ขยี้ครั้งที่ 8 - ตกจากสวรรค์
เที่ยงของวันต่อมา แอนนาบอกกับจิรัชญาว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว
แผนหนีนักข่าวของพี่แอนนา ทำให้ควีนของวงการมายาเกือบจะต้องติดหนวดปลอมตัวเป็นผู้ชาย จิรัชญาต้องจำใจใส่เสื้อผ้าคนละแนวกับที่ชอบใส่ ใช้ผ้าพันคอคลุมศีรษะ ใส่แว่นดำ แล้วเดินแอบ ๆ เหมือนขโมยไปที่รถอีกคันที่พี่แอนนาหามาให้
สื่อกัดไม่ปล่อยจริง ๆ ถ้าไม่ได้พี่แอนนาที่ออกไปรับหน้าแทน ตอนนี้เธอคงเละเป็นโจ๊กไปแล้ว
ตั้งแต่เกิดเรื่องเธอยังไม่ได้คุยกับพี่นนท์เลย ไม่รู้ว่าทางนั้นเห็นข่าวหรือยัง แต่ถ้าพี่นนท์อยากให้ออกมาแก้ข่าวเธอก็จะทำ ถึงปกติจะไม่ชอบมานั่งแก้ข่าวไร้สาระพวกนี้เท่าไหร่ แต่เรื่องนี้มันไม่ได้กระทบกับเธอแค่คนเดียวอีกแล้ว พี่นนท์เองก็ไม่ใช่ลูกตาสีตาสา ไหนจะพิมมาดาที่ยังต้องทำงานด้วยกันอีก
แต่เรื่องพวกนั้นช่างมันก่อน ตอนนี้เธออยากจัดการกับคนที่สร้างเรื่องบ้า ๆ นี่ขึ้นมาจะแย่ อยู่กันดี ๆ ไม่ได้ก็ต้องเจอสักทีนี่แหละ จะได้เลิกบ้า
รถญี่ปุ่นสีขาวเรียบ ๆ ไม่โดดเด่นขับออกจากโรงแรม ไม่มีใครคิดว่าคนขับเป็นจิรัชญาสักคน แผนของพี่แอนนาได้ผล เพราะถ้าเธอดื้อจะขับลูกรักสีแดงเพลิงพวกนักข่าวคงจับได้ก่อน
มือเรียวสวยหมุนพวงมาลัยไปอีกทางพร้อมกับดวงตากรุ่นโกรธ แอบขอโทษพี่แอนนาในใจที่ไม่ได้กลับเพนท์เฮ้าส์ทันทีอย่างที่ตกลงกันไว้ เธอไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้จริง ๆ ไม่อย่างนั้นคงนอนไม่หลับ
ไม่นานรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นคันเล็กก็จอดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่ ร่างระหงก้าวลงจากรถด้วยท่วงท่าสง่างามเหมือนเคย เธอถอดแว่นกันแดดออก ก่อนจะเดินไปกดออดบ้านที่เมื่อก่อนเคยมาบ้างในบางครั้ง
บ้านของอดีตเพื่อนที่ไม่รู้ว่าไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้กัดกันไม่ปล่อยแบบนี้
“มาหาใครคะ”
“หลินหลินอยู่หรือเปล่า”
“คุณหนูอยู่ข้างในค่ะ แต่ฉันต้องแจ้งคุณหนูก่อนว่าใครมาหา”
“บอกว่าเพื่อนเก่ามาหา จิรัชญา”
แม่บ้านขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองร่างเพรียวระหงเต็ม ๆ ตาก่อนจะอ้าปากค้าง นี่มัน...จิรัชญาตัวจริงเสียงจริงนี่!
ตัวจริงสวยกว่าในทีวีเป็นร้อยเท่าพันเท่า เธอจะเป็นลม
แม่บ้านที่เหลือแต่ร่างกายไร้วิญญาณเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านแบบเหม่อ ๆ จิรัชญาถอนหายใจ จะได้เรื่องไหมเนี่ย
ยังดีที่หล่อนไม่ได้เพ้อจนลืมหน้าที่ เพราะไม่กี่อึดใจคนที่จิรัชญาอยากพบก็เดินออกมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง แทนที่จะเชิญให้เข้าไปคุยในบ้าน แต่หลินหลินกลับเดินออกมาเอง แสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เธอเข้าไปในนั้น
“มีอะไร ถึงได้ถ่อมาถึงที่นี่” หล่อนถามเสียงเหวี่ยง ยกแขนขึ้นกอดอกด้วยท่าทีหยิ่งยโส
“ฉันต้องเป็นฝ่ายถามเธอมากกว่า เธอต้องการอะไรจากฉันหลินหลิน เมื่อไหร่จะเลิกลอบกัดกันซะที”
“อะไรของเธอยะ! พูดจาไม่รู้เรื่อง แล้วนี่แต่งตัวอะไรเนี่ย? ทำไมเชยขนาดนี้ รสนิยมเธอตกต่ำขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ฉันจะแต่งอะไรมันก็เรื่องของฉัน เธอไม่ต้องมายุ่ง แค่ตอบคำถามมาก็พอ” จิรัชญาสวนกลับทันที ไม่ใช่เพราะหล่อนหรอกเหรอที่ทำให้เธอต้องมาแต่งตัวบ้า ๆ แบบนี้
“ตอบอะไร”
“เธอต้องการอะไร ปล่อยคลิปนั่นทำไม”
“คลิป?” หลินหลินขมวดคิ้วแน่น “คลิปที่ถูกปล่อยเมื่อคืนน่ะนะ? เธอหมายความว่ายังไง?”
“เธอรู้ดีอยู่แก่ใจหลินหลิน ไม่ต้องมาทำไขสือตีหน้าซื่อว่าไม่รู้เรื่อง ในเมื่อเธอเป็นคนปล่อยคลิปนั่นเองกับมือ”
“เอ๊ะ! นี่เธอกำลังใส่ร้ายฉันนะจี คลิปนั่นฉันก็เพิ่งเห็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ ฉันจะเป็นคนปล่อยได้ยังไง” หลินหลินกระทืบเท้าเร่า ๆ ตามประสาลูกคุณหนูเอาแต่ใจ เธอไม่ได้ทำ ยัยนี่เป็นบ้าอะไรถึงได้มาใส่ร้ายกันแบบนี้
“ถ้าไม่ใช่เธอแล้วใครจะทำ ก็มีแค่เธอเท่านั้นแหละที่กัดฉันไม่ปล่อย”
“ฉันน่ะเหรอที่กัดไม่ปล่อย? ถามตัวเองดีกว่าไหมว่าใครกันแน่ ตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่ได้ยุ่งกับเธอเลย แต่เธอก็ยังอุตส่าห์เสนอหน้ามาปาร์ตี้คืนนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าฉันเกลียดเธอแค่ไหน...แต่เธอก็ยังมา”
“ก็เธอนั่นแหละที่บอกให้ฉันไป!”
“ฉันไม่เคยบอก!”
“ถ้าเธอไม่บอกแล้วซินดี้จะโทรตามฉันทำไม!”
“ก็เธอไม่ใช่เหรอที่โทรหาซินดี้เพราะอยากมาปาร์ตี้ของฉันน่ะ!”
“ฉันไม่ได้... เดี๋ยวนะ”
จิรัชญาชะงักงัน เธอเริ่มจะประติดประต่ออะไรบางอย่างได้แล้ว เรื่องนี้เหมือนจะมีกลิ่นแปลก ๆ เพราะที่ซินดี้พูดกับเธอ มันเหมือนหนังคนละม้วนกับที่หลินหลินพูด และถ้าทุกอย่างที่หลินหลินพูดเป็นความจริง ก็แปลว่าเราต่างก็โดนซินดี้ปั่นหัวด้วยกันทั้งคู่
เท่าที่เธอรู้จักหลินหลินมา นอกจากนิสัยเสีย ขี้โวยวาย หวงแฟนไม่เข้าเรื่องแล้ว หลินหลินไม่ใช่คนชอบโกหก
ดูเหมือนว่าพวกเราจะโดนซินดี้ปั่นหัวจริง ๆ คำถามคือ แค่วันนั้น...หรือมากกว่านั้น
“อย่าบอกนะว่าเรื่องฉันกับแฟนเธอ ก็เป็นซินดี้...”
