บทที่ 3
อรุณพิไล คุณาทอง
เขากวาดสายตาไปตามข้อมูลของนิสิตปีสาม...ที่ปรากฏในจอคอมพิวเตอร์ พลางเม้มปากเล็กน้อย เขาเคยเห็นหล่อน...ต้องเคยเห็นอยู่แล้ว หล่อนคือนิสิตในคลาสสอนของเขา ที่ทำคะแนนได้ดีมาก ผลการเรียนของหล่อนดีมาก และแน่นอนว่าจบปีการศึกษาหน้า หล่อนจะต้องได้เกียรตินิยม
เขาจำหล่อนได้ดี เพราะใบหน้ารูปหัวใจนั่น หล่อนมีรูปร่างที่กะทัดรัด หากแต่น่ามอง ดูละมุนตาไปหมด เขาแม้จะเป็นคนนิ่งเฉย ควบคุมตัวเองได้ดี ยังอดไม่ได้ที่จะเผลอมองสะโพก เอวคอดนั่น หล่อนเป็นคนที่มีสะโพกสวยมาก เอวคอดแบบมือเดียวคงจะรวบได้ หน้าอกของหล่อนแม้จะไม่ใหญ่โต แต่ก็มีพอดิบพอดีกับตัวหล่อน หุ่นนาฬิกาทรายแบบนั้น เป็นหุ่นในฝันของผู้ชาย...ส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้
ศาสตราเม้มปาก เรื่องราวที่ได้ยินมาจากน้องสาว ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อ ว่าหล่อนจะร้าย....ได้ถึงขนาดนั้น แต่ก็อย่างว่า ผู้หญิง...เขาเจอมากับตัวหลายหน ยิ่งสวยยิ่งอันตราย เขาไม่เคยไว้วางใจผู้หญิงสวยคนไหนเลยก็ว่าได้ กุหลาบยิ่งงาม หนามยิ่งแหลม...หล่อนก็ไม่น่าจะใช่ข้อยกเว้น
เขาใช้นิ้วเคาะที่โต๊ะเบาๆ ก่อนจะมองไปยังกองรายงานที่นักเรียนในคลาสส่งมา หรี่ตาลงแล้วยิ้มนิดๆ เขาได้วิธี...ที่จะเรียกหล่อนเข้ามาหาเขาแล้ว
เขาจะเรียกหล่อนมาเพื่อใช้เหยื่อล่อ
เมื่อหล่อนงับมัน
เขาก็จะกระตุกหล่อนขึ้นมาแล้วจับหล่อนขังไว้เสียจะได้ไม่ต้องไปทำความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับน้องสาวของเขา
ศาสตราขยับแว่นที่สวมเบาๆ มันเป็นอาการที่เขามักจะทำเวลาครุ่นคิดยามเผลอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อกับนิสิต ก่อนจะกดโทรออก
ทางนั้นรับสาย เสียงของหล่อน...หวานใสเหมือนระฆังเงิน
“ผมอาจารย์ศาสตรา ขอให้คุณมาที่ห้องหัวหน้าภาควิชาด้วยครับ รายงานของคุณที่ส่งมามีปัญหา คุณอรุณพิไล”
“เอ่อ...ค่ะ”
หล่อนดูจะตกอกตกใจ กับสิ่งที่เขาบอกนัก เสียงนั้นสั่นและตอบกลับมาว่าหล่อนจะรีบไป เขาบอกกำหนดเวลาว่าห้ามเกินครึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้นจะปรับหล่อนให้ตก หล่อนยิ่งรีบละล่ำละลักรับคำอย่างรวดเร็ว
ศาสตราถอนใจน้อยๆ เขาหยิบเอาซองบางอย่างออกมาจากกระเป๋าทำงานของเขา แล้วเดินตรงไปที่ตู้เย็นขนาดเล็ก หยิบมันออกมาแล้วเทมันลงไปในขวดน้ำเปล่า เขย่าให้เข้ากันก่อนจะวางไว้ตรงที่เดิม...
เพื่อศรันย์พร
ต่อให้ตกนรกเขาก็ต้องยอมทำ
น้องสาวของเขา
คนที่เขาจะต้องชดใช้...ทุกอย่างให้หล่อน
เขานั่งลงตรงเก้าอี้ และรอเวลาที่อรุณพิไลจะมาปรากฏตัว
...............................................................................................................................................................................
นี่มันวันอะไรกันนะ?
