บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

“แม่...” ร้อยรักโผเข้ากอดหญิงสูงวัยที่ยืนรออยู่ตรงหน้าประตูรั้วบ้านทันทีที่ก้าวลงจากรถแท็กซี่ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าครั้งไหนๆ

“ไม่เอาไม่ร้อง แม่อยู่นี่แล้ว เข้าบ้านเรากันดีกว่านะ” กรองแก้วดันร่างบอบบางออกแล้วเดินโอบไหล่ที่สั่นสะท้านเข้าไปในบ้าน

“เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำเย็นๆ มาให้ดื่มนะ เผื่อจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง”

พูดจบก็เดินหายเข้าไปในครัวก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งพร้อมแก้วที่มีไอน้ำเกาะพราวแล้วยื่นส่งให้ลูกสาวที่นั่งหน้าเศร้าสลด

“ขอบคุณค่ะ” ร้อยรักยกขึ้นจิบเล็กน้อยก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ ความรู้สึกตอนนี้มันตื้อไปหมดจนพานไม่นึกอยากดื่มหรือกินอะไรเลย

“ไหนลองเล่ามาสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อวานแม่ยังเห็นรักเดินยิ้มเข้าบ้านอยู่เลย แค่ข้ามวันเดินร้องไห้เข้าบ้านเสียแล้ว”

“พูดแล้วมันก็ตลกนะคะแม่” ร้อยรักแค่นหัวเราะแล้วเอ่ยต่อน้ำตาไหลเป็นทาง “เมื่อวานเขาบอกรักและทำราวกับจะขอแต่งงาน แต่พอวันนี้เขากลับพาว่าที่เจ้าสาวมาแจกการ์ดหน้าตาเฉย”

“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ไม่รู้หรือว่าผู้ชายคนนี้มีแฟนแล้ว” กรองแก้วถามเสียงเข้มด้วยรู้สึกโมโหแทนลูกสาว เพราะไม่คาดคิดเลยว่าจะมาเจอเรื่องทำนองนี้อีกครั้งจนได้

“หลานสาวเจ้าของบริษัทค่ะแม่ เข้ามาทำงานที่แผนกของพี่เอได้ไม่ถึงสองเดือนเลย ได้ข่าวมาว่ากำลังท้องด้วยนะคะ”

“เวรกรรม” กรองแก้วครางด้วยความรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าลูกสาว ก่อนจะดึงร่างสั่นสะท้านเข้ามากอดปลอบ “แต่การที่ผู้ชายมักง่ายแบบนั้นออกจากไปชีวิตของรักได้ แม่ว่ามันก็ดีนะ เชื่อแม่สิ ยังมีผู้ชายที่ดีกว่านี้รอรักอยู่นะ” มือเหี่ยวย่นตามกาลเวลาลูบศีรษะได้รูปอย่างปลอบโยน

“แล้วผู้ชายคนนั้นอยู่ไหนล่ะคะ ทำไมเขาไม่เข้ามาในชีวิตของรักเสียที ปล่อยให้รักช้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่แบบนี้” ร้อยรักถามคนเป็นแม่พลางเช็ดน้ำตา แววตาทอดมองผู้เป็นมารดาด้วยความอยากรู้ หรือจริงๆ แล้วผู้ชายคนนั้นจะไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ ถึงได้ปล่อยให้เธอเจ็บซ้ำๆ ซากๆ เช่นนี้

“ก่อนหน้านี้อาจเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลา แต่ตอนนี้แม่ว่าแม่เจอแล้วละ”

“ใครคะ”

“ลูกชายของเพื่อนแม่เอง” กรองแก้วเอ่ยด้วยท่าทีภูมิใจนำเสนอ เมื่อเห็นลูกสาวมองมาด้วยสายตางุนงง จึงพยักหน้าเพื่อย้ำอีกครั้ง

“รักว่ารักเริ่มเข็ดกับความรักแล้วค่ะ”

ร้อยรักถอนหายใจเฮือกด้วยความรู้สึกเหนื่อยและท้อใจ จนคนเป็นแม่รีบเอ่ยปากห้ามเสียงหลง