“ใช่ ซินดี้เป็นคนมาบอกฉันว่าเห็นเธอกำลังอ่อยพี่เต”
“แล้วเธอก็เชื่อ?”
“ก็ภาพมันเป็นแบบนั้น”
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ทำ และพวกเราโดนซินดี้ปั่นหัวมาตลอด เธอจะเชื่อหรือเปล่า?”
“.....”
“โอเค ช่างเรื่องอดีตมันเถอะ ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันพอจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว ขอโทษที่มารบกวน แล้วก็...”
จิรัชญาสบตาอดีตเพื่อนที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสน ส่วนเธอตาสว่างเต็มร้อย หลังจากโดนปั่นหัวจากเพื่อนที่ดูไม่มีพิษมีภัยมาหลายปี
“อะไร”
“เตชินไม่ใช่ผู้ชายที่เหมาะสมกับเธอเลยซักนิด ลองคิดดูดี ๆ อีกทีก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงาน”
“นี่!!”
“ฉันพูดในฐานะเพื่อนเก่า แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว”
จิรัชญาไม่รู้ว่าหลินหลินจะฟังเธอหรือเปล่า เพราะเตชินเป็นทั้งรักแรกและแฟนคนแรก เทียบกับเพื่อนที่จบกันไม่ดีเท่าไหร่แบบเธอ คำตอบมันก็น่าจะชัดเจนอยู่แล้ว แต่เธอแค่อยากทำหน้าที่เพื่อนที่ดีสักครั้ง อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ค้างคา
หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของเจ้าตัว ส่วนซินดี้ เธอจะเป็นคนจัดการเอง
.
ศาสตราจารย์กฤตินมีเหตุให้ต้องกลับกรุงเทพฯ ก่อนกำหนดที่ตั้งใจไว้ เพราะช่วงค่ำของเมื่อคืนนี้ คุณกุสุมา แม่แท้ ๆ ของเขาสะดุดล้มในห้องน้ำ จากที่ตั้งใจจะอยู่ลำปางต่ออีกอาทิตย์ กฤตินต้องรีบจองตั๋วเครื่องบินเพื่อบินกลับมาดูแลคนแก่ที่ดูไม่ได้เจ็บป่วยอะไรเท่าไหร่แทน
หลังจากซักหมอจนละเอียดก็ได้ความว่าแม่ของเขาล้มจริง แต่ไม่ได้ล้มแรง นอกจากเมื่อยเนื้อตัวนิดหน่อยก็ไม่ได้เป็นอะไรอีก ไม่มีกระดูกตรงไหนแตกหรือหัก แต่เพื่อความมั่นใจ แม่ต้องนอนดูอาการอย่างน้อยหนึ่งถึงสองคืน เพราะถึงภายนอกจะดูแข็งแรงดี แต่คุณกุสุมาก็อายุห้าสิบห้าปีเข้าไปแล้ว
กฤตินมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่ตีสี่ อยู่เฝ้าแม่ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในชุดทำงาน เขารีบจนไม่ได้เก็บเสื้อผ้ากลับมาจากลำปางแม้แต่ตัวเดียว แค่ได้เห็นว่าแม่ไม่เป็นอะไรก็สบายใจ
“ทีหลังทำอะไรก็ระวังหน่อยสิครับ ถ้ากระดูกหลุดหรือหักนี่เรื่องใหญ่เลยนะครับ อายุอานามก็ปูนนี้แล้ว”
“เฮ้อ... ดูสินับดาว กฤตมาถึงก็เอาแต่บ่นแม่แบบนี้ไม่หยุด แม่หูชาหมดแล้ว”
“กฤตเขาเป็นห่วงแม่นะคะ”
“หึ! เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ”
พอไม่มีใครเข้าข้างคนแก่ก็หน้างอ สองหนุ่มสาวมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา ที่เขาบอกว่าคนแก่เอาใจยากกว่าเด็กน่าจะจริง
“กฤตบอกว่าจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ ไปสิ เดี๋ยวเราเฝ้าแม่ให้เอง วันนี้เราไม่มีสอนแล้ว”
“เรารบกวนนับดาวอีกแล้ว”
“เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องเกรงใจ” นับดาวส่งยิ้มกว้างให้เพื่อนสนิท รอยยิ้มนั้นอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมายที่พร้อมจะประทุออกมาได้ทุกเมื่อ แต่น่าเสียดายที่กฤตินกลับมองไม่เห็นมัน
“งั้นเดี๋ยวเรารีบกลับมา”
กฤตินรีบปลีกตัวออกมา ตัดสินใจขับรถกลับคอนโดเพราะใกล้กับโรงพยาบาลมากกว่าบ้านที่อยู่ชานเมือง เขาพักอาศัยที่นี่เป็นหลักเพราะอยู่ในตัวเมือง ใกล้มหาวิทยาลัยที่ทำงาน แต่ก็กลับบ้านทุกสุดสัปดาห์เพราะกลัวว่าแม่จะเหงา
ศาสตราจารย์หนุ่มขับรถไปตามท้องถนน เขาอยู่เฝ้าแม่ตั้งแต่เช้ามืดจนกระทั่งบ่ายแก่ พอนับดาวมาเยี่ยมก็ได้ทีขอแยกตัวกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโด แต่เพราะตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานของพนักงานออฟฟิศ ทำให้กว่าจะมาถึงคอนโดที่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลแค่ไม่กี่กิโลก็กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง
กฤตินรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋า ไม่ได้เอาข้าวของอะไรไปมากเพราะแม่นอนค้างที่โรงพยาบาลอีกแค่คืนเดียว เขาทำทุกอย่างด้วยความเร่งรีบเพราะไม่อยากรบกวนนับดาวนาน แต่ในตอนที่ขายาวก้าวมาถึงลานจอดรถของคอนโด เสียงเอะอะโวยวายเหมือนคนทะเลาะกันก็ทำให้กฤตินชะงัก
ชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปดู เผื่อว่ามีคนต้องการความช่วยเหลือ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งเข้าไปห้ามเมื่อทั้งคู่มีทีท่าว่าจะลงไม้ลงมือกัน
เพียะ!
เพราะเข้าไปห้ามในตอนที่ทั้งสองคนกำลังร้อนเหมือนไฟ กฤตินเลยได้รับอานิสงส์ความร้อนแรงนั้นไปเต็ม ๆ แก้ม ใบหน้าของเขาหันไปอีกข้างทันที แสบตรงที่โดนตบจนเผลอซี้ดปากออกมาเบา ๆ
“แกมันเลวซินดี้ ตีหน้าซื่อมาได้ยังไงตั้งหลายปี!” จิรัชญารู้ว่าตัวเองเผลอตบคนที่ไม่เกี่ยวข้องไป แต่อารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านทำให้เธอเลือกที่จะมองข้าม
“เพราะแกมันโง่ไงล่ะ! ถึงได้เชื่อว่าฉันเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด คนแบบแกจะมีใครอยากเข้าหาด้วยความจริงใจ แฟนกี่คน ๆ ของแกก็ตามจีบแกเพราะผลประโยชน์ไม่ใช่เหรอ?”
“ซินดี้!!”
“ทำไม? มันจี้ใจดำมากเลยใช่ไหม? หึ แต่ฉันพูดความจริงทั้งนั้น คนอย่างแกนอกจากสวยกับรวยแล้วก็ไม่มีอะไรดีซักอย่าง หน้าโง่!”
“แก!! เอ๊ะ! ปล่อยฉันนะ!”
“คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ มีอะไรค่อย ๆ พูดกัน” กฤตินถือวิสาสะยึดแขนเรียวไว้ เพราะหญิงสาวคนนี้ทำท่าจะพุ่งเข้าไปลงไม้ลงมือกับอีกฝ่ายท่าเดียว แก้มเขายังแสบอยู่เลย ถ้าปล่อยให้ตีกันเรื่องคงไม่จบง่าย ๆ
“ไม่! ฉันจะเอาเลือดปากมันออก”
“ทำร้ายร่างกายคนอื่นมันผิดกฎหมายนะครับ”
“ไม่ต้องมายุ่ง ฉันมีเงินจ่ายค่าปรับ!”
