3
คนตัวเล็กไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาทำให้ตัวเธอเองสามารถออกจากห้องนี้ไปได้โดยที่ไม่ต้องผิดใจกับเจ้านาย
“เรียนจบที่ไหนมา บ้านอยู่ที่ไหนแล้วมีแฟนหรือยัง”
คำถามทำสุดท้ายทำเอาหญิงสาวชาวเหนือถึงกลับต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับท่านรองประธานด้วยความแปลกใจที่คำถามแบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานจริง ๆ ใช่ไหม
“ไม่ต้องมามองหน้าเป็นคำถามแบบนี้ที่ฉันต้องถามเธอว่ามีแฟนหรือยังเพราะบางทีที่นี่เราก็มีงานหรือต้องไปสังสรรค์กันบ้างในช่วงหลังเลิกงานก็เลยต้องถามไว้ก่อนเดี๋ยวเธอจะมีปัญหากับแฟน”
“ไม่ค่ะ ฉันยังไม่มี”
หญิงสาวผู้กลัวการตกงานเป็นที่สุดรีบตอบแบบไม่สงสัยทันทีเพราะเธอกลัวว่าถ้าขืนเธอทำตัวมีข้อแม้มาก ๆ เธออาจจะไม่ผ่านช่วงทดลองงานก็ได้
ภูเบศได้คำตอบที่เขาอยากได้แล้ว คำถามต่อ ๆ ไปก็เป็นแค่เพียงข้ออ้างในการหาเรื่องคุยก็เท่านั้น
นาฬิกาบอกเวลาให้ชายหนุ่มรู้ว่าใกล้เวลาที่พนักงานคนอื่นจะมาถึง เขาจึงอนุญาตให้หญิงสาวตรงหน้ากลับไปทำงานได้เพราะไม่อยากให้พนักงานมาเห็นว่าเขาเรียกพนักงานใหม่เข้ามาคุยในห้องเป็นการส่วนตัว
ตอนที่ 2
เธอทำให้ฉันรู้สึกสำคัญ
ความใกล้ชิดระหว่างเจ้านายกับลูกน้องเริ่มมีมากขึ้นถึงแม้ว่าต่อหน้าคนอื่น ๆ ภูเบศจะไม่ได้แสดงอะไรออกมาเกินกว่าที่ควรจะเป็น
“ฉันซื้อขนมมาฝากอยู่ตรงเครื่องถ่ายเอกสารนะ”
ชายหนุ่มพูดลอย ๆ เมื่อล้านนาเดินสวนกับเขาตรงหน้าห้องของแผนกด้วยท่าทางเหมือนว่าความจริงแล้วเขาไม่ได้พูดกับเธอ
ขนม ข้าวหรือแม้แต่กาแฟเขาก็หมั่นซื้อมาฝากลูกน้องคนนี้มาโดยตลอด ล้านนาเองเธอเริ่มรู้สึกกับภูเบศมากเกินกว่าเจ้านายเพราะลึก ๆ หญิงสาวก็แอบคิดว่าเจ้านายของเธอดูแลห่วงใยเธอมากกว่าพนักงานคนอื่น ๆ
“ล้านนาแกคิดเข้าข้างตัวเองมากไป ผู้หญิงจน ๆ ไม่สวยอย่างแกใครเขาจะมาสนใจ”
สาวน้อยในวัยเป็นสาวบานสะพรั่งพูดกับกล่องขนมในมือของเธอเพื่อเตือนตัวเองไม่ให้คิดไปไกลกว่านี้
“ทุกคนคะพรุ่งนี้ท่านรองประธานจะพาพวกเราไปเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกเราทำงานล่วงเวลากันมาหลายวัน มีใครไปไม่ได้ไหมเพราะอาจจะกลับดึกหน่อย”
ยุพาเดินออกมาจากห้องของเจ้านาย เธอก็มีข่าวดีมาแจ้งให้ลูกน้องทุกคนในแผนกได้รู้
“หนูไม่ไปนะคะพี่ยุพา ลูกชายไม่ค่อยสบาย”
