7
อิ่นสิงอี้หยุดชะงักในตอนนั้น นางมองคนที่ให้ความช่วยเหลือตน เขาหน้าตาดี รูปร่างสูงใหญ่ ทว่ากลับพิการ และในหัวนางแทบไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับเขา นอกจากเชื่อลึกๆ ว่า เขาอาจเป็นคนที่จะช่วยนางให้ผลจากขุมนรกสกุลอิ่น
ส่วนสาวใช้ ดูเหมือนดีใจมากที่คนผู้นี้โผล่มา
เมื่อพี่หลุน หรืออาหลุนหยุดกระทืบเหวินปี้ถง
เขาก็เตรียมมัดร่างอีกฝ่าย เพื่อจับส่งทางการ ทว่าเป็นตอนนั้นที่มันไหวตัวทัน ชิงหลบหนีไปเสียก่อน ด้วยการใช้ระเบิดควันพิษ
อาหลุนหมายใจจะตามไป ทว่าเป็นซูซินที่ห้ามไว้อีกครั้ง เขาจึงส่ายหน้าระอาเรื่องนี้ จากนั้น สายตาคมๆ ของเขาก็มองมายังอิ่นสิงอี้ ยามนั้นเจ้าของร่างสะท้านไหว นางต้องก้าวถอยไปสองสามก้าว พอหันไปมอง ก็สีหน้าเขาเข้มขรึม
ความร้อนวูบวาบเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ลำคอนางแห้งผาก ทว่าความอับชื้นในร่มผ้าเกิดขึ้นอย่างที่ยากจะระงับได้ นางกำลังสะเทิ้นอายเขา ยิ่งกว่านั้นกายสาวยั่วยุราคะอีกฝ่ายอย่างเปิดเผย!
แล้วจู่ๆ นางก็รู้สึกคุ้นเคยเขา หากนึกอย่างไร ก็นึกไม่ออก สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะช่วงเวลาที่นางต่อสู้กับปี้เหวินถง ศีรษะกระทบกระเทือน ทั้งถูกอีกฝ่ายลากตัวไปตามพื้น ทำให้ภาพก่อนช่วงเวลานั้น สูญหายไปบางส่วน
“เอ่อ พี่หลุน หูไม่ดีเจ้าค่ะ และหน้ายังดุด้วย” ซูซินบอก ตอนนั้นนางเริ่มยิ้มได้แล้ว ฝ่ายอาหลุนถอนหายใจแรงๆ และทำไม้ทำมือสื่อสารกับซูซิน
“ไม่ได้ จะไปยังไง อีกอย่างข้ากับคุณหนูต้องกลับสกุลอิ่นให้ไวที่สุด”
คนตัวสูงทำมือบอกซูซินอีกหน ความหมายคือให้นางไปหาซือไท่ กินยาและดูแลความสะอาดร่างกาย อันที่จริงเขาส่งเสียงพูดได้ เพียงแต่ในยามนี้ ไม่ได้ยินเสียงตนเอง จึงรู้สึกเสียเวลาเปล่าหากต้องเอ่ยคำใดออกมา
“อีกอย่าง พี่หลุนอย่าตามคนผู้นั้นเลย ข้าไม่เอาความเขา เพราะจะเสียหายถึงคุณหนูรอง สิ่งที่เกิดกับข้า มันก็เพียงแค่ภายนอกร่างกายเท่านั้น ความบริสุทธิ์ข้ายังไม่ถูกมันทำลาย”
ทั้งคำพูดและการใช้ภาษามือของซูซินคล่องแคล่ว จึงทำให้อิ่นสิงอี้ มองสาวใช้ของตนใหม่ นางยังเด็กแต่มีความสามารถทั้งฉลาดเฉลียว
“ข้าสมควรขอบใจเขา” อิ่นสิงอี้พูดกับซูซิน และนางต้องการให้สาวใช้บอกอีกฝ่าย แต่ซูซินกับสอนหญิงสาวใช้ภาษามือสื่อสาร
พอคนหน้าดุมองการใช้มือทำท่าทางของอิ่นสิงอี้แล้ว ใบหน้าที่ตึงอยู่สักหน่อยกับแดงระเรื่อ และริมฝีปากบางที่หยักสวยเม้มแน่น ดูก็รู้ว่าเขากำลังกลั้นขำ
“คุณหนู... ทำแบบนั้นไม่ถูกเจ้าค่ะ”
อิ่นสิงอี้เห็นอาหลุนขำ นางเลยส่งค้อนให้เขา กระนั้นมิวายกล่าวเสียงดังว่า
“เสื้อเจ้าเปื้อนและขาดเพื่อช่วยข้าและซูซิน เดี๋ยวจะซ่อมให้” เป็นตอนนั้นที่คนตัวโตที่พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะถอดเสื้ออย่างคนไร้ยางอาย
แม้ดูเหมือนคนไร้หัวนอนปลายเท้า แต่ชายคนนี้นอกจากเรือนกายสูงใหญ่ แผงหน้าอกเขางดงาม ยอดหน้าอกตั้งชัน เป็นสีน้ำตาลอ่อน ส่วนหน้าท้องมีกล้ามเนื้อแกร่ง ดูมิได้เหมือนคนอดยาก เขาคงฝึกวรยุทธ์ด้วย และคงเป็นคุณชายเกเรผู้หนึ่ง จนถูกบิดาลงโทษ เลยต้องมาอยู่ที่นี่
เมื่อเขาเตรียมส่งเสื้อให้อิ่นสิงอี้ นางก็จ้องเขาเขม็งก่อนร้องเสียงดัง ด้วยเพิ่งนึกบางสิ่งออก
“เอ๊ะ ไหนว่าเขา หูหนวกไม่ได้ยินสิ่งใด!”
ซูซินกลัวจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันไปมากกว่านั้น จึงรีบอธิบาย
“คืออย่างนี้ พี่หลุนไม่ได้ยินจริงๆ เจ้าค่ะ แต่อ่านริมฝีปากได้ และเขียนอ่านเป็น เขาหูหนวกเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ตอนนี้เหลียงซือไท่คอยให้การรักษาอยู่”
“เฮอะ... ทำไมเจ้าต้องคอยแก้ตัวให้เขาตลอด ซูซิน”
ฝ่ายซูซินหัวเราะน้อยๆ และพูดว่า
“นอกจากที่เขาหน้าตาหล่อเหลา ก็เป็นคนมีน้ำใจมากนี่เจ้าคะ ใครย่อมชื่นชม”
“เจ้าคบคนที่หน้าตาเช่นนี้ ระวังตัวให้ดีเถิดเสี่ยวซิน” เมื่ออิ่นสิงอี้กล่าวจบ ประตูด้านหน้าจึงมีเสียงเคาะ ตอนนั้นคนของอารามไผ่เงินโผล่เข้ามาสามสี่คน หนึ่งในนั้นมีแม่นมตงด้วย
“คุณหนูรอง บ่าวมาช้าเหลือเกิน” ตงหย่วน หรือแม่นมตง กล่าวพร้อมกับมองสำรวจทั้งอิ่นสิงอี้ และซูซิน และที่คนอาบน้ำร้อนมาก่อน เห็นความปกติหลายอย่าง นางจึงขอให้คนจากอารามไผ่เงินออกไปรอด้านนอกก่อน