2
หญิงสาวพูดไปร้องไห้ไปเพราะลึกๆแล้วเธอรู้สึกได้ว่าบุพการีมองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่มีอะไรสู้พี่สาวของเธอได้และเมื่อปีที่ผ่านมาแอนนาเพิ่งเข้าประตูวิวาห์กับนักธุรกิจหนุ่มชาวมาเลเซียส่วนตัวเธอเองกลับเอาแต่คบกับเพื่อนชายที่เป็นเพียงพนักงานบริษัทหรือไม่ก็ข้าราชการชั้นผู้น้อยเท่านั้น
“คิดไปไกลแล้วแต่ต่อให้พ่อกับแม่เธอคิดแบบนั้นก็เป็นเพราะเขาเป็นห่วงอยากจะให้ลูกสาวคนเล็กของเขาได้แต่งงานกับคนที่คู่ควร”
เฌอปรางคิดแบบที่พูดออกไปจริงๆแต่ก็เห็นด้วยกลับที่เพื่อนของเขาคิดเพราะถึงแม้ว่าชนาเทพจะเป็นผู้ชายที่มาจากครอบครัวที่ดีฐานะดีหน้าที่การงานดีแต่สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นไม่มีก็คือความเป็นคนดีนั่นเอง
“ในเมื่อคุณพ่อคุณแม่อยากได้ลูกเขยนัก ฉันก็จะหาให้เขาเอาแบบที่เขาต้องการแต่ต้องไม่ใช่ชนาเทพ ฉันจะทำให้พ่อแม่เห็นว่าฉันก็มีดีไม่แพ้พี่แอนนา”
“แล้วแต่จะตัดสินใจแต่ตอนนี้ฉันว่าเราควรกลับกันได้แล้ว แม่กับพ่อฉันสลับกันโทรมาเป็นสิบสายถ้าขืนยังไม่กลับมีหวังโดนไล่ออกจากบ้านแน่ ๆ”
คนหนึ่งอยากอยู่ต่ออีกคนอยากกลับบ้าน อันนาจึงบอกให้เพื่อนของเธอกลับบ้านไปก่อนเพราะอารมณ์แบบนี้หญิงสาวยังไม่อยากเจอหน้าพ่อกับแม่ยังอยากนั่งฟังดนตรีให้คลายเครียดและมันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรเพราะปกติเธอก็มาที่ร้านนี้อยู่เป็นประจำ
“เรากลับก่อนนะอันนาแล้วก็อย่าให้ดึกอย่าดื่มมากเดี๋ยวจะขับรถกลับไม่ไหวทำอะไรก็อย่าลืมคิดถึงตัวเองด้วยปัญหามีไว้ให้แก้เครียดไปก็เท่านั้นไว้ว่างๆเจอกันใหม่นะเพื่อน”
เฌอปรางโบกมือลาเพื่อนแม้จะยังเป็นห่วงอยู่ก็ตามแต่ถ้าเธอยังไม่กลับคงได้มีปัญหากับที่บ้านแน่เพราะพ่อแม่ของเธอยังคงหัวโบราณอยู่และเป็นห่วงเธอที่เป็นลูกสาวคนเดียวเอามากๆ
นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนแล้วเวลานี้หลายคนอาจกำลังนอนหลับไหลอยู่บนที่นอนอันแสนอบอุ่นแต่สำหรับอันนาเธอกลับไม่อยากกลับบ้านเพราะรู้สึกเหมือนที่นั่นไม่มีใครรอเธออยู่
อุ้ย!
“ขอโทษด้วยครับ”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงหน้าตาดีในชุดทำงานที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่แค่เด็กวัยรุ่นที่มาเที่ยวตามปกติหันมาขอโทษหญิงสาวที่เขาเดินชนเธอจนเครื่องดื่มในมือหกหมด
“ทำไมเดินไม่ดูแบบนี้ไม่เห็นหรือไงว่ามีคนนั่งอยู่หรือไม่ได้เอาตามาด้วย”
อันนาอยู่ในอารมณ์ที่ไม่พร้อมจะให้อภัยใครความเครียดที่ยังไม่ได้ถูกระบายออกทำให้เธอหันไปตะคอกเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงใส่หน้าชายหนุ่มที่มองเธอด้วยสายตาอย่างรู้สึกผิด
“ผมไม่ได้ตั้งใจแล้วก็ขอโทษคุณแล้วหรือคุณคิดว่าผมควรจะชดใช้คุณด้วยอะไรถึงจะทำให้คุณพอใจมากขึ้น”
อันนาพยุงตัวให้ลุกขึ้นและพยายามจับเก้าอี้ไว้เพราะตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกว่าโลกในหัวเธอมันหมุนไปหมด
“รวยมากเลยหรือไงพูดจาแบบนี้อยากจะอวดรวยใช่ไหม”
หญิงสาวยังไม่ทันที่จะพูดจบ เธอก็อาเจียนออกