บท
ตั้งค่า

ขยี้ครั้งที่ 9 - เรื่องน่าอาย

“...ปล่อย”

“ขอโทษครับ”

กฤตินรีบปล่อยมือจากท่อนแขนเล็ก เอ่ยขอโทษที่ทำตัวไม่สุภาพ แตะเนื้อต้องตัวเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต

เธอไม่ได้พูดอะไรและเดินจากไปด้วยท่าทางเหม่อลอย ศาสตราจารย์หนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นทำไม แต่จะให้ยืนดูคนตบตีกันเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรเลย เขาทำไม่ได้จริง ๆ

โชคดีที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี นอกจากตัวเขาก็ไม่มีใครที่ต้องเจ็บตัวอีก ผู้หญิงอีกคนเดินหายเข้าไปในคอนโด เธอน่าจะอยู่ที่คอนโดนี้เหมือนกัน ส่วนคนที่ตบหน้าเขาจนแสบเดินไปอีกทาง ท่าทางของเธอดูน่าเป็นห่วง

ปล่อยไปแบบนั้นจะไหวหรือเปล่า?

กฤตินส่ายหน้าอีกครั้ง พอแล้ว... เขาควรเลิกยุ่งกับเรื่องของพวกเธอเสียที ขายาวเดินไปที่รถของตัวเองอย่างแน่วแน่ เขาต้องรีบกลับไปที่โรงพยาบาล คุณกุสุมากำลังรออยู่...

“เฮ้อ!”

แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว กฤตินตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน วิ่งตามคนที่เดินเหม่อลอยแล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“คุณจะไปไหนครับ ให้ผมไปส่งไหม”

“ไม่ต้อง”

“มืดแล้วนะครับ เดินออกไปแบบนี้มันอันตราย”

“.....”

“มาเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”

กฤตินฉวยโอกาสผู้หญิงอีกแล้ว เขาออกแรงดึงแขนเรียวเบา ๆ อีกฝ่ายดูไม่ค่อยมีสติเลยไม่ได้ขัดขืน ท่าทางของเธอทำให้ศาสตราจารย์หนุ่มถอนหายใจ แค่คิดว่าผู้หญิงตัวแค่นี้จะไปเจอกับคนไม่ดีก็ไม่สบายใจแล้ว

ขอยุ่งเรื่องของชาวบ้านอีกเรื่องเดียว...แค่เรื่องเดียว

“นั่งดี ๆ นะครับ” กฤตินเปิดประตูรถให้เธอ ดันร่างระหงให้เข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ “เอ่อ... ขอโทษนะครับ”

เอ่ยขอโทษเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อสวมเข็มขัดนิรภัยให้

จิรัชญามองคนที่โน้มกายเข้ามาใกล้ด้วยสายตาว่างเปล่า ถ้าเป็นปกติเธอคงถีบเขาไปแล้ว แต่เพราะตอนนี้เธอยังทำตัวไม่ถูก ความรู้สึกหลายอย่างมันตีกันจนไม่มีแรงขัดขืน ถ้าผู้ชายคนนี้เป็นคนชั่ว ก็ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ของเธอก็แล้วกัน

มือถือที่สั่นไม่หยุดตอนนี้นิ่งสนิทไปแล้ว ไม่ใช่เพราะพี่แอนนาหยุดโทรตาม แต่แบตมือถือมันคงหมดลงเรียบร้อย ดีเหมือนกัน เธอจะได้อยู่คนเดียวเงียบ ๆ

ร่างที่สูงถึงร้อยเจ็ดสิบขดตัวเข้าหากันเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ กฤตินเดินอ้อมไปฝั่งที่นั่งของคนขับ ดวงตาหลังกรอบแว่นหนามองหญิงสาวที่เอาแต่หันหน้าออกไปข้างนอกด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

เขาเอาตัวเองเข้ามายุ่งกับเธอทำไมกันนะ

แต่ให้ปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น...ก็ทำไม่ลงอยู่ดี

“จะให้ไปส่งที่ไหนครับ”

“.....”

“คุณครับ?”