“อย่าพูดแบบนั้นสิ คนนี้แม่ขอรับประกัน เรื่องมองคน รักอาจจะยังด้อยประสบการณ์มองไม่ทะลุปรุโปร่ง แต่เชื่อสายตาแม่สักครั้งเถอะนะ”

กรองแก้วหว่านล้อม มองลูกสาวอย่างอ้อนวอน แม้ว่าสิ่งที่ควรทำมากที่สุดในตอนนี้คือการปลอบประโลมให้หายเศร้า แต่ถ้าหากมีใครสักคนมาช่วยดามใจน่าจะทำให้หายเศร้าได้เร็วกว่าวิธีการใด และที่สำคัญเธอรอโอกาสนี้มานานแล้ว โอกาสที่ลูกสาวของตนหัวใจว่างเสียที

“แต่ตอนนี้รักยังไม่พร้อม” ร้อยรักออกตัว

“แม่ก็ไม่ได้บังคับให้รักต้องไปคบกับพี่เขาวันนี้พรุ่งนี้เสียหน่อย เอาไว้สบายใจเมื่อไร เราค่อยมาคุยกันอีกที โอเคไหม” แม้อยากจะจับคู่ลูกสาวของตัวเองกับลูกชายของเพื่อนรักมากแค่ไหนก็ไม่คิดจะเร่งรัด เพราะเข้าใจความรู้สึกของลูกสาวในตอนนี้เป็นอย่างดี

“ขอบคุณนะคะ ไม่มีใครเข้าใจรักเท่าแม่อีกแล้ว” ร้อยรักยกมือไหว้คนเป็นแม่แล้วโผเข้ากอดท่านอีกครั้ง

ถ้าวันนี้เธอเผลอคิดทำอะไรบ้าๆ เพราะความคิดชั่ววูบละก็ ไม่อยากจะคิดเลยว่าผู้หญิงที่รักเธอมากกว่าใครคนนี้จะเป็นเช่นไร

วันหยุดเสาร์อาทิตย์ร้อยรักไม่คิดจะไปไหน จึงใช้เวลาทั้งหมดไปกับการช่วยคนเป็นแม่ทำงานบ้าน รดน้ำต้นไม้ เพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่านคิดแต่เรื่องไร้สาระ แต่ถึงจะป้องกันอย่างไรก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อธารีโทร.เข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงพร้อมบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันศุกร์หลังจากที่เธอออกจากออฟฟิศว่า ชวลิตกับว่าที่เจ้าสาวมีปากเสียงกัน เนื่องจากเนตรอัปสรคาใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชวลิตจนต้องไปสืบถามจากพนักงานในบริษัท เลยได้รู้เรื่องราวทั้งหมด

ร้อยรักฟังแล้วก็รู้สึกสะใจไม่น้อยที่ความจริงถูกเปิดเผยเสียที แต่อีกใจหนึ่งก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วผลสรุปจะออกมาในรูปแบบไหน

และเมื่อวันจันทร์มาถึง ร้อยรักก็รับรู้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ในที่ทำงานได้ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามา ไม่ว่าจะสายตาที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตรของเนตรอัปสร หรือแม้แต่อดีตคนรักที่ไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอเลย

“ฉันว่าพี่เอคงพูดเอาดีเข้าตัวเอาความชั่วโยนให้เธอแน่ๆ ยายรัก คุณเนตรถึงได้มองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันขนาดนั้น” ธารีเอ่ยอย่างเป็นกังวลเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาพิฆาตของหลานสาวเจ้าของบริษัท ด้วยกลัวว่าเรื่องราวจะบานปลายไปกระทบเรื่องงาน

“ช่างเถอะ อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย ต่างคนต่างอยู่น่าจะดีที่สุด”

“นั่นสิ ขืนไปมีเรื่องกับหลานสาวเจ้าของบริษัท เผลอๆ อาจตกงาน”