หล่อนได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา เรื่องพ่อยังไม่ทันจะซา เรื่องเงินค่ารักษาของพ่อที่หล่อนยังตรองไม่ตก ว่าจะทำอย่างไรดี แพทย์เจ้าของไข้ถึงกับขนาดโทรศัพท์มาตามหล่อน มาสอบถามว่าจะเอาอย่างไรเรื่องคิวผ่าตัด เพราะถ้าหล่อนตอบไม่ได้ว่าจะจ่ายค่ารักษายานอกบัญชีเมื่อไหร่ คิวอาจจะต้องเลื่อนไปก่อน มันทำให้หล่อนยิ่งร้อนใจ แต่ก็ยังประวิงเวลาที่จะตัดสินใจโทรศัพท์หาคนที่อาจจะช่วยหล่อนได้
หล่อนยังไม่อยากเลือกทำสิ่งนั้นจริงๆ
แล้วนี่อาจารย์หัวหน้าภาควิชา โทรศัพท์มาตามตัวหล่อนไปที่ห้อง เพื่อเรียกหล่อนไปคุยเรื่องรายงานอีก รายงานของหล่อนมีปัญหา...โอ ปัญหาอะไรกัน หล่อนค้นคว้าข้อมูลและเรียบเรียงมันด้วยตนเอง ไม่อยากเสี่ยงเปิดกูเกิ้ลแล้วลอกเอารายงานตามเน็ตมาส่งเด็ดขาด ทำอย่างนั้นไม่ดีแน่ๆ หล่อนเทียวไปเทียวมาหอสมุดแห่งชาติเป็นเดือนๆ หาซื้อหนังสือหายากมาเก็บข้อมูล และเมลไปขอเอกสารตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำ แล้วมันมีปัญหาได้อย่างไรกัน
ปรับตก...
นั่นมันข้อหาที่ใหญ่มาก จนทำให้หล่อนใจสั่น
อรุณพิไลเดินแกมวิ่งเข้ามาในอาคารส่วนของคณะภาควิชา ตอนนี้นักศึกษาเริ่มทยอยกันกลับแล้ว เพราะเป็นเวลาเลิกเรียน มีแค่พวกคณะอาจารย์และเจ้าหน้าที่บางส่วนยังทำงานอยู่ หล่อนหน้าตาซีดเซียวเมื่อเดินก้าวเร็วๆ ตรงไปยังห้องหัวหน้าคณะภาควิชา
อาจารย์ศาสตรา
เป็นที่รู้กันว่าเขาดุ...มากขนาดไหน แม้จะมีหน้าตาหล่อเหลาชวนเคลิ้ม เลื่องลือชวนจิ้นของบรรดานิสิตที่ทั้งเพศหญิงและเพศทางเลือก เขาคือสามีแห่งชาติในมหาวิทยาลัยแห่งนี้เลยก็ว่าได้ แต่อรุณพิไลกลับเกรงสายตาดุๆ นั้นที่มองลอดหลังกรอบแว่นสีทองของเขา ปากบางเม้มเป็นนิตย์ของเขา มันทำให้เขาดูเย็นชาไม่น่าเข้าใกล้ ใบหน้าเรียวได้รูปของเขาประดับด้วยเครื่องหน้าคมเข้ม ชวนมอง หากทว่า...บุคลิกเย็นชานั้น มันทำให้เขามีเสน่ห์และน่ากลัวไปพร้อมๆ กัน อรุณพิไลมือเย็นเฉียบเมื่อเข้าไปใกล้กับห้องของหัวหน้าภาควิชา รายงานของเธอ...มันมีอะไรผิดพลาดถึงขั้นนั้นกันหนอ
เธอถึงกับกลั้นหายใจเมื่อเคาะประตูห้องของเขา เสียงเอ่ยอนุญาตทำให้เธอสะดุ้ง แล้วตกลงใจเปิดเข้าไป
“นั่งสิ”
เขาเอ่ย นัยน์ตาหลังกรอบแว่นสีทองนั้นคมปลาบนัก ยามมองจ้องเธอ อรุณพิไลสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามไม่ให้เสียงของเธอสั่น เธอฝืนยิ้มให้กับเขา แต่มันเป็นรอยยิ้มแหยๆ ที่ทำให้คนมองจ้องอยู่นึกสะดุดใจวูบหนึ่ง
นี่เขากำลังรังแกเธอหรือเปล่านะ?
