บทที่๑...เด็กคนนั้นคือฉันอีกคน (๒)
“จัดไปเลยครับ”
คนหลานนั่งกินขนมไม่ขาดปาก ขณะที่นาถหทัยเดินไปจัดแจงรอบบริเวณงาน สุทัชชาเดินลงจากเวทีเมื่อซ้อมเสร็จ แล้วมานั่งแต่งหน้าด้านหลังพร้อมบ่นลูกชายที่กินเยอะ แต่พอหันไปมองอีกทีหนูน้อยก็หลับไปเสียแล้ว
เล่นจนเหนื่อย กินจนอิ่ม...หนังตาก็ปิดทันทีเลยสินะ
เธอส่ายหน้าอย่างระอาปนเอ็นดู ชีวิตของเธอเหลือเพียงลูกคนเดียว เด็กชายคณินจึงเปรียบดั่งดวงใจของหล่อน...ถึงจะไม่ได้เกิดจากความรักก็ตาม
ร่างหนาในชุดสูทเต็มยศถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย พักจากงานละครเพราะทำงานหนักมาหลายปี คิดจะอยู่บ้านและไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อน ก็โดนมารดาลากมางานแซยิดของคนรู้จัก ซึ่งเขาไม่ได้สนิทสนมหรือรู้จักด้วยเลย
ช่วงนี้ไม่รู้คิดมากไปเองหรือเปล่า แต่คุณปรางทิพย์ ภิรมย์เดชามักจะควงลูกชายคนโตออกงานสังคมบ่อยครั้ง แนะนำให้รู้จักกับลูกท่านหลานเธอคล้ายอยากให้มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพียงแค่นั้นเขาก็มองออกทันทีว่าท่านต้องการอะไร
อยากจับคู่ให้ตนกับหญิงอื่นน่ะหรือ...ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก
ปีนี้คิรากรอายุครบสามสิบปีบริบูรณ์ เพิ่งผ่านงานวันเกิดเมื่อสองเดือนก่อน จัดอย่างอบอุ่นภายในครอบครัวแต่ขาดน้องชายที่คลานตามกันมาอย่างอชิรา ภิรมย์เดชา เพราะฝ่ายนั้นยุ่งกับการตามไปง้อสาวถึงต่างจังหวัด
พอกลับมาก็หวานกันจนเขาแทบทนดูไม่ไหว คนในครอบครัวยิ้มแก้มปริที่ลูกชายคนเล็กสละโสด เหลือเพียงคนโตที่ยังครองตัวโสดมาหลายปี ให้เหตุผลว่าเป็นนักแสดงมีแฟนคลับไม่อยากทำให้คนที่รักเขาเสียใจจึงไม่พัฒนาความสัมพันธ์กับใครสักที
ร้อนถึงคนเป็นแม่ที่อยากอุ้มหลานต้องหาคนรักให้ลูกชาย ต้องพาคิรากรออกงานเพื่อทำความรู้จักกับหญิงสาวที่หลากหลายอาชีพ เผื่อมีใครถูกใจคนช่างเลือกบ้าง
“อย่าทำหน้าบึ้งสิลูก แม่พามาสนุกนะคิน” จังหวะลงจากรถเพื่อเตรียมเข้างาน คุณปรางทิพย์หันมาเอ็ดบุตรชายที่ทำหน้านิ่งติดบึ้งตึง คล้ายท่านเป็นฝ่ายบังคับให้มางานเสียอย่างนั้น กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีจึงได้เตือน
“ผมไม่เห็นจะสนุกด้วยเลย คุณแม่ปล่อยผมนอนอยู่ที่บ้านไม่ได้เหรอครับ ทำไมต้องพามางานพวกนี้ด้วย ผมไม่เอนจอย” ตอบตามตรงขณะเดินเข้างาน
แค่มาถึงหน้างานก็ต้องหรี่ตาเมื่อเครื่องเพชรที่บรรดาคุณหญิงคุณนายสวมใส่ช่างแสบตาเหลือเกิน ตู้เครื่องเพชรเคลื่อนที่หรือเปล่าก็ไม่รู้ โดยเฉพาะเจ้าของงานที่ทำเอาเขาอ้าปากค้าง ชุดราตรีทองอร่ามไปทั้งตัว ไหนจะคอและข้อมือนั่นอีก
สมกับเป็นเจ้าของร้านทองเกือบห้าสิบสาขาทั่วประเทศจริงๆ
“คุณพี่ มาแล้วเหรอค่ะ” แค่ก้าวเท้าเข้ามาในงานยังไม่ทันได้ไปทักทาย เจ้าของงานก็เร่งฝีเท้าเข้ามาทักทายเสียงสดใส ใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมต้อนรับคนดังที่แค่เดินเข้ามาก็เรียกเสียงฮือฮาได้ทั่วสารทิศ โดยเฉพาะหนุ่มหล่อที่ยืนสูงเด่นเป็นสง่า
ใครบ้างจะไม่รู้จักนักแสดงหนุ่มที่กวาดรางวัลมากว่าห้าสิบรายการในเวลาไม่ถึงสิบปีที่เริ่มต้นการเป็นนักแสดง ผลงานของเขาสร้างชื่อเสียงหลายเรื่อง เพียงแค่มีชื่อของคิรากรอยู่ด้วย ทุกคนก็พร้อมเปิดโทรทัศน์เพื่อเสพความสุขที่เขามอบให้แล้ว