กฤตินถามเธอหลายครั้งว่าอยากให้ไปส่งที่ไหน แต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่ปิดปากเงียบ มองเหม่อออกไปข้างนอกเหมือนไม่ได้ยินที่เขาถาม สารถีจำเป็นทอดถอนหายใจอีกครั้ง ตัดสินใจขับรถยนต์คู่กายไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ ๆ เขามักจะมาเยือนเวลาที่ต้องการอยู่คนเดียวเงียบ ๆ

“ที่นี่ที่ไหน”

จิรัชญาเอ่ยถามเมื่อรถหยุดลง สติที่ลอยล่องคืนกลับมาเพื่อปกป้องตัวเองในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ดวงตาเฉี่ยวมองไปรอบ ๆ ตรงหน้าของเธอคือแม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืน รอบข้างมีแสงไฟและผู้คนประปราย ไม่ได้ดูเปลี่ยวหรืออันตรายขนาดนั้น แต่คนที่เธอขึ้นรถมาด้วยดันเป็นคนที่ไม่รู้จัก...

นั่งรถมากับเขาตั้งไกล เพิ่งจะคิดได้ว่าตัวเองออกมากับผู้ชายแปลกหน้า แถมเบาะที่นั่งก็แข็งจนปวดก้นไปหมด

แล้วเขาพาเธอมาที่นี่ทำไมกัน จะพามาฆ่าหรือปล้น? แต่ตรงนี้ก็มีคนอยู่นะ จะอุกอาจขนาดนั้นเลยเหรอ?

“ฐานทัพลับของผมเอง”

“...?”

“เวลาเครียด ๆ ผมชอบมาที่นี่ คุณลงมาสิ”

เขาเดินอ้อมไปเปิดประตูให้เธอ จิรัชญายอมก้าวลงจากรถอย่างว่าง่าย อย่างน้อย ๆ อยู่ข้างนอกก็น่าจะปลอดภัยกว่าสถานที่ปิดอย่างในรถ ชายหนุ่มแปลกหน้าเดินนำไปใกล้แม่น้ำ ก่อนจะหยุดลงแล้วทิ้งตัวนั่งกับพื้นหญ้า หญิงสาวเห็นแบบนั้นก็อ้าปากค้าง

ไม่คันเหรอ? สกปรกจะตาย

“นั่งสิครับ ตรงนี้ลมเย็นมากนะ”

“ไม่เอาหรอก...สกปรก” เธอส่ายหน้า พูดตรง ๆ ตามนิสัย “ผิวฉันบอบบาง ถ้าแพ้ขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”

“งั้น...”

กฤตินถอดเสื้อนอกของตัวเองออก ร่างกายท่อนบนเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวง่าย ๆ ตัวเดียว

“คุณนั่งบนนี้ก็ได้ครับ รับรองว่าไม่คันแน่นอน”

จิรัชญานิ่งคิดเพียงครู่ ก่อนจะตัดสินใจทิ้งก้นบนเสื้อที่ชายแปลกหน้าลงทุนถอดปูให้นั่งอย่างระแวดระวัง

หลานสาวคนเดียวของเจ้าสัวจรินทร์ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน เธอขยับตัวอย่างเก้ ๆ กัง ๆ อยู่สักพัก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นจนแทบผูกเป็นโบว์ กว่าจะนั่งได้ก็เหงื่อตก พอเห็นว่ามันไม่ได้คันแบบที่คิดก็เป่าปากเบา ๆ ด้วยความโล่งใจ

กฤตินมองการกระทำของเธอตลอดเวลา เขาลอบยิ้มออกมาบาง ๆ กับท่าทางเหมือนเด็กที่เพิ่งเคยลองทำอะไรใหม่ ๆ ครั้งแรก ดูไม่มีพิษมีภัยต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

“เวลาเครียด ๆ ผมชอบมานั่งรับลมเย็น ๆ ที่นี่ คุณลองหลับตาดูสิครับ หลับตา...แล้วปล่อยให้สายลมพัดพาความหนักอึ้งในใจออกไป” ปกติกฤตินไม่ใช่คนช่างคุย แต่วันนี้เขาพูดเยอะกว่าวันไหน ๆ คงเพราะคนข้างกายเอาแต่เงียบจนเขาต้องพูดแทน

“ไม่ทำหรอก ไร้สาระจะตาย”

จิรัชญาส่ายหน้าทันที เธอไม่เคยเอาเวลาที่แสนมีค่ามาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ แล้วก็ไม่คิดจะทำมันด้วย แต่พอหันไปเห็นชายแปลกหน้าหลับตาลงพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากก็เริ่มรู้สึกลังเล

เขาหลับตาพริ้ม ปล่อยให้สายลมอ่อน ๆ พัดผ่านจนเส้นผมสั้น ๆ ปลิวเล็กน้อย ท่าทางผ่อนคลายสบายใจของเขาทำให้เธอนึกสงสัย มันดีขนาดนั้นเลยเหรอ? แค่หลับตา นั่งให้ลมพัดหน้าเฉย ๆ เนี่ยนะ?

แต่ลองทำดูก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่นา ไหน ๆ เธอก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว

จิรัชญาลอบมองเขาอีกครั้ง เธอลอกเลียนท่าทางของคนแปลกหน้ามาแบบเป๊ะ ๆ หลับตาลง แล้วปล่อยให้ลมเย็นพัดใบหน้าเบา ๆ แรก ๆ มันรู้สึกแปลกจนอยากจะล้มเลิกมันซะ แต่ผ่านไปสักพักริมฝีปากได้รูปก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

ในใจของเธอเบาลงจริง ๆ ด้วย

กฤตินที่เพิ่งลืมตาลอบมองใบหน้างดงามหมดจดของหญิงสาวแปลกหน้าเงียบ ๆ จะพูดว่าแปลกหน้าก็ไม่ใช่ เพราะก่อนหน้านี้เราเคยเจอกันมาตั้งสองครั้งแล้ว

ครั้งแรกที่ล็อบบี้คอนโดวันนั้น ครั้งที่สองที่มหาวิทยาลัย

เวลาไม่ถึงเดือน แต่พวกเราได้เจอกันถึงสามครั้ง ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

จากคนไม่รู้จัก กลายเป็นคนที่เคยพบหน้า จนได้มานั่งพูดคุยกันแบบนี้ กฤตินคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นโชคชะตา

ชายหนุ่มเหม่อมองรอยยิ้มบนใบหน้าสวยไร้ที่ติราวกับต้องมนตร์สะกด วันนี้เธอไม่ได้แต่งตัวเปรี้ยว ไม่ได้ใส่สีแดงฉูดฉาดหรือแต่งหน้าจัดเหมือนครั้งก่อน ๆ แต่เธอยังคงสวยงามตรึงตาตรึงใจใครต่อใครได้ไม่เปลี่ยน รวมถึงเขาด้วย

กฤตินเอาแต่มองอยู่แบบนั้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของรอยยิ้มนั้นลืมตาขึ้นตอนไหน ที่แปลกคือแทนที่จิรัชญาจะโวยวาย เธอกลับนิ่งค้างแล้วเม้มปากด้วยความประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

คนแปลกหน้าที่ไม่รู้ชื่อ ผู้ชายหน้าตาจืด ๆ ท่าทางเนิร์ด ๆ ใส่แว่นหนาเตอะจนไร้เสน่ห์ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่คนธรรมดาคนนี้กลับทำให้ซูเปอร์สตาร์ชื่อดังไม่เป็นตัวของตัวเอง

จิรัชญาโทษว่าเป็นเพราะบรรยากาศ ที่ทำให้เธอรู้สึกแบบนี้

“ที่รัก เรือนั้นสวยมากเลยอะ!”

“แต่เค้าว่าที่รักสวยกว่า”

“บ้า!”

เสียงพูดคุยของคู่รักที่นั่งห่างออกไปพอสมควรปลุกให้สติของสองหนุ่มสาวคืนกลับมา จิรัชญาเบนหน้าไปทางอื่นทันที ส่วนกฤตินก็กระแอมไอด้วยความเก้อ เขาไม่เคยไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่แย่อะไร

ออกจะดีมากด้วยซ้ำ

“จริงสิ! ฉันตบหน้าคุณนี่ เจ็บมากหรือเปล่า?” เธอหันกลับมาถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

จิรัชญาเพิ่งนึกถึงเรื่องแย่ ๆ ที่ตัวเองทำขึ้นได้ เธอตบหน้าผู้ชายคนนี้ไปเต็มแรง มือของเธอยังชาอยู่เลย แล้วคนที่โดนตบล่ะ?

แต่ก่อนจะได้ถามไถ่ถึงผลงานของตัวเองต่อ แสงไฟที่สาดส่องเข้ามาพอดี ทำให้เธอได้เห็นหน้าตาของชายแปลกหน้าชัดเจน

ชัดจนเผลออ้าปากค้าง

“นี่...นาย! คนที่เป็นแฟนคลับฉันนี่!!” เธอโวยวายชี้หน้าเขา “เดี๋ยวนะ แล้วทำไมนายไปอยู่ตรงนั้นได้ นาย...เป็นสต็อกเกอร์ฉันเหรอ!?”