สองสาวต่างยิ้มให้กันก่อนจะแยกย้ายไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองเพื่อทำงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบจนแทบไม่มีเวลาให้คิดที่ทำให้เศร้าใจ กระทั่งใกล้เที่ยงร้อยรักจึงได้เข้าห้องน้ำหมายจะไปเติมแป้งเติมลิปสติกตามปกติ โดยไม่รู้เลยว่าทันทีที่ย่างเท้าออกมาเนตรอัปสรก็เดินเข้าไปในแผนกด้วยท่าทีร้อนใจ ดวงตากวาดมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นคนที่ต้องการพบ จึงส่งเสียงร้องถาม

“ร้อยรักไปไหน”

หญิงสาวถามอย่างไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษ ทำให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ส่ายหน้า

“ไม่รู้ค่ะ”

“แต่ฉันเห็นเดินออกจากห้องไปได้สักพักแล้วนะคะ” ขณะที่คนอื่นตอบไม่รู้ก็มีหนึ่งคนที่ให้ข้อมูลแตกต่างออกไป

“ไปไหน”

คนถูกถามส่ายหน้า เนตรอัปสรจึงหันมาหาธารีที่เป็นเพื่อนสนิทของอีกฝ่าย

“คุณรู้ไหมธารี”

“ไม่รู้ค่ะ พอดีธารมัวแต่เร่งงานเลยไม่ได้สนใจ” ธารีบอกพลางยิ้มแหยๆ แต่ถึงเธอรู้ก็ไม่คิดจะบอกแน่นอน เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาถามหาร้อยรักทำไม แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่เรื่องงาน พาให้นึกเป็นห่วงความปลอดภัยของเพื่อนรักไม่น้อย

“แล้วมีใครเห็นคุณเอมาที่นี่ไหม”

คำถามนั้นเรียกทุกคนให้หันมามองหน้ากันอย่างงุนงงเล็กน้อยแล้วส่ายหน้าหวือพร้อมกัน และก่อนที่เนตรอัปสรจะซักไซ้ไปมากกว่านี้ คนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาก็เปิดประตูเดินเข้ามา พอดวงตาคู่หวานเห็นหลานสาวเจ้าของบริษัทก็ถึงกับชะงักเล็กน้อย แต่เมื่อตั้งสติได้ก็ส่งยิ้มไปให้อีกฝ่ายตามมารยาท สองเท้าก้าวเดินไปที่โต๊ะโดยไม่รู้เลยว่ามีร่างสูงของอดีตคนรักเดินตามหลังเข้ามาติดๆ

“นี่คุณแอบไปพบกับร้อยรักมาใช่ไหมคะ” เนตรอัปสรถามพลางเดินเข้าไปผลักอกชวลิตและชี้นิ้วไปที่ร้อยรักอย่างหึงหวง โดยไม่สนใจว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน เหมาะสมหรือไม่ที่จะแสดงท่าทีแบบนั้นออกไป

“อะไร ผมไปคุยธุระเรื่องงานมาต่างหาก พอกลับไปที่แผนกก็ไม่เห็นคุณ ถามคนอื่นต่างก็พูดตรงกันว่าเห็นคุณเดินมาทางนี้ ผมเลยมาตาม” ชวลิตพยายามอธิบายแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

“แล้วทำไมคุณกับร้อยรักต้องเดินตามกันเข้ามาด้วยล่ะคะ คุณยังมีเยื่อใยกับเธออยู่ใช่ไหม ถ้าใช่ก็ไปเลย ไม่อยากแย่งของของใครเหมือนกัน งานตงงานแต่งก็ไม่ต้องจัดมันแล้ว” เนตรอัปสรโวยวาย หันไปมองร้อยรักที่นั่งมองตาปริบๆ อย่างไม่พอใจแล้วผลุนผลันเดินออกไป

“เนตร คุณกำลังเข้าใจผมผิดนะ” ชวลิตตะโกนตามหลังแล้วรีบตามไปง้อว่าที่เจ้าสาว ปล่อยให้ร้อยรักที่จู่ๆ ก็กลายมาเป็นชนวนให้คู่รักทะเลาะกันมองตามไปอย่างหนักใจ

“ฉันว่าฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วละ”

หลังจากเป็นชนวนให้คู่รักทะเลาะกัน ร้อยรักก็คิดจะลาออกจากบริษัท หากแต่ธารีกลับห้ามเอาไว้ เพราะต้นเหตุหาใช่เกิดจากร้อยรัก แต่เกิดจากเนตรอัปสรระแวงและมโนแต่งเรื่องไปเองทั้งนั้น ถ้าต่างคนต่างอยู่ เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น

ผ่านไปแค่สองวันความสงบสุขของร้อยรักก็ถูกรุกรานอีกครั้ง เมื่อจู่ๆ ชวลิตก็โผล่มาหา

“รัก ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”

ร้อยรักมองหน้าเพื่อนร่วมงานที่นั่งเล่นพูดคุยกันในช่วงพักเที่ยงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ค่ะ ว่ามาสิคะ”

“ขอคุยตามลำพังได้ไหม”

“คุยที่นี่ไม่ได้เหรอคะ คือฉันไม่อยากมีเรื่องกับคุณเนตรน่ะค่ะ”

หญิงสาวเอ่ยเช่นนั้นเพราะต้องการป้องกันตัวเอง ซึ่งเพื่อนในกลุ่มต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับถ้อยคำนั้น

“คือมันเป็นเรื่องส่วนตัวน่ะ นะรักนะ แป๊บเดียวเอง เดี๋ยวหลบไปคุยด้านหลังตรงมุมใกล้ๆ ที่จอดรถก็ได้”

ชายหนุ่มอ้อนวอน หากแต่ร้อยรักก็ไม่คิดใจอ่อนเลยสักนิด

“แต่ฉันว่า...”

ยังไม่ทันที่ร้อยรักจะปฏิเสธจบ ชวลิตก็รีบเอ่ยแทรกและยกมือไหว้อ้อนวอน

“ขอร้องละ”

เพื่อนๆ ในกลุ่มถึงกับครางออกมาอย่างไม่อยากเชื่อว่าชวลิตจะลงทุนขนาดนี้ ไม่ต่างจากร้อยรักที่ถึงกับอึ้งและพานคิดว่าถ้าไม่ไปอีกฝ่ายคงจะตื๊อไม่เลิก สุดท้ายจึงต้องยอมทำตาม

“ก็ได้ค่ะ แต่แค่แป๊บเดียวนะคะ”

“ครับ” ชวลิตบอกอย่างดีใจแล้วรีบเดินนำหญิงสาวตรงไปยังลานจอดรถซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดที่หญิงสาวนั่งคุยกับเพื่อนมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็มีมุมที่อับสายตาอยู่

“พวกเธอห้ามไปไหนนะ รอจนกว่าฉันจะกลับมา”

ทุกคนพยักหน้ารับแล้วมองตามหลังร้อยรักด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็นว่าสองคนนั้นจะพูดคุยเรื่องอะไรกัน ต่างจากธารีที่เป็นกังวลเพราะกลัวว่าผู้เป็นเพื่อนจะโดนเนตรอัปสรมาอาละวาดใส่อีก

“รัก...”

ชวลิตเรียกชื่ออดีตคนรักอย่างอ่อนโยน สองเท้าขยับเข้าหาหมายจะคว้ามือบางมากุม ทว่าเจ้าตัวกลับเดินถอยหลังเว้นระยะห่างพอสมควร

“มีอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ” หญิงสาวพยายามปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้นิ่งเรียบเย็นชาเท่าที่จะทำได้

“ผมยังรักคุณนะรัก”

ร้อยรักชะงักไปเล็กน้อยด้วยไม่คิดว่าชวลิตจะเอ่ยคำคำนี้ออกมาทั้งที่อีกไม่นานก็จะแต่งงานแล้ว ถ้าถามว่ามีผลต่อหัวใจอันเจ็บปวดของเธอไหม ตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่ามาก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่คิดจะปล่อยใจไปกับอารมณ์และความรู้สึกโดยเด็ดขาด

“ถ้าจะเรียกมาพูดแค่นี้ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

จบถ้อยคำที่สื่อถึงความห่างเหินอย่างเห็นได้ชัดก็หมุนตัวจะเดินหนี ทว่าชวลิตกลับดึงรั้งข้อมือเอาไว้

“กับคุณเนตรผมก็แค่เผลอใจไปหน่อย แต่ตอนนี้ผมแทบจะเป็นประสาทตายที่โดนเธอวีนเหวี่ยงใส่ ไม่เหมือนคุณที่ไม่เคยทำตัวแบบนี้ บอกเลยว่าผมไม่อยากจะทนแล้วจริงๆ”

“แล้วคุณจะทำยังไง” ร้อยรักลองถามหยั่งเชิงด้วยความอยากรู้ว่าเขาจะมาบอกเธอเพื่ออะไร ถ้าจะให้ช่วย เธอก็ไม่ได้เป็นแม่พระเสียขนาดนั้น

“ผมอยากมีที่ที่สบายใจไว้พักยามเจอเรื่องอย่างทุกวันนี้” ชวลิตบอกน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ทอดสายตามองอดีตคนรักด้วยสายตาออดอ้อน

“หมายความว่ายังไงคะ” ร้อยรักมองอีกฝ่ายอย่างระแวง

“ผมรู้นะว่าคุณเองก็ยังรักผมอยู่” ชวลิตบอกอย่างมั่นใจ ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจเมื่อร้อยรักหลบตาและใช้ความเงียบเป็นคำตอบ “ในเมื่อคุณก็รัก ผมก็รักคุณ ทำไมเราจะต้องเลิกกันล่ะ”

สิ้นคำถามนั้นร้อยรักก็มองคนพูดตาขวาง ก่อนจะถามกลับเสียงห้วน

“นี่คุณกำลังพยายามจะพูดเรื่องอะไร”

“ผมอยากให้เรากลับมาคบกันเหมือนเดิม เพียงแต่อย่าให้คุณเนตรรู้ ผมสัญญาว่าจะคอยดูแลเอาใจใส่คุณไม่ต่างจากเมื่อก่อน อยากได้อะไรผมก็จะหาให้ไม่เกี่ยง”

ชวลิตเสนอเงื่อนไขที่คิดว่าดีที่สุดให้กับอดีตคนรัก และคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงพอใจเพราะเธอรักเขามาก ส่วนเขานั้นก็รักเธอเช่นกัน และก็รักเนตรอัปสรด้วย แถมคนหลังนี้ยังมีประโยชน์ต่อเขาในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงานและเงินทอง

เผียะ!

แต่คำตอบที่ได้รับเหนือความคาดหมายนัก ชวลิตโดนฝ่ามือบางฟาดเข้าที่ซีกแก้มอย่างจังจนหน้าหัน

“คุณไม่พอใจตรงไหน” ชวลิตถามเสียงห้วนพลางใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มข้างที่โดนตบ

“อย่ามายื่นข้อเสนอเลวๆ แบบนี้กับฉันอีก และทางที่ดีเอาเวลาที่จะมาพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ไปดูแลเมียกับลูกของคุณเถอะ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!”

ร้อยรักบอกเสียงเข้มแล้วเดินผละออกไปอย่างรวดเร็ว สองเท้ามุ่งตรงไปหาเพื่อนร่วมงานก่อนจะชวนทุกคนกลับแผนกโดยไม่คิดจะเล่ารายละเอียดให้ใครฟัง หากมีใครถาม เธอก็ตอบสั้นๆ เพียงเท่านั้น

“ไม่มีอะไรหรอก เรื่องคุณเนตรนั่นแหละ”

“แค่เรื่องคุณเนตรจริงเหรอ” ธารีถามอย่างข้องใจเมื่ออยู่กันตามลำพัง

“ใช่ที่ไหนล่ะ แต่ตอนนี้ขอทำงานก่อน ไว้เลิกงานแล้วค่อยคุยกัน” ร้อยรักบอกเพียงเท่านั้นก็เดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง และเริ่มต้นการทำงานในช่วงบ่ายด้วยจิตใจว้าวุ่นแทบจะไม่มีสมาธิในการทำงานเลย

“ฉันว่าฉันไม่ไหวแล้วละธาร ตอนบ่ายไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานเลย ถ้าเจอแบบนี้บ่อยๆ ฉันคงเครียดตาย” ร้อยรักที่เดินเคียงคู่เพื่อนสนิทออกมาจากบริษัทหลังเลิกงานบ่นขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ

“เป็นอะไร” ธารีหันมาถามเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะทำหน้าตกใจเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงกระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน “อย่าบอกนะว่าเพราะเรื่องเมื่อกลางวัน”

“อือ”

“เล่ามา”

ร้อยรักมองรอบๆ ตัว เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอื่นเดินอยู่ใกล้ๆ จึงเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้เพื่อนรักฟังด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบา

“พี่เอพูดทำนองว่าอยากจะคบกับฉันต่อ แต่เป็นแบบลับๆ น่ะ”

“เมียน้อยน่ะเหรอ” ธารีถามกลับอย่างตกใจ ก่อนจะรีบยกมือปิดปากพลางมองซ้ายมองขวาอย่างกลัวใครจะมาได้ยินเข้า

“ประมาณนั้นแหละ เขาบอกว่าอยากมีที่พักใจเวลาโดนคุณเนตรวีนเหวี่ยงใส่น่ะ”

“แล้วเธอว่าไง ยังรักพี่เออยู่ไหม” ธารีเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ แล้วเธอก็ยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อได้ฟังคำตอบของเพื่อนรัก

“ยอมรับละว่ายังมีเยื่อใยอยู่ แต่ฉันก็มีคุณธรรมพอ ถ้าจะให้ไปเป็นเมียน้อยละก็ ไม่เอาด้วยหรอก บาปตาย”

“ดีแล้วละ ที่เธอไม่รักจนหูหนวกตาบอด ไม่คิดเลยนะว่าพี่เอจะเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้” ธารีเบ้ปากก่อนจะถามต่อ “แล้วพี่เอว่าไงล่ะ ตอนเธอปฏิเสธ”

“ไม่รู้ พอยื่นข้อเสนอมาฉันก็ตบและด่าเขาก่อนจะเดินหนีออกมาเลย” ร้อยรักเล่าแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันว่าเขาคงไม่จบแค่นี้แน่ คิดแล้วก็อยากลาออก”

“ทำไมล่ะ งานไม่ใช่หากันได้ง่ายๆ นะ” ธารีค้านอย่างไม่เห็นด้วย

“ก็จริง แต่รู้จักสำนวนคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยากไหม และตอนนี้ฉันก็ทั้งคับอกคับใจคับกายจนอึดอัดไปหมด คิดดูสิ ก่อนหน้านี้คุณเนตรมาโวยวายที่แผนก พอวันนี้พี่เอก็มาขอฉันเป็นเมียเก็บ แล้วถ้าคุณเอไม่เลิกรา เชื่อเถอะอีกไม่นานคนขี้ระแวงอย่างคุณเนตรต้องรู้สึกผิดสังเกตแน่ และคนที่ซวยก็คือฉันที่ไม่ได้ทำอะไรเลย”

ร้อยรักระบายความอัดอั้นตันใจรัวออกมาเป็นชุด ทำเอาธารีถึงกับพูดไม่ออก

“มันก็จริง” ธารีถอนหายใจเฮือกก่อนจะดึงมือร้อยรักพาเดินเลี่ยงผู้คนที่ยืนรอรถประจำทางไปยืนรอรถห่างจากป้ายเล็กน้อยเพื่อจะได้คุยกันอย่างสะดวกยิ่งขึ้น “แต่ฉันว่าใจเย็นก่อนดีไหม ไม่แน่ว่าเธออาจจะกังวลไปเองก็ได้ โดนตบซะขนาดนั้นพี่เออาจจะถอดใจไปแล้วมั้ง”

“ให้มันจริงเถอะ ฉันก็ใช่อยากจะหางานใหม่เสียเมื่อไร”

“นั่นแหละใจเย็นๆ รถมาแล้ว ตอนนี้ก่อนจะทำใจเรื่องอื่น มาทำใจเรื่องที่ต้องยืนเบียดเสียดคนบนรถจนกว่าจะถึงบ้านดีกว่า ปะ...”

ธารีทำหน้าเบ้แล้วรีบลากเพื่อนรักไปต่อแถวเพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในความแออัดบนรถประจำทางที่ทั้งร้อนและอึดอัด บางวันก็อาจจะมีกลิ่นตัวของผู้โดยสารบางคนสร้างความทรมานให้คนร่วมทางได้ไม่น้อย

คำว่า ‘ตกงาน’ น่ากลัวเสียที่ไหนเมื่อเปรียบเทียบกับความวุ่นวายที่ร้อยรักได้รับเมื่อหลายวันที่ผ่านมา เธอพยายามทำใจเย็นอย่างที่ธารีเฝ้าปลอบ แต่สุดท้ายความอดทนของเธอก็ขาดผึง เมื่อชวลิตตื๊อหนัก จนเนตรอัปสรจับได้จึงมาโวยวายที่แผนกอีกครั้ง และมันจะไม่มีครั้งที่สามเกิดขึ้นแน่นอน!

ทันทีที่ชวลิตพาเนตรอัปสรกลับ ร้อยรักก็ไปยื่นใบลาออกกับฝ่ายบุคคลทันที แม้แต่ธารีก็ห้ามเอาไว้ไม่อยู่ และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้เธอต้องไปสมัครงานด้วยตนเองตามที่มีประกาศรับสมัคร วันไหนที่ไม่ได้ออกนอกบ้านก็นั่งหาตำแหน่งงานผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะสมัครทิ้งเอาไว้ ทว่างานสมัยนี้หายากนัก หาวันสองวันสมัครที่สองที่ใช่จะได้เลยทันที

“น้ำหวานเย็นๆ กับขนมจ้ะ”

“ขอบคุณค่ะแม่” ร้อยรักละสายตาจากโน้ตบุ๊กหันมามองคนเป็นแม่ที่นำของว่างมาให้ที่โต๊ะนั่งเล่นหน้าบ้านก่อนจะหันกลับไปสนใจการกรอกใบสมัครงานต่อ

“เป็นไงบ้าง” กรองแก้วถามพลางชะเง้อคอมอง

“เหมือนเดิมค่ะ ไม่มีสัญญาณตอบรับเลย” ร้อยรักตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เธอไม่อยากตกงานนานๆ แม้ว่าการไม่มีงานทำก็ไม่ได้สร้างความลำบากอะไร เนื่องจากเงินเก็บและเงินประกันหลังจากที่คนเป็นพ่อเสียชีวิตยังคงอยู่ในบัญชีเงินฝากไม่ได้หายไปไหน แต่ถ้ามัวแต่ใช้ไม่หามาเติม เงินก็ต้องหมดเข้าสักวัน

“อย่าทำหน้ายุ่งอย่างนี้สิ ค่อยๆ หา ไม่ต้องรีบ ถือซะว่าพักผ่อนเลียแผลใจไปในตัว”

“อยากเลียแผลใจไปด้วย ทำงานไปด้วยนี่คะ ไม่แน่อาจจะเจอคนถูกใจในที่ทำงานใหม่ แผลใจจะได้หายไวๆ ไงคะ”

หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่คิดอะไรมาก แตกต่างจากคนฟังที่นำถ้อยคำนั้นมาคิดจนต้องรีบร้องห้ามเสียงหลง

“ไม่ได้ๆ รักตกปากรับคำกับแม่แล้วนะว่าจะลองไปทำความรู้จักกับลูกชายของเพื่อนแม่”

“แหม แม่ก็ ตกใจไปได้ รักไม่เบี้ยวหรอกค่ะ ในเมื่อเชื่อสายตาตัวเองไม่ได้ ต่อไปนี้ชีวิตรักของลูกคนนี้ขอฝากไว้ในอุ้งมือของแม่ด้วยนะคะ” หญิงสาวบอกพลางเอนศีรษะลงไปซบไหล่ของคนเป็นแม่อย่างออดอ้อน

“เชื่อใจได้เลย” กรองแก้วรับคำพลางเปิดยิ้มกว้างอย่างพอใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ตัดใจเรื่องจับคู่ไปแล้ว เพราะร้อยรักมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แถมชีวิตรักยังไปได้ด้วยดี แต่เหมือนพรหมลิขิตจะเป็นใจ สุดท้ายความรักของร้อยรักก็ล่มไม่เป็นท่าเหมือนเคย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel