บทที่ 4
อนุชิตถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด เขารอให้อรุณพิไลโทรศัพท์มาหาเขาแต่หล่อนก็ไม่ยอมโทรสักที เขาให้ทางหมอไปเร่งแล้ว แต่หล่อนก็ยังไม่ยอมโทรมาสักที เขาจึงเริ่มขยับด้วยการส่งข้อความไปเกริ่นนำ ถามเธอว่ายังสนใจที่เขาเสนอให้อีกไหม พร้อมกับพิมพ์ข้อความไปโดยหวังว่ามันจะเป็นไม้ตายที่ทำให้เธอติดต่อกลับมา
อรุณผมอยากให้อรุณมองข้อเสนอของผมอีกที ยังไม่ต้องเซ็นสัญญาก็ได้ แต่ผมมีเงินให้ก่อนค่าเป็นเด็กฝึกหัดระหว่างที่ตัดสินใจมาเป็นเด็กในสังกัดผม สามแสนบาท ไม่มีผูกมัดใดๆ แค่อรุณมาอยู่ที่คอนโดที่ผมเตรียมไว้ให้ คิดดูดีๆ นะครับ ผมรอคำตอบอยู่
ใช้ไม้นี้ไปก่อนก็แล้วกัน ไว้มาอยู่ใกล้ๆ ค่อยรุกคืบกันอีกที...
เขายิ้มกับความคิดของตนเอง เงินที่เสนอ แล้วก็เงื่อนไขที่ยื่นให้ ยังไงนังเด็กที่กำลังจนแต้ม จวนตัวเรื่องพ่อ ก็ต้องโผมาหาเขา สามแสน แลกกับหล่อน คุ้มแสนคุ้ม ถึงหล่อนจะไม่อยากเข้าไปในวงการ เขาก็จะเก็บหล่อนไว้เพื่อการอื่น...ซึ่งมันก็คงจะทำให้เขามีความสุขมาก
นึกถึงหน้าอรุณพิไล เพียงแค่นั้น อะไรๆ ของเขาก็คึกคัก หล่อนจะรู้ตัวไหมว่า มีเสน่ห์ทางเพศมากขนาดไหน แค่หล่อนมองสบตา ทำท่าสะเทิ้น มันก็ทำให้ผู้ชายคลั่งโดยไม่ต้องแก้ผ้า ต้องแหวกโชว์เรือนร่างมากมายด้วยซ้ำ เขาจะใช้เสน่ห์นี้หารายได้ให้ตัวเอง และหาความสุขให้กับตนเอง
เขาชอบเธอมาก...
รออีกสิบนาที อรุณพิไลก็ไม่ได้อ่านข้อความของเขา เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ เมื่ออกมาก็มีเสียงข้อความเข้า เขาดีใจมาก แต่เมื่อก้มดูหน้าจอ ก็ปรากฏว่าเป็นข้อความของใครบางคน ที่ทำให้เขาถอนใจเฮือก
แก้มจะไปหานะคะคุณแอมป์ วันนี้ทุ่มหนึ่งเจอกันที่ห้องของเราค่ะ
ไม่ทำงานหรือวันนี้ ไหนบอกว่าจะไลฟ์ตอบคำถามแฟนคลับไม่ใช่หรือครับ
ไม่อะค่ะ ไม่เอา อยากเจอคุณแอมป์
แล้วไม่เตรียมตัวเรื่องบทล่ะครับคนดี อีกไม่กี่วันต้องบินไปจีนแล้วนะ ไหนจะเรื่องภาษา โดดเรียนไม่ดีนะ เหล่าซือบอกมาว่าแก้มโดดไปสามหนแล้ว
หยุดพูดเรื่องงานก่อนได้ไหมคะ เย็นนี้ดินเนอร์กับแก้ม นะคะคนดี แก้มเตรียมเชือกสีแดงไว้รอ...แล้วก็วิปครีมยี่ห้อที่คุณชอบ
ข้อความนั้นทำให้อนุชิตถึงกับเผลอลมหายใจสะดุด เมื่อนึกได้ว่าหล่อนจะเอาเชือก...และวิปครีมมาทำไม เอาเถอะ ตามใจหล่อนบ้าง ศรันย์พรเป็นตัวขายของเขา ตัวท็อปของบริษัท เขาดูแลหล่อนดีในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเงินและเรื่องอย่างอื่น เขาทำให้หล่อนเสพ...และติดเขา หลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้น ความสัมพันธ์ที่มากกว่าการเป็นผู้จัดการกับดารานี้ มีเพียงเขาและหล่อน คนใกล้ชิดอีกไม่เกินสามคนที่รู้ เพราะทุกอย่าง มันต้องเป็นความลับ ซึ่งนั่นก็ดี มันทำให้เขายังไม่ต้องรับผิดชอบหรือประกาศความสัมพันธ์ใดๆ กับหล่อน อนุชิตเป็นผู้จัดการดาราที่น่าจับตามากที่สุดในพ.ศ.