จิรัชญาขยับตัวออกห่างทันที ครั้งก่อนที่เจอกันเธอคิดว่าเขาเป็นแฟนคลับ เพราะตารางงานของเธอเป็นสาธารณะอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มันนอกตารางงาน เป็นไปไม่ได้ที่จะบังเอิญเจอแฟนคลับคนเดิมสองครั้งติด นอกจากเขาจะตามเธอมาตลอด

“คุณครับ”

“อย่าเข้ามานะ! ไม่งั้นฉันร้องให้คนช่วยแน่ ๆ”

“ครับ ๆ แต่คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ” กฤตินยกมือสองข้างขึ้นเหนือศีรษะเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ “ผมไม่ใช่สต็อกเกอร์แบบที่คุณคิดนะครับ”

“งั้นก็อธิบายมาสิว่าทำไมฉันถึงเจอนายสองครั้งติดแบบนี้ ทั้งที่กองถ่าย ทั้งวันนี้ ถ้าอธิบายไม่ได้ฉันจะแจ้งตำรวจ!”

จิรัชญายกมือถือขึ้นมาพร้อมขู่ฟ่อ ก่อนจะหน้าเสียเล็กน้อยเพราะนึกขึ้นได้ว่ามือถือแบตหมดไปแล้ว เธอทำใจดีสู้เสือ เชิดหน้าขึ้นสูงเพื่อให้สต็อกเกอร์ไม่รู้ว่าเธอกำลังกลัว

“ก่อนอื่น ผมไม่ใช่สต็อกเกอร์ แล้วก็ไม่ใช่แฟนคลับของคุณด้วยครับ”

“ไม่--”

“ผมพูดความจริง ผมไม่รู้จักคุณด้วยซ้ำ”

ครั้งนี้จิรัชญาหน้าเหวออย่างหมดมาด เขาบอกว่าอะไรนะ?

ไม่รู้จักเธอ ไม่รู้จักจิรัชญาคนนี้เนี่ยนะ??

“ที่มหาวิทยาลัย ผมทำงานอยู่ที่นั่นครับ ไม่เชื่อคุณดูนี่ก็ได้” กฤตินยื่นบัตรพนักงานให้เธอดู ก่อนจะโชว์คีย์การ์ดของคอนโดให้เธอดูด้วย “ส่วนวันนี้ก็เป็นความบังเอิญเหมือนกัน ผมอาศัยอยู่ที่คอนโดนั้นครับ”

“หมายความว่า...” เธอคิดไปเองงั้นเหรอ?

“ถึงจะฟังดูเหลือเชื่อ แต่ทั้งหมดคือเรื่องบังเอิญครับ ให้ผมสาบานก็ได้”

เหมือนได้ยินเสียงหน้าตัวเองแตกดัง ‘เพล้ง’ จิรัชญาไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เธออยากจะเอาหน้ามุดดิน หรือไม่ก็กระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยาตอนนี้เลย ยิ่งนึกย้อนไปวันนั้นที่เธอมั่นใจมากกว่าเขาคือแฟนคลับก็ยิ่งอาย อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ควีนของวงการบันเทิงซบใบหน้ากับฝ่ามืออย่างหมดท่า ส่งเสียงคร่ำครวญออกมาเบา ๆ เหมือนแมวกำลังร้องประท้วง จิรัชญาไม่เคยแสดงท่าทางแบบนี้กับคนแปลกหน้ามาก่อน ถ้าไม่ใช่คนใกล้ชิด ไม่มีทางรู้เลยว่านางร้ายที่มั่นใจตลอดเวลาอย่างเธอก็มีมุมเด๋อ ๆ แบบนี้เหมือนกัน

กฤตินทอดสายตามองอย่างเอ็นดู เป็นผู้หญิงที่มีหลายด้านจนเขาเดาไม่ถูกว่าเธอเป็นคนแบบไหนกันแน่

แต่ก็น่ารักดี

“คุณ...อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ”

“ครับ เรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเราสองคน”

“อยากกลับบ้านแล้ว” เธอเอ่ยเสียงอู้อี้

กฤตินตอบรับด้วยการลุกขึ้นยืน เขารอให้หญิงสาวยืนขึ้นแล้วก้มตัวไปเก็บเสื้อที่ถอดให้เธอนั่ง สะบัดเศษหญ้าเบา ๆ ก่อนจะเดินนำไปที่รถ ครั้งนี้เขาไม่ได้สวมเข็มขัดนิรภัยให้เธอแล้ว เพราะเธอจัดการมันเองเสร็จสรรพ ไม่รอให้เกิดความใกล้ชิดที่ไม่จำเป็นอีก

แค่นี้ก็อายจะแย่อยู่แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel