บทที่ 2
“พ่อจ๋า อดทนหน่อยนะคะ”
มือขาวบางบีบมือของบิดา ที่นอนหลับเพราะฤทธิ์ยาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ปลดมือท่านออกจากมือเธอ นัยน์ตากลมโตฉายแววเศร้า ขณะที่มองท่าน ท่านต้องผ่าตัดอีกไม่กี่วันนี้แล้ว เธอวิ่งเต้นเตรียมการทุกอย่างไว้แล้วสำหรับการผ่าตัดของท่าน แต่แล้ว...เหมือนกับฟ้าผ่า เมื่อค่ารักษาที่ดูเหมือนจะไม่ต้องจ่าย กลับต้องหามาจ่ายอีกนับแสนบาท ยานอกบัญชี...ที่สวัสดิการไม่ครอบคลุม เธอจะต้องหามาภายในเวลาอันน้อยนิด เธอรับปากหมอไปแล้วว่าจะหามาให้ได้
แต่เธอจะหาจากที่ไหน...
อรุณพิไลเม้มปากแน่น ขณะที่ลุกขึ้นแล้วมองหน้าของบิดาอีกเป็นหนสุดท้าย เธอเหลือท่านเพียงคนเดียวในชีวิตตอนนี้ เกริกป่วยด้วยโรคหัวใจ อาการของเขาหนักลงทุกวันจนต้องได้รับการผ่าตัด เขามีอาชีพวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หาเช้ากินค่ำ แต่เป็นคนขยันและไม่กินเหล้าเมายา ทำให้พอมีเงินเก็บและส่งเสียลูกสาวให้ร่ำเรียนได้จนถึงระดับมหาวิทยาลัย แต่โรคภัยไม่เลือกคนดีหรือไม่ดี คนจนหรือคนรวย คนที่นึกว่าตนเองแข็งแรงมาตลอดไม่เคยเข้าไปตรวจโรคที่โรงพยาบาล บทจะทรุดลงมาก็เป็นหนัก จนถึงขั้นเกือบจะเกินเยียวยา
เงินที่ต้องรักษาตัว และแบ่งเป็นค่าเล่าเรียนของอรุณพิไล ทำให้ตอนนี้มีเงินเหลือติดบัญชีไม่ถึงพันบาท อรุณพิไลเองก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย เธอทำงานพิเศษในร้านสะดวกซื้อด้วยนอกเวลาเรียน เพื่อใช้ส่งเสียตัวเอง และเก็บหอมรอมริบเพื่อครอบครัวอีกทางหนึ่ง สองพ่อลูกมีหนี้สินภาระพ่วงมาทำให้ต้องหาเงินจ่ายทุกเดือนคือค่าผ่อนบ้าน ที่เอาไปจำนองไว้ นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่ใช้ประจำวัน มันทำให้อรุณพิไลตอนนี้ต้องคิดหนัก...
หล่อนกำลังคิดทบทวน ถึงเงื่อนไขที่มีบางคนเสนอให้หล่อน
หล่อนมองโทรศัพท์มือถือที่กำลังถืออยู่อย่างลังเล ว่าจะโทรไปหาเขา...ไปตกลงเงื่อนไขนั้นตามที่เขาเสนอดีไหม?
มือของหล่อนสั่นเล็กน้อย
แต่แล้วอรุณพิไลก็ถอนใจเฮือก เพราะหล่อนยังตกลงใจไม่ได้อยู่ดี หล่อนยังไม่กล้า...ไม่กล้าจริงๆ เธอเดินเหมือนล่องลอย เพราะกำลังสติไม่อยู่กับตัว ขึ้นไปยังรถเมล์เพื่อกลับไปที่บ้าน..
เผื่อจะนึกอะไรออกมากกว่าการไปทำแบบนี้
จะอย่างไรเธอก็อยากให้ทางเลือกนั้น ระหว่างเธอกับอนุชิต เป็นทางเลือกสุดท้าย สุดท้ายจริงๆ
.........................................................................................................