แต่เธอทำกับน้องสาวของเขาไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวยัยตัวแสบ
เธอไม่ได้ดูเรียบร้อย น่าสงสารแบบที่เธอกำลังแสดงออกหรอก
เขาหรี่ตาลง แล้วก้มลงมองรายงานตรงหน้าที่เอามาวางไว้รอเธอ อรุณพิไลมองเขาอย่างขลาดๆ แล้วถามเขาเสียงพยายามบังคับไม่ให้สั่นแต่ก็ยากเหลือเกิน
“รายงานของหนู เอ่อ มีปัญหาตรงไหนหรือคะอาจารย์”
“ก็...นิดหน่อย แต่เดี๋ยวเราค่อยคุยกันเรื่องรายละเอียด”
แค่เสียงของเขา ก็ช่างทรงอำนาจ และทำให้เธอนึกหวาดเกรง อย่าพูดถึงการสบตากับเขาเลย อรุณพิไลหลุบตาลงต่ำ ไม่กล้ามองหน้าเขา จึงไม่เห็นว่าตอนนี้ สีหน้าของศาสตราเป็นแบบไหน ขณะที่มองหน้าของเธอ
นัยน์ตาคมนั้นกำลังมองจ้องเธอด้วยสายตาเหยียด...และเปล่งประกายวับวาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่น้องสาวของเขาบอกเล่าและร้องขอ
ผู้หญิงคนนี้ชอบทำตัวน่าสงสารค่ะพี่เก้า
ผู้หญิงคนนี้ใช้มารยาสาไถเพื่อจะเขี่ยแก้มให้พ้นทาง
เค้าอยากดังมาก อยากมาแทนที่แก้ม พี่เก้าก็รู้ว่าแก้มกับคุณแอมป์เป็นอะไรกัน
แม้จะไม่ชอบกับสิ่งที่ผู้จัดการหนุ่มทำกับน้องสาวเขา ทำเหมือนลับๆ ล่อๆ กัน และไม่ให้เกียรติครอบครัวของเขา แต่ก็เข้าใจว่าเป็นงาน แล้วคนเป็นพี่ที่รักน้องยิ่งสิ่งใด มันทำให้เขาตัดสินใจทำสิ่งนี้ลงไป
เธอคือผู้หญิงที่เขาจะต้องกำจัด และกักไว้เพื่อไม่ให้ไปป้วนเปี้ยนวุ่นวายกับอนุชิตอีก หล่อนจะไม่มีหน้าไปยุ่งวุ่นวาย และทางนั้นก็จะเกรงใจไม่กล้ามายุ่งกับหล่อน
เขาคิดได้อยู่อย่างเดียว คือวิธีนี้
เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปยังตู้เย็น หยิบขวดน้ำดื่มขึ้นมาแล้วรินมันลงแก้ว ก่อนจะนำมายื่นส่งให้กับอรุณพิไล พร้อมกับเอ่ยเสียงขรึม
“ดื่มน้ำก่อน มาร้อนๆ แล้วค่อยมาคุยกัน เพราะเราต้องคุยกันยาว อรุณพิไล”
“เอ่อ...ค่ะ”
อารามที่เธอเกรงเขา เมื่อเขามายื่นแก้วน้ำให้แบบนี้ เธอก็สะดุ้งตกใจ แล้วรับน้ำมา ดื่มมันรวดเดียวหมดแก้ว
แม้จะอยากขำกับสิ่งที่หล่อนทำ แต่ศาสตราก็เพียงแค่ทำหน้านิ่ง แล้วทรุดลงตรงหน้าหล่อน มองหล่อนดื่มน้ำจนหมด
อืม...
เราคงจะต้องคุยกันยาวมากๆ
เขาคิดในใจ
“เอาล่ะ มาคุยถึงปัญหาของรายงานฉบับนี้ของคุณกัน...”
เธอพยายามตั้งใจฟังเขา กับสิ่งที่เขาพูด แล้วเปิดหน้ารายงานของเธอ นิ้วเรียวสวยนั่นชี้ไปยังจุดที่เขาสงสัย เธอมองตาแล้วตอบโต้กับข้อสงสัยนั้น...
เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที เธอควรจะตั้งใจในการโต้แย้งเขา ต้องมีสติ สมาธิให้มาก แต่ทำไมกันนะเธอถึงได้ง่วง อรุณพิไลเริ่มปิดปากหาวอย่างกลั้นไม่ไหว นัยน์ตาหนักอึ้ง เธอเอ่ยพึมพำขอโทษ แต่เขากลับดันเอ่ยเสียงทุ้ม...เหมือนจะกล่อมเธอ
“ถ้าง่วง ผมอนุญาตให้หลับตาพักได้นะ ห้านาที แล้วเรามาถกกันต่อ”
เธอทำอะไรแบบนั้นได้ด้วยหรือ?
คิดแล้วสงสัย แต่ก็ลืมตาไม่ขึ้นแล้วจริงๆ เธอซบหน้าลงกับท่อนแขน แล้วนอนเอาเสียดื้อๆ ต่อหน้าเขานั่นแหละ
รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากได้รูป เขารอเวลาอีกนิดให้ยาออกฤทธิ์ และเธอหลับสนิทมากกว่านี้
พี่จัดการเรื่องยุ่งให้น้องแล้วนะ...