ตอนที่3(บ้านเช่าราคาถูก)
บ้านเช่า A
ย่านสลัม......
ขวัญเอย กมลวรรณ…
พรึบ
“บ้านหลังนี้แหละหนู…”
“ในย่านนี้ก็เหลือแค่หลังนี้หลังเดียว…”เสียงทุ้มต่ำของคุณป้าวัยห้าสิบต้นๆเอ่ยขึ้น ฉันก็ละสายตาจากบ้านไม้สองชั้นที่ด้านบนเป็นไม้ด้านล่างเป็นปูนกลับมามองหน้าป้าเจ้าของบ้านเช่าหลังนี้และอีกหลายๆหลังที่อยู่ในซอยนี้
“สองห้องนอน…หนึ่งห้องน้ำ…หนึ่งห้องครัว…”
“หนึ่งห้องนั่งเล่น….”ป้าเจ้าของบ้านเช่าเอ่ยต่อ
“เดือนละสองพันห้า…น้ำไฟต่างหาก…”
“สองพันห้าเหรอคะ?”ฉันเอ่ยทวนคำพูดของป้าเจ้าของบ้านเช่าไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแววตาเป็นประกาย เพราะมันถูกมากสองพันห้าน้ำไฟตั้งหากเนี่ย ได้บ้านทั้งหลังเลยนะ มันถือว่าถูกแสนถูกมาก
หาถูกกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วจ้ะ
“ใช่จ้า…จ่ายล่วงหน้าสองเดือนเข้าอยู่ได้ทันที…”
“ถ้าเธอไม่เอา…แถวนี้ก็คงจะไม่ให้เช่าแล้วล่ะ…เหลือแต่หอ…”
“แต่ค่าเช่าก็น่าจะแพงเพิ่มจากของฉันเป็นอีกเท่าตัว…”
“งั้นตกลงค่ะ…หนูตกลง^_^”ฉันรีบตอบทันที ป้าเจ้าของบ้านก็ฉีกยิ้มกว้างให้ฉัน
“งั้นไปที่บ้านฉันไปเซ็นสัญญากัน…”
“อ้อได้ค่ะ^_^”ฉันพยักหน้ารับคำป้าเจ้าของบ้านพร้อมกับเดินตามหลังป้าเขาไปต้อยๆและทอดสายตามองไปรอบๆบ้านหลังที่ฉันตกลงเช่ามีรั้วรอบขอบชิดด้านในอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด ฉันรู้สึกชอบและถูกชะตา คนที่เงินน้อยอย่างฉันไม่มีสิทธิ์เรื่องมากหรอกนะ ออกจากบ้านมาโดยมีเงินติดตัวแค่หนึ่งหมื่นบาท ไม่รู้ว่าฉันจะบริหารเงินน้อยๆแบบนี้ได้ยังไง เพราะเมื่อก่อนเงินหนึ่งหมื่นคือต่อวันที่ฉันใช้ แต่นี่ฉันกลับต้องใช้เงินหมื่นประทังชีวิตไปจนไม่รู้ถึงเมื่อไหร่
19:00น.