“ค่ะ นี่ของขวัญนะคะ หน้ายังสดใสเหมือนเดิมเลย อายุสี่สิบหรือเปล่าเนี่ย” มอบของขวัญให้ในงานวันเกิดครบรอบหกสิบปีของคุณหญิง เธอยิ้มกว้างแล้วรับของมาถือไว้ ถูกชมซึ่งหน้าก็ยิ้มรับอย่างรวดเร็ว อายุเยอะขึ้นไม่มีคำว่าหน้าบางเมื่อถูกคนอื่นชมอีกต่อไปแล้ว
“คุณพี่ก็พูดไป...ช่วงนี้ไปหาหมอบ่อยค่ะ ลูกๆ ทักว่าแม่ยี่สิบหรือเปล่า ฮ่าๆ” เข้าคลินิกจนแทบจะกลายเป็นหุ้นส่วนอีกคน คนฟังก็หัวเราะร่าไปด้วย มีเพียงคิรากรที่ยิ้มตามมารยาทเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ก่อนที่สายตาเจ้าของงานจะหันมามองเขา จึงรีบยกมือไหว้แสดงถึงความนอบน้อม สวมหน้ากากเพื่อเข้าสังคมอย่างรวดเร็ว ความจริงตอนเด็กก็มางานเลี้ยงกับมารดาบ่อย แต่พอเข้าวงการบันเทิงก็แทบไม่ได้ไปไหนนอกจากกองถ่ายละคร
พอเขาว่าง...คุณปรางทิพย์ก็จับเข้าสู่สังคมอีกครั้ง
และคราวนี้ก็มีวัตถุประสงค์แอบแฝงที่ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตนจะเลี่ยงเช่นไร
อายุแค่สามสิบยังอยากสนุกกับชีวิต ถือเป็นช่วงที่ควรเที่ยวสนุกและใช้เงินที่หามาได้ตามใจตัวเองไม่ใช่เหรอ ทำไมมารดาต้องให้เขามีครอบครัวด้วย
ท่านกับบิดาก็แต่งงานกันตอนสามสิบกว่า มีลูกตอนเกือบสี่สิบไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แล้วจะกะเกณฑ์กับเขาทำไม
“สวัสดีครับคุณน้า” ยกมือไหว้คุณหญิงอมราอย่างนอบน้อม กริยาของหนุ่มคนดังอยู่ในสายตาของหญิงสาวทั่วงาน ต่างหมายจะเข้ามาทำความรู้จักเขากันทั้งนั้น แค่คิดคิรากรก็ปวดหัวแล้ว
เพราะผู้หญิงเหล่านี้คิดจริงจังกับความสัมพันธ์แน่นอน ขณะที่เขายังไม่อยากหาห่วงมาผูกคอตัวเอง ถึงน้องชายจะบอกว่ามีแฟนมันดีอย่างนั้นอย่างนี้...ก็ปล่อยให้มีไปเถอะ
เขาไม่อยากมีสักหน่อย อยู่คนเดียวสบายและคล่องตัวกว่ากันเยอะ
“หล่อวันหล่อคืนเลยนะลูก วันนี้ควงคุณแม่ออกงาน สาวๆ มองกันตาโตแล้ว...เชิญค่ะ เชิญตามสบายเลยนะคะ” พอมีคนจะเข้ามาทักเจ้าของงาน จึงรีบผายมือเชิญให้คุณปรางทิพย์กับบุตรชายเข้าไปในงาน ส่วนตนก็หันไปทักทายแขกท่านอื่น
“ผมไปเข้าห้องน้ำ...” แค่เดินออกมาจากคุณอมราก็เห็นสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมายังตน เขาแทบไม่อยากก้าวเท้าไปข้างหน้า หมายจะหมุนกายเพื่อออกไปข้างนอก โดยบอกเหตุผลที่พอจะฟังขึ้นกับมารดา ทว่ากลับถูกคว้าแขนเอาไว้ทันท่วงที
ร่างสูงถอนหายใจเสียงเบา ไม่กล้าขัดใจคุณปรางทิพย์พอดีกับที่มีสาวสวยเดินเข้ามาทักทาย เจ้าหล่อนยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ใบหน้าใสซื่อผิดกับแววตาพราวระยับที่มักส่งให้เขาตั้งแต่เดินเข้างานแล้ว พอจะรู้ความต้องการของเธอ แต่เขาไม่ค่อยอยากเล่นด้วยเท่าไหร่
ช่วงนี้ชอบอยู่คนเดียว เสพผลงานศิลปะและภาพยนตร์ ทั้งยังมีแผนจะไปเรียนร้องเพลงเพิ่ม อยากลองไปแคสละครเวทีดูสักครั้ง
“หนูไหมมางานเหมือนกันเหรอลูก” ท่านมางานเลี้ยงจนจำลูกของเพื่อนได้แทบทุกคน เคยคัดเลือกในใจด้วยซ้ำว่าใครเหมาะกับลูกชายของตนบ้าง แต่พอเริ่มพูดกับคิรากรก็โดนปัดตกเสมอ นึกหน่ายใจกับความช่างเลือกของอีกฝ่าย