บทย่อ
อิ่นสิงอี้ คือหญิงงามซึ่งมีดาวหายนะ ผู้ที่ท่านย่าชิงชัง มีแม่เลี้ยงใจดำคอยหาทางผลักไสจากตระกูล ซ้ำร้ายน้องสาวขี้อิจฉายังกลั่นแกล้งไม่เว้นวัน ทว่าเหตุใด สวรรค์ยังกลั่นแกล้งให้นางต้องพบคนใบ้จอมเผด็จการ ที่คลั่งไคล้การอุ่นเตียง จากเรื่อง ของรักราชันย์ใบ้
1
เมื่อถานป๋อหยางเร่งจังหวะให้ม้าวิ่งเร็วขึ้น นางกับเขาจึงผสานร่างเป็นหนึ่งเดียวผ่านความแข็งแกร่งของบุรุษ
อ๊ะ แล้วเหตุใด ถึงอึดอัดกว่าเดิม
ร่างกายเร่าร้อน แต่ซาบซ่านจับใจ
กระนั้น อิ่นสิงอี้เลือกที่จะไม่เอื้อนเอ่ยคำใด นางกลัวเขาจะได้ใจ
“อาอี้ เอาเก็บความสุขเอาไว้ในอก ระวังธาตุไฟจะเข้าแทรกได้นะ” ถานป๋อหยางเย้าหยอก ยามนั้นร่างนางโยกขึ้นลง ตามจังหวะการวิ่งของม้า และมันยิ่งเพิ่มความสุขที่มากด้วยไฟราคะ
อิ่นสิงอี้ไฉนจะคาดคิดว่า นางกำลังอยู่บนม้าตัวโต และทำรักกับคนใบ้ไร้ยางอาย “หากผู้ใดพบเห็นข้าทำตัวเยี่ยง สตรีใจง่าย และร่านราคะ ชาตินี้ อิ่นสิงอี้คงไม่กล้ามองหน้าผู้อื่นอีก!”
“เจ้าคิดมากเกินไป เรากำลังบอกรักกัน และมีความสุขหวานชื่น หากใครมองอยู่ ก็ล้วนต้องอิจฉา ยอดภรรยาของคนใบ้ ก็เท่านั้น”
โอ้ คำใดจะหวานเท่านี้ ‘ยอดภรรยาของราชันย์ใบ้…’
**********
ณ ป่าเชิงเขาด้านหลังอารามไผ่เงิน
ก่อนหน้านี้อิ่นสิ่งอี้รู้ว่าตนตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ปลอดภัย นางจึงต้องได้รับการช่วยเหลือจากใครสักคน ถึงอย่างนั้นจะโทษใครได้ ด้วยเป็นนางที่ขวัญกล้าเทียมฟ้า นัดแนะให้คนผู้หนึ่งพาตนหนีไปจากสกุลอิ่น ด้วยยามนี้ไร้ที่พึ่งพิง บิดาจากไปเกือบสองปี มารดาก็ไม่เคยเลี้ยงนางด้วยซ้ำ เพราะหลังคลอดนางได้ไม่กี่วัน ฝ่ายนั้นเสียชีวิต
ปี้เหวินถง คือชื่อเขา บุรุษที่นางพบหน้าไม่กี่ครั้งที่ตลาดในเมืองซานตง นางพูดคุยกับเขา โดยฝ่ายนั้นบอกว่า จะพานางไปพบอิ่นเจิ้ง พี่ชายคนโตที่อยู่เมืองหลวง ก่อนหน้าอิ่นสิงอี้ส่งจดหมายไปหาเขาหลายฉบับ อนิจจา นางหารู้ไม่ว่าถูกแม่เลี้ยงเปลี่ยนข้อความที่เขียนไว้เสียใหม่ อิ่นเจิ้งจึงไม่อาจล่วงรู้ว่าน้องสาวตกอยู่ในชะตากรรมที่ลำบากเพียงใด
และปี้เหวินถงผู้นี้ ทำงานในวังหลวงมาก่อน คราแรกนางไม่เชื่อ แต่ปี้เหวินถงกล่าวถึงสิ่งต่างๆ ได้อย่างไม่ผิด ทั้งตำแหน่งขุนนาง การทำงานของคนในศาล ล้วนเป็นสิ่งที่คนมีการศึกษาสมควรรู้ รวมถึงยังบอกว่ารู้จักอิ่นเจิ้งด้วย ตำแหน่งที่ปี้เหวินถงเคยทำคือ องครักษ์เสื้อแพร ทว่าพอบิดาป่วยหนักจึงลาออกมาดูแล กระทั่งฝ่ายนั้นเสียชีวิต เขาก็รับจ้างเป็นม้าเร็วส่งข่าว ส่งของทั่วไป รวมถึงการพาคนเดินทางไปตามที่ต่างๆ ทั่วใต้หล้า กระทั่งในที่สุดได้รับงานอิ่นสิงอี้ในครั้งนี้ พานางไปเมืองหลวงเพื่อพบพี่ชาย