บ้านเช่าA
พรึบ
“น้องเอยแน่ใจนะคะ…ว่าอยู่ได้?”เสียงทุ่มละมุนเอ่ยออกมาอย่างสุภาพและเต็มไปด้วยความเป็นห่วงจากผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งที่ใส่สูทเต็มยศหน้าตาหล่อเหลาอย่างคุณแฟนสุดหล่อของฉันที่มีดีกรีเป็นถึงท่านประธานบริษัทส่งออกจิวเวลรี่ชื่อดังของเมืองไทยเลยนะ
“แน่ใจสิคะ…แค่นี้สบายๆค่ะ^_^”ฉันหันไปมองหน้าพี่คีรีที่เขาทำหน้าเหยเกและมองไปรอบๆตัวบ้านหลังน้อยหลังนี้ ที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครันตัวบ้านก็ยังมองไม่เก่ามากนักนะเหมือนได้รับการดูแลอย่างดีเลยล่ะ ถึงมันจะเล็กกว่าห้องนอนฉันมากก็เถอะ
“พี่ว่า…น้องเอยไปอยู่คอนโดดีกว่าไหมคะ…”
“เดี๋ยวพี่จะดูแลน้องเอยเองทั้งค่าเทอมค่าขนม…รวมถึงค่า”
พรึบ
“พี่คีรีคะ…”ฉันเดินไปจับมือพี่คีรีและเอ่ยเรียกเขา เขาก็หยุดพูดและจ้องมองหน้าฉัน
“เอยไม่อยากรบกวนพี่คีรี…และอีกอย่าง…เอยไม่อยากให้คุณแม่รู้ด้วยค่ะ…ว่าเอยอยู่ที่ไหน…”
“แต่น้องเอยคะ…”พี่คีรีจะเอ่ยแย้งฉัน แต่ฉันกลับชิงพูดซะก่อน
“ถ้าพี่คีรีอยากช่วยเอยจริงๆเนี่ย…พี่คีรีช่วยเก็บเรื่องที่พักของเอยเป็นความลับด้วยนะคะ…”
“อย่าให้คุณแม่รู้เด็ดขาดว่าเอยอยู่ที่ไหน…”
“พี่คีรี…รับปากเอยได้ไหมคะ?”ฉันทำสีหน้าและแววตาที่ดูจริงจังจ้องมองเข้าไปในตาของพี่คีรี เขาก็ทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมรับปากฉัน
“ครับ…ก็ได้ครับ…พี่จะไม่บอกเรื่องที่พักกับคุณน้า…”
“ขอบคุณมากค่ะ^_^”ฉันเอ่ยขอบคุณพี่คีรีไป เขาก็ยิ้มอ่อนให้ฉัน ฉันก็ยิ้มให้เขาก่อนจะปล่อยมือเขาให้เป็นอิสระและหันมาหยิบกระเป๋าและของของฉันที่เอามาจากบ้านของฉันขึ้นมาถือไว้เพื่อจะเตรียมขนย้ายขึ้นห้องนอนของฉันที่อยู่ชั้นบน
พรึบ
“พี่ยกขึ้นไปข้างบนเลยนะคะ?”พี่คีรีเอ่ยบอกในขณะที่สองมือของเขาถือกระเป๋าเดินทางของฉันทั้งสองข้าง ฉันก็ยิ้มและพยักหน้าเป็นคำตอบให้เขา
“ห้องทางด้านซ้ายที่เปิดประตูไว้นะคะ^_^”ฉันเอ่ยบอกพี่คีรีไปแบบที่คุณป้าเจ้าของบ้านเช่าบอกฉันมา ซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฉันห้ามเลือกห้องนอนด้วย ทั้งๆที่บ้านนี้ก็มีฉันอยู่แค่คนเดียว?
“อ้อ…โอเคครับ^_^”พี่คีรียิ้มรับคำฉันก่อนจะยกกระเป๋าเต็มสองมือของเขาและเดินขึ้นบันไดไป ฉันก็หันมาหยิบของของที่จะเอาขึ้นไปบนห้องมาถือไว้และเดิมตามหลังพี่คีรีขึ้นบันไดไป
พรึบ
ติ๊ดๆๆๆๆๆๆๆ
“พี่ขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ…”พี่คีรีหันมาเอ่ยบอกฉันพร้อมกับชูโทรศัพท์เครื่องหรูของเขาให้ฉันดู
“ค่ะ^_^”ฉันยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้พี่คีรี เขาก็ยิ้มให้ฉันอย่างสุภาพบุรุษและเดินออกไปจากห้องนอนบนชั้นสองของฉัน ฉันเมื่อพี่คีรีไปแล้วก็หันกลับมาจัดแจงข้าวของของฉันต่ออย่างไม่ให้เสียเวลส
“ที่นอนก็ใช้ได้นะ…ถึงจะไม่นุ่มเหมือนที่บ้านเราก็เถอะ…”ฉันพึมพำออกมาพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอนของฉันที่เป็นขนาดเตียงนอนห้าฟุตได้ถูกปูด้วยผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดตา มีหมอนสองใบหมอนข้างหนึ่งลูกและผ้านวมอีกหนึ่งผืน ฉันเอามือลูบไปบนที่นอนและนึกถึงความสุขสบายเวลาที่อยู่บ้านของฉันที่ฉันอยู่มาตั้งแต่เกิด แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อคุณแม่ของฉันท่านไม่ได้แคร์ความรู้สึกของฉันเลยสักนิด
ท่านไม่ถามฉันสักนิด…ว่าฉันอยากจะมีพ่อใหม่หรือเปล่า
พรึบ
“น้องเอยคะ!”
“คะ?”ฉันรีบหันไปมองหน้าพี่คีรีที่เขาวิ่งกระหืดกระหอบมาตรงหน้าของฉันด้วยท่าทางรีบร้อนหน้าตาของเขาดูเคร่งเครียดนะ
“พี่คีรีมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“คือว่าพี่…มีธุระด่วนนะคะ…”พี่คีรีตอบฉันมาด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“อ้อค่ะ…งั้นพี่คีรีไปทำธุระเถอะค่ะ..ที่เหลือเดี๋ยวเอยจัดการต่อเองค่ะ…”ฉันเอ่ยบอกพี่คีรีไปพร้อมกับยิ้มให้เขา
“ไม่ต้องห่วงเอยหรอกคะ…แค่นี้สบายๆมาก…”
“ค่ะ…งั้นพี่ไปก่อนนะคะ…แล้วเดี๋ยวพี่เสร็จธุระแล้วโทรหา…”
“ค่ะ…”
“น้องเอยไม่ต้องไปส่งพี่หรอกครับ…น้องเอยอย่าลืมปิดบ้านใส่กลอนให้แน่นหนานะ…”พี่คีรีว่าด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง ฉันก็ยิ้มและลุกขึ้นยืน
“รับทราบค่ะ^_^”
พรึบ
“ครับ…พี่เป็นห่วงนะ^_^”พี่คีรีว่าพร้อมกับยื่นมือมาลูบศีรษะของฉันอย่างแผ่วเบา
“ค่ะ…รีบไปเถอะค่ะ…เดี๋ยวจะไปสายนะ^_^”
“ครับ…ไว้พี่โทรหานะคะ^_^”
“ค่ะ…ขับรถดีๆนะคะ^_^”
“ครับ…บ๊ายบายครับ^_^”
“บ๊ายบายค่ะ^_^”ฉันยกมือพร้อมกับยิ้มกว้างให้พี่คีรีไป เขาก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหันหลังและเดินออกจากห้องของฉันไป ฉันก็มองตามแผ่นหลังกว้างของพี่คีรี
ฉันกับพี่คีรีคบกันมาได้สามปีแล้ว ที่จริงเราสองคนรู้จักและเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็กน่ะ คุณพ่อของฉันกับคุณพ่อของพี่คีรีเป็นเพื่อนรักที่สนิทกันมาก เราสองคนเลยสนิทกันและเป็นเพื่อนเล่นกันมาตลอด จนกระทั่งพี่คีรีไปเรียนต่อเมืองนอก เราสองคนก็เลยต้องห่างกันไป จนกระทั่งพี่คีรีกลับมา เราสองคนมีโอกาสได้พบกันอีกครั้งในตอนที่เราทั้งคู่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
พี่คีรีเป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับฉันก่อนและเราสองคนที่เคยเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยสนิทกันเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งพี่คีรีขอฉันเป็นแฟน เราเลยลองเปลี่ยนสถานะจากพี่ชายน้องสาวมาเป็นแฟนกัน เราก็คบกันนานมากเลยนะ ตั้งสามปีแหนะ พี่คีรีเป็นผู้ชายที่มีความเป็นสุภาพบุรุษมาก เอาใจเก่ง ใส่ใจฉันทุกรายละเอียดและที่สำคัญเขาเสมอต้นเสมอปลายกับฉันมากเลยล่ะ ฉันเลยรักเขาจนหมดใจ^_^
มีเเฟนทั้งหล่อทั้งแสนดีแบบนี้ ใครไม่รักก็บ้าแล้ว^_^