นี้ ปั้นใครก็ดัง มีแต่คนอยากมาอยู่ในสังกัด ซึ่งเขาก็เลือกเฟ้นแต่คนที่มีโปรไฟล์ดี น่าสนใจ ต่อยอดสร้างกระแสดราม่าและกระแสชื่นชมได้ ศรันย์พรตอนนี้คือเบอร์หนึ่งฝ่ายหญิง ส่วนเจคอบคือเบอร์หนึ่งฝ่ายชาย ที่เขามุ่งมั่นจะทำให้ทั้งสองดังในระดับตัวท็อปของเอเชีย เขาจึงต้องเอาใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะศรันย์พร ที่สัญญาระหว่างกันใกล้จะหมดและหล่อนยังลีลาไม่ยอมต่อสัญญาด้วย ซึ่งก็มีใครบางคนจ้องจะงาบหล่อนไปเป็นเด็กในสังกัด ซึ่งเขายอมไม่ได้แน่นอน เขาจะต้องทำทุกทางเพื่อให้หล่อนต่อสัญญา
เอาเถอะ เรื่องของอรุณพิไล ค่อยไปจัดการ จะอย่างไรเพชรในตมนั่น คงยังไม่มีคนไปคว้ามาหรอก หึๆ
เขาตอบข้อความไปว่าตกลง และยังคงจ้องกับข้อความตอบกลับจากอรุณพิไลอย่างหงุดหงิด หล่อนไม่ยอมอ่านไม่ยอมตอบ ไม่ห่วงพ่อของหล่อนหรือยังไงกันนะ หรือว่ามีใครยื่นข้อเสนอช่วยบิดาของหล่อนไปแล้วกันวะ...
คงไม่หรอกน่า
คิดวุ่นวายอีกพัก เขาก็ตัดใจจากการรอ แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย เพื่อรอคอยแขกคนสำคัญ เขาดื่มเครื่องดื่มชูกำลังไปหนึ่งขวด แล้วก็หัวเราะเบาๆ คืนนี้ท่าทางจะต้องออกศึกหนักพอสมควร เพราะศรันย์พรเป็นคนตะกละในเรื่องเซ็กซ์...
เขาจะสนองหล่อนให้ถึงใจเลยล่ะ
นังเด็กร่าน...
..............................................................................................................................................................................
อรุณพิไลรู้สึกปวดหัวและมึนงง ขณะที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เธอ...กำลังสับสน...นี่มันอะไรกัน เหมือนโลกดับไปครู่หนึ่ง หลังจากที่เธอได้รับอนุญาตให้งีบได้ในห้องทำงานของอาจารย์ศาสตรา...
เธอลุกพรวดขึ้นนั่ง แล้วก็ต้องร้องกรี๊ดออกมาเบาๆ เมื่อรับรู้ว่าตนเองเกือบเปลือย เธอมีเพียงบารเซียและกางเกงในติดกาย เธอรีบตะครุบผ้าห่มที่ตกลงไปที่เอวบางขึ้นมาปิดเนื้อตัว แล้วก็ต้องช็อคเมื่อเห็นว่ามีใครคนหนึ่งกำลังนั่งทอดกาย นั่งพลิกหนังสือเล่มหนาอยู่บนเตียงเดียวกับเธอ!
นัยน์ตาคมกริบนั้นละจากกระดาษตรงหน้า ปรายมองมายังเธอ มองสบตากับนัยน์ตาเบิกโพลงของอรุณพิไล สีหน้าของเขาช่างเย็นชานัก เมื่อมองมายังเธอ เขายิ้ม..นั่นเรียกว่ายิ้มได้ไหมนะ แค่คลี่ริมฝีปากเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงเย็น
“ตื่นแล้วหรือ? นอนไปนานเลยนะ เกือบสิบชั่วโมงเลย”
“นะ นี่ มัน หมายความว่าอย่างไรคะ อาจารย์”
เธอรวบรวมเสียงที่หายไปกลับคืนมาได้ในที่สุด และเอ่ยถามเขาเสียงละล่ำละลัก เขาถอนใจน้อยๆ แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือของเขาต่อ เธอเห็นว่าเขาสวมเพียงเสื้อนอนเปิดกระดุมออกทุกเม็ด เผยให้เห็นผิวกายของเขาที่ขาวสะอ้าน มัดกล้ามนั่นเห็นได้ชัดเจน แผงอกของเขากว้าง และเผลอมองไล่ไปตามแนวของกล้ามเนื้อหน้าท้อง เธอมองเห็นไรขนอ่อนๆ ตรงบริเวณสะดือของเขา มันหายไป...ในขอบกางเกงนอนขายาวนั่น เขานั่งขัดสมาธิ ข้างเธอที่เกือบเปลือย บนเตียงสองต่อสอง นี่มันเกิดอะไรขึ้น...
“หมายความอย่างที่เธอคิด”
เขาตอบ อรุณพิไลอ้าปากค้าง หน้าซีดเผือด มือที่กำผ้าห่มไว้กำแน่นจนข้อมือขาว มันหมายความว่า....ว่าอะไร?
เมื่อเห็นเธอนิ่งไป เขาจึงเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลังอ่าน ปรายตามองเธอ แล้วขยับแว่น พลางวางมันลง แล้วเอื้อมมือไปโคลงศีรษะของเธอ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ เย็นชา เหมือนสีหน้า
“เธอเป็นของผมแล้ว ต่อไปนี้ก็ย้ายมาอยู่ที่นี่”
“อะไร อะไรนะคะ”
“ทำไมเข้าใจอะไรยากจัง”
เขาถอนใจอีกหน แล้วคว้าเธอเข้าไปในอ้อมแขนอรุณพิไลตัวแข็งทื่อ อ้อมอกอุ่นจนร้อนผ่าวนั่น กำลังลวกร้อนผิวของเธอ สัมผัสนั้นทำให้เธอใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก ตาของเธอจ้องตาเขา อาจารย์หนุ่มใหญ่ถอดแว่นออกวางลงข้างเตียง เผยให้เห็นนัยน์ตาคมสวยนั่น ตาของเขาสวยมาก แต่ประกายตานั้นช่างแสนเย็นชา ไร้ความรู้สึกเสียเหลือเกิน
“ทบทวนกันอีกสักรอบไหม ว่าเราทำอะไรกันลงไปบ้าง”
“มะ ไม่นะคะ” เธอร้องห้ามเมื่อเขาทำท่าจะก้มหน้าลงมาใกล้ เธอดิ้นรนในอ้อมแขนเขา ศาสตราปล่อยเธอแล้วลุกขึ้นยืน เขาคว้าเอาแว่นมาสวม พร้อมกับถือหนังสือเล่มหนาไว้ในมือ ก่อนจะยืนข้างเตียง อรุณพิไลตอนนี้ทั้งสับสน มึนงง และเขินอาย ความรู้สึกปะปนกันไปหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแน่? กับสิ่งที่เขาประกาศบอกเมื่อครู่
“เป็นอันว่า เธอเป็นของผมแล้ว อรุณ ความสัมพันธ์นี้ขึ้นอยู่กับผมตัดสินใจ...ถ้าคุณอยากเรียนจบ คุณก็ต้องยอม...ให้มันดำเนินไป จนกว่าผมจะพอใจ”
“อาจารย์”
เธอมองหน้าเขา ตะลึงอึ้งกับคำพูดและเงื่อนไขนั้น เขาหัวเราะเบาๆ แล้วยิ้ม...อีกหน และหนนี้นัยน์ตาที่นิ่งเฉยนั้น กลับเปล่งประกายดุวับจนเธอนึกกลัว
“เธอไม่มีสิทธิ์โต้แย้งอะไรกับผม อรุณ รู้แค่ว่าตอนนี้คุณเป็นของของผม...และอยู่ในอาณัติของผม ถ้าไม่อยากให้ชีวิตต่อจากนี้ไปยุ่งยากก็ทำตามที่ผมสั่ง...”
“อะ...อาจารย์”
เธอเม้มปาก น้ำตาร่วงเผาะลงเพราะเกรงเขา กลัวในคำขู่ และกำลังสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง ทำไม? เขาถึงทำแบบนี้กับเธอกัน...ทำไม
“แต่งตัวเสีย ผมจะไปส่งที่บ้าน ไปเก็บของ มาอยู่ที่นี่”
เขาสั่ง แล้วเดินหันหลังให้เธอ ก่อนที่จะแตะลูกบิดประตู เขาก็หันมาอีกครั้ง แล้วเอ่ยเสียงกำชับอย่างเผด็จการ
“เรื่องระหว่างเรา มันจะเป็นความลับ...ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับผม ว่าจะให้มันจบเมื่อไหร่ ขอให้เข้าใจตามนี้ อรุณ ผมไม่ชอบการปฏิเสธ ผมอยากให้เธอยอมรับมัน...ไม่ต้องมีข้อโต้แย้งมากมาย แล้วผมจะทำให้เธอมีความสุข ตลอดเวลาที่เธอเป็นของผม”
เขาเดินออกไปและปิดประตูเบาๆ
ทิ้งอรุณพิไลไว้กับความสับสนและไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เธออยากให้มันเป็นความฝันจริงๆ