตักเพราะในนั้นมีเอกสารสำคัญซึ่งสามารถมัดตัวคนร้ายได้อยู่หมัด
“สำคัญสิ สำคัญที่สุดเลยล่ะ...และเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับลูกด้วยนะคิน ทำใจดีๆ เอาไว้ล่ะ” เจ้าตัวนั่งเงียบไม่พูดจา คุณจิรเมธเริ่มมือชื้นเหงื่อตื่นเต้นมากกว่าเดิม ครองคู่กันมาหลายสิบปีจนมีลูกสองคน ทราบดีว่าเมื่อภรรยาพูดเช่นนี้
แสดงว่าเรื่องที่กำลังจะกล่าวคงใหญ่จริง กลายเป็นทนไม่ไหวรีบเร่งเร้าให้คนรักเอ่ยออกมาสักที
“รีบพูดมาเถอะปราง พ่อชักจะตื่นเต้นแล้ว” แต่ก็ช้ากว่าคุณครองสุขที่บอกสะใภ้ ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเรื่องนั้นคืออะไร หลานชายคนโตของตนไปก่อเรื่องราวอะไรไว้อย่างนั้นหรือ
“ค่ะคุณพ่อ”
หญิงสาวเพียงคนเดียวของบ้านโปรยยิ้มแจกจ่ายให้ชายต่างวันทั้งสาม พยักหน้าเป็นการขอบคุณแม่บ้านที่นำน้ำมาเสิร์ฟ จึงหยิบขึ้นจิบเล็กน้อยคล้ายต้องการถ่วงเวลา ยิ่งเห็นสายตากระวนกระวายของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ยิ่งสนุกมากกว่าเดิม
“บ้านของเราจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มอีกสองคน พรุ่งนี้คนรถจะไปรับเขาเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยกัน หวังว่าทุกคนจะให้การต้อนรับอย่างดีนะคะ” แค่เกริ่นเรื่องสมาชิกก็ทำให้ทุกคนหูผึ่งมากกว่าเดิม โดยเฉพาะคิรากรแทบนั่งไม่ติดโซฟา
ช่วงนี้มารดาชอบจับคู่ให้เขา หรือท่านกำลังคิดจะคลุมถุงชน...
เขาไม่มีทางยอมให้เรื่องล้าหลังเช่นนั้นเกิดขึ้นกับตนหรอก
“ใครเหรอคุณ” สามีรีบถามด้วยความอยากรู้ ยิ่งเห็นใบหน้าของคู่ชีวิตที่ยิ้มกรุ่มกริ่มเหมือนกำลังจะมีเรื่องดีเกิดขึ้นก็ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากรู้มากกว่าเดิม แทบนั่งไม่ติดโซฟาเอาแต่จ้องใบหน้าสวยหวานของนางเอกคู่บุญ
“ลูกสะใภ้...กับหลานชายของเราค่ะ” คำตอบสร้างความตระหนกให้หนุ่มทั้งสาม แต่คนที่เหมือนจะตกใจมากกว่าใครเพื่อนคือคิรากร
ลูกสะใภ้กับหลานชาย...ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร
คงไม่ได้หมายถึงเขาหรอกเพราะตนไม่มีแฟนมาหลายปีแล้ว เลิกใช้บริการทางเพศมาหลายปีเช่นเดียวกัน อีกอย่างกับแฟนคนเก่าที่คบมาก็ป้องกันตลอด ถ้าพวกหล่อนตั้งครรภ์ก็น่าจะมาหาเขาตั้งนานแล้วสิ คิดด้วยความสับสนก่อนโยนหินถามทางเพื่อให้ห่างไกลจากตัวเอง ยกชื่อของน้องชายที่ตอนนี้มีแฟนสาวเป็นตัวเป็นตน
หรือบางทีคุณปรางทิพย์อาจจะหมายถึงเกสร เนียมรักษาแฟนของน้องเขา ซึ่งอาจจะกำลังท้องก็ได้ ปลอบใจตัวเองเช่นนั้นแต่ใบหน้ากลับไม่ได้ดูโล่งอกสักนิด
“หมายความว่ายังไงครับคุณแม่ อชิมันมีหลานให้คุณแม่แล้วเหรอ”
“แม่ไม่ได้หมายถึงอชิ...แม่หมายถึงคินต่างหาก” ดวงหน้าคมถอดสีอย่างเห็นได้ชัดเมื่อทราบว่าเรื่องที่พยายามโยนออกห่างตัวเอง กลับไม่พ้นต้องวกกลับมาเหมือนเดิม คล้ายขวางงูไม่พ้นคอ มือหนาเริ่มชื้นเหงื่อจนต้องเช็ดกับกางเกง พยายามยิ้มที่คล้ายกับการแยกเขี้ยว ก่อนถามถึงที่มาที่ไปว่าเกิดอะไรขึ้น
ทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงมีเมียมีลูกได้ล่ะ ไม่มีสัญญาณมาก่อนเลย หรือมารดาไปหาแม่ลูกติดที่ไหนมาเป็นสะใภ้...
“ผมงงไปหมดแล้วครับ คุณแม่ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยได้หรือเปล่าว่าสะใภ้และหลานชายที่คุณแม่พูดถึงเป็นใคร แล้วเกี่ยวอะไรกับผมด้วย”
ถ้าคนที่พูดเป็นอื่นป่านนี้คงได้ซัดไปสักหมัดแล้ว แต่เพราะเป็นมารดาที่ไม่เคยพูดเรื่องล้อเล่นและท่านทำจริงมาตลอด คราวนี้เขาจึงหัวเราะไม่ออก นั่งเครียดจนอากาศที่เย็นจากเครื่องปรับอากาศเริ่มร้อนระอุ
“ผู้หญิงที่ลูกเจอวันที่ไปงานแซยิดของคุณอมรากับเด็กหน้าตาเหมือนลูก...คือลูกสะใภ้และหลานชายที่จะเข้ามาอยู่บ้านเราไงล่ะ” ภาพของหล่อนกับเด็กอวดดีเด่นชัดขึ้นทันทีจนเผลอตะโกนถามเสียงดัง เล่นเอาคนในห้องถึงกับสะดุ้งเป็นแถบ ไม่คิดว่าคิรากรจะตกใจมากขนาดนี้
“อะไรนะครับ!!”
หัวเขาตื้อไปหมดทำได้เพียงเผยอปากค้าง จำได้ทันทีว่าคนที่มารดาพูดถึงเป็นใคร เจอหล่อนอีกครั้งในรอบห้าปีไม่คิดว่าจะเจอเรื่องเซอร์ไพรส์ขนาดนี้ หญิงสาวแต่งงานจนมีลูกไปแล้วแต่ท่านก็ยังยัดเหยียดให้เขา กำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่