พนักงานคนหนึ่งยกมือบอก สายตาของทุกคนทำท่าไม่เชื่อก่อนที่จะมีคนพูดแซวขึ้นมาว่าความจริงแล้วสาเหตุที่เธอไม่ไปเพราะลูกชายป่วยหรือกลัวสามีว่ากันแน่และสุดท้ายก็ได้ข้องสรุปว่าเหตุผลที่ทุกคนคิดเป็นเรื่องจริง
“ดูไว้นะสาว ๆ ใครจะมีแฟน ไปไหนมาไหนก็ยากโสดอย่างพี่ดีกว่าอิสระ”
ยุพาทำท่าทางภูมิใจกับความโสดของตัวเองจนลูกน้องในแผนกพากันหัวเราะให้กับท่าทางของเธอ
การกินข้าวเย็นไม่ได้เป็นแบบที่ล้านนาคิดไว้เพราะมันคือการมาเที่ยวร้านอาหารที่มีไว้สำหรับนั่งดื่มแบบสบาย ๆ
“ดื่มเป็นไหม”
ล้านนาหันไปมองหน้าเจ้าของเสียงที่ถามเธอเบาจนเหมือนเขากำลังกระซิบข้าง ๆ หู
“ไม่ค่ะ ฉันไม่เคยดื่ม”
“ชีวิตการทำงานไม่เหมือนกับตอนที่เราเป็นนักศึกษา เธอต้องหัดเข้าสังคมบ้าง”
เจ้านายหนุ่มหล่อส่งแก้วเครื่องดื่มให้พนักงานเพื่อให้เธอดื่มโดยมีสายตาของเขาคอยบังคับอยู่
“แค่ก! ...ขมมาก ไม่เอาดีกว่า ฉันคงไม่เหมาะกับเครื่องดื่มแบบนี้”
ล้านนาลองดื่มแค่เพียงอึกเดียวก็ถึงกลับจะสำลักออกมาเพราะรสชาติที่ไม่คุ้นเคย
“อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะกับเราจนกว่าจะได้ลองของแบบนี้มันต้องใช้เวลา”
สายตาของคนพูดเหมือนว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอื่นไม่ใช่เรื่องเครื่องดื่มตรงหน้าคนทั้งคู่
แผนกของล้านนามีพนักงานเกือบสิบกว่าคนแต่คืนนี้มีคนที่มาร่วมได้ไม่ถึงสิบคนและตอนนี้ก็พากันเมาอย่างสนุกสนานยกเว้นแค่ล้านนาเท่านั้น
เที่ยงคืนแล้วทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับเพราะที่พักของแต่ละคนต่างอยู่กันคนละที่ ล้านนาเองก็เดินออกมาด้านหน้าของร้านเพื่อจะเรียกรถแท็กซี่กลับห้องพักของเธอ
“ขึ้นมาเดี๋ยวฉันไปส่ง”
เสียงที่แสนคุ้นเคยดังมาจากรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ด้านหน้าหญิงสาวที่กำลังยืนรอรถ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้”
ปี๊ด ปี๊ด
“ขึ้นมาเร็ว ๆ ไม่ต้องมาเล่นตัว เธอเห็นไหมฉันจอดรถขวางคนอื่นอยู่”
เสียงรถประจำทางที่บีบแตรใส่รถของภูเบศทำให้ล้านนาต้องรีบขึ้นมานั่งบนรถของเจ้านายเพราะกลัวว่าถ้ายังยืนพูดต่อจะถูกคนขับรถประจำทางต่อว่าเอา
“ดึกแล้วท่านรองกลับบ้านเถอะค่ะ ฉันกลับเองได้”
“บอกทางมา ฉันไม่ชอบให้ใครปฎิเสธ”
ภูเบศใช้เสียงแข็งจนหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ ต้องยอมที่จะบอกทางไปยังที่พักเธอแต่โดยดี