“เอ่อ...จัดการบอกให้ไปล่ะนะ แอมป์...ว่าแต่ ทำไมถึงต้องให้กูโกหกด้วยวะ”
แพทย์เจ้าของไข้ของสมมาตร ที่เรียกลูกสาวของทางนั้นมาแจงเรื่องรายละเอียดการเงินเพิ่มเติม ว่าต้องมีการชำระค่าใช้จ่ายนอกบัญชีอีกเกือบแสนบาท กำลังมีสีหน้ากลุ้มใจ เพราะเขากำลังทำผิดจรรยาบรรณอย่างยิ่งในตอนนี้
“เอาน่ะ...ก็แค่ช่วยโกหกให้กู...นิดหน่อย กูจะไม่ขออะไรมึงอีกเลยชีวิตนี้”
“มึงอยากได้เด็กคนนั้นมากเลยหรือวะ เด็กในสังกัดก็มีเยอะแยะนี่หว่า ไหนจะน้องแก้ม ดารานางเอกที่กำลังดังมากนั่นอีก แค่นี้มึงก็เป็นผู้จัดการดาราอันดับหนึ่งของประเทศแล้วนะไอ้แอมป์ เด็กสาวๆ สวยๆ ที่เต็มใจอยากมาทำงานกับมึงเยอะแยะ ทำไมจะต้องบีบเด็กนั่นด้วย”
“ไม่มีใครเหมือนอรุณว่ะ”
อนุชิตลูบคางเบาๆ เขากำลังยิ้ม...เขาเหลือแค่นับเวลาถอยหลัง รอให้อรุณพิไลโทรศัพท์มาหา มาขอร้อง แล้วนั่นเขาจะยื่นมือเข้าช่วยหล่อน เขาจะได้ทั้งดาราในสังกัดมาเพิ่ม ที่เขาจะปั้นให้ดังไม่แพ้กับศรันย์พร และเขาจะได้ตัวหล่อน...มานอนบนเตียงเขาด้วย
แค่คิดถึงหล่อน คิดถึงใบหน้ารูปหัวใจนั่น อา...บางส่วนก็รุ่มร้อน หล่อนเป็นคนมีเซ็กซ์แอพพีลสูงมาก ตัวเล็กๆ กะทัดรัด หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก หากแต่กลมกลึง ดูละมุนไปหมดส่วนโค้งเว้านั่น ตาสวยๆ นั่น ริมฝีปากแสนเย้ายวนคู่นั้น มันทำให้เขาคลั่งหล่อน อยากได้...จนต้องคิดวิธีการในการที่เอาหล่อนมาให้ได้
ส่วนหนึ่งที่อยากได้หล่อนเพราะว่าเขากำลังอยากจะให้ใครบางคน ที่เหมือนห่วงบ่วงที่เริ่มคล้องรัดแน่นมาทุกขณะ ไปเสียจากชีวิตเขาตอนนี้เขาเริ่มไม่ไหว กับความคลั่งรักของหล่อน...หล่อนทำให้เขาเหมือนเป็นทาส นังเด็กร้ายกาจโรคจิต และบางครั้งเธอก็ทำว่าอยู่เหนือเขา...ควบคุมเขา มันทำให้อนุชิตเริ่มไม่ชอบมากขึ้นทุกที
เขาจะเขี่ยหล่อนไป โดยมีข้อเสนอคืองานและเงินงามๆ การโกอินเตอร์ที่รออยู่ ห่างกันคนล่ะประเทศแบบนั้น หล่อนคงจะมาราวี ควบคุมบังคับเขาไม่ได้แน่ๆ
“เอาเถอะจะยังไงอย่าให้เดือดร้อนมาถึงกูก็แล้วกัน”
“อืม...ไม่หรอกน่า”
อนุชิตรับปาก เขาตอบแทนเพื่อนของเขาด้วยการโอนเงินให้จำนวนห้าหลัก หมอหนุ่มถึงกับมองหน้าเมื่อได้รับข้อความจากแอพธนาคารว่ามีเงินเข้า
“มึงโอนเงินมาทำไมวะ”
“ก็ตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ที่มึงช่วยเจรจาไงไอ้หมอ”
“มึงนี่เป็นเอามากนะไอ้แอมป์ ถ้าเกิดว่าไม่สำเร็จล่ะ กูต้องคืนเงินมึงไหม?”
“คนอย่างกูไม่มีคำว่าไม่ได้ ไม่สำเร็จว่ะไอ้หมอ แล้วเรื่องเงินสำหรับกูมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ มึงเอาเงินไปเที่ยวไปซื้อของให้เมียให้ลูกมึงตามสบาย กูไม่เรียกคืนเด็ดขาด ถือว่าของขวัญจากเพื่อน”
“มึงพูดแล้วห้ามคืนคำนะไอ้แอมป์”
อนุชิตหัวเราะ พลางตบหลังมือของเพื่อนเบาๆ ก่อนจะชวนคุยอีกสองสามประโยคแล้วกล่าวลา เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปยังลานจอดรถ ระหว่างนั้นเขาจับโทรศัพท์ของตนเองไว้ หวังว่าจะมีเสียงเรียกเข้า...จากใครบางคนที่จนแต้ม
เงินที่หล่อนต้องหาในระยะเวลาแค่นั้น
หล่อนจะมีปัญญาที่ไหนหาล่ะ
นอกจากหันหน้ามาหาเขานี่ล่ะ
ไม่มีอะไรที่เขาอยากได้แล้วไม่ได้...