“แกก็เป็นซะแบบนี้ คิดว่ามีเงินแล้วจะทำได้ทุกอย่าง อยากกลบเรื่องเน่า ๆ คาว ๆ ของตัวเองก็ใช้เงินฟาด กดหัวคนอื่นจนเคยตัว คิดว่าตัวเองเป็นสูงส่งมาจากไหนเหรอ? ลองล้มดูซักครั้ง จะได้รู้ว่าคนอื่นเขาเจ็บปวดแค่ไหน แค่ที่ฉันทำมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ!!”
“ฉันไปทำอะไรให้เธอซินดี้ ฉันเคยทำร้ายเธอเหรอ!”
“เธอทำ!!” ซินดี้ตะโกนดังลั่น “เธอทำมาตลอดนั่นแหละ! รุ่นพี่ที่เธอคบตอนปีสองก็เข้าหาฉันเป็นทางผ่านเพราะอยากจีบเธอ เพื่อน ๆ ไม่เห็นหัวฉันก็เพราะว่าเธอรวยกว่า ชุดเมื่อคืนที่เธอใส่ก็เป็นของฉัน มันคือของฉัน!! กล้าดียังไงถึงเอาชุดฉันไปใส่ แล้วเอาชุดที่มีตำหนิมาให้ฉัน!! เห็นฉันเป็นตัวอะไร!!”
จิรัชญาเบิกตากว้าง เธอจำได้ว่าเมื่อคืนตอนแต่งหน้า ดีไซเนอร์เดินมาบอกว่าต้องการเปลี่ยนชุดเพื่อให้เข้ากับเพชร เธอไม่ได้มีปัญหาก็เลยตอบตกลงไป ไม่รู้เลยว่าที่ต้องเปลี่ยนชุดเพราะชุดเดิมของเธอมีตำหนิ และก็ไม่รู้ด้วยว่าชุดที่ใส่เป็นของคนอื่น เธอคิดว่าดีไซน์เนอร์เอาชุดสำรองที่ไม่มีคนใส่มาให้
ถ้ารู้ เธอคงปฏิเสธและยืนยันว่าจะใส่ชุดเดิมต่อ แค่ชุดมีตำหนิ เธอเดินแบบให้แบรนด์เครื่องเพชรไม่ใช่แบรนด์เสื้อผ้า ดีไซน์เนอร์คนนั้นไม่ยอมให้เธอใส่เพราะกลัวว่าแบรนด์ตัวเองจะเสียชื่อมากกว่า
“เธอก็รู้ว่างานเมื่อคืนมันสำคัญกับฉันมากแค่ไหน ไม่สิ...เธอคงไม่เข้าใจสินะ คนที่มีผู้ใหญ่คอยประเคนงานดี ๆ ให้แบบเธอ จะเข้าใจคนที่ต้องดิ้นรนหางานเองแบบฉันได้ยังไง”
ซินดี้เชิดหน้าขึ้น มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เธอมองสีหน้ารู้สึกผิดของอดีตเพื่อนด้วยความสะใจ ดี! รู้สึกผิด รู้สึกแย่ซะให้พอ เพราะนี่มันก็แค่จุดเริ่มต้น
“ที่เธอต้องเจอแบบนี้ก็สมควรแล้ว”
จิรัชญาคงไม่รู้ว่าตอนนี้เรื่องมันไปไกลแค่ไหนแล้ว ไกลมากจนสามารถทำให้ดาวค้างฟ้าแบบเธอตกลงมาได้อย่างง่ายดาย ต่อให้มีเจ้าสัวอีกกี่คนก็คงช่วยอะไรไม่ได้ หลานสาวทำงามหน้าแย่งว่าที่สามีคนอื่น แถมแทนที่จะรีบแก้ข่าว กลับเอาแต่เป็นบ้ามาตามด่าทอเธอแบบนี้
คนโง่ ๆ แบบนี้สมควรได้ดีกว่าเธองั้นเหรอ?
ได้เวลาตกจากสวรรค์แล้ว ต่อไปนี้เธอไม่มีที่ยืนแน่ จิรัชญา