สาเหตุนางตัดสินใจเดินทางไปจากเมืองซานตงเพราะทราบว่าอีกไม่นาน ฮูหยินใหญ่ ลู่เหวย (แม่เล็กของนาง) จะส่งตัวไปเป็นอนุขุนนางในเมือง ไม่ใช่แค่อนุคนผู้หนึ่ง แต่นางยังต้องให้ความสำราญแก่หลายชีวิตในสกุลที่นิยมหลับนอนกับหญิงสาวที่เรียกได้ว่า พวกนางคือเสื้อผ้าที่เมื่อใส่แล้ว ผู้ชายเห็นเป็นสิ่งของ จึงมักโยนทิ้งให้ผู้อื่นใช้งานต่อ
อิ่นสิงอี้รู้เรื่องนี้ เพราะแม่นมตงบอก อีกทั้งปลายปีที่แล้ว มีสตรีซึ่งไปเป็นอนุของขุนนางเหล่านั้นเสียชีวิต ศพถูกโยนทิ้งป่าช้า ไม่มีการกลบฝัง หากชีวิตนางต้องจบสิ้นง่ายดายเช่นนั้น อิ่นสิงอี้ขอหนีไปตายเอาดาบหน้ายังดีเสียกว่า และคนที่นางอยากให้เขาช่วยเหลือก็คือ อิ่นเจิ้ง ผู้เป็นพี่ใหญ่
ครึ่งชั่วยามก่อนหน้านั้น อิ่นสิงอี้ไปดักรอปี้เหวินถงที่ด้านหลังอารามไผ่เงิน และนางเดินผลัดหลงเข้าในป่าไผ่ซึ่งเหมือนค่ายกลสลับซับซ้อน
และเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งนาง ด้วยขนมหนวดมังกรที่นางกินไปก่อนหน้า ทำให้ร่างกายรู้สึกซาบซ่าน จนชั่วขณะหนึ่ง นางคิดถึงเรื่องเกินงามระหว่างชายหญิง
และนางต้องการหาที่ลับตาคน แช่ตัวในลำธาร หรืออาบน้ำ พอให้อุณหภูมิในร่างกายปรับสุมดลได้ คงทำให้อาการร้อนวูบวาบในร่างกายลดลง
เมื่อก้าวลึกไปเรื่อยๆ นางจึงพบกับธรรมชาติร่มรื่น อากาศเย็นสบายตัว และนางผ่อนคลายลง จวบจนพบบุรุษผู้หนึ่งฝ่ายนั้น นอนนิ่งๆ อยู่บนแท่นหินที่ดูเหมือนเตียงกว้าง
อ๊ะ เขาเป็นผู้ใดกัน...
คราแรกนางอยากหมุนตัวแล้วเดินหนีไปเสีย นั่นคือสิ่งที่นางสมควรทำ
ทว่าร่างกายเขาสูงใหญ่ มีเพียงผ้าผืนหนึ่งปกคลุมไว้ เป็นผ้าผืนบางที่ไม่อาจปกปิดเรือนกายที่ชวนให้จิตใจนางปั่นป่วน ระคนซ่านกระสัน
สตรีที่ไม่เคยเห็นร่างกายบุรุษที่ไร้อาภรณ์เช่นนี้ ทั้งยังเป็นกายแกร่งของชายฉกรรจ์เต็มวัย นางจึงกลายเป็นเพียงคนที่อยากรู้ อยากเห็น ใจคิดเลื่อนเปื้อนอยากสัมผัสเนื้อตัวบุรุษปริศนา
“ทะ ท่าน... มีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลือหรือไม่”
อิ่นสิงอี้ไม่ควรเป็นคนมีน้ำใจต่อคนแปลกหน้า ทว่าอีกฝ่ายมีแรงดึงดูดมหาศาล ยิ่งอยากก้าวถอยห่าง แต่กลายเป็นว่านางถูกพลังลึกลับจากเขาส่งออกมาดึงดูด
สุดท้ายนางก็มายืนอยู่ข้างๆ คนที่นอนบนแท่นหินกว้าง ซึ่งแท่นหินดังกล่าวได้ส่งไอเย็นปะทะผิวสาวนุ่มนิ่ม ผิดกับร่างกายเขาที่นางรับรู้ได้ถึงความอุ่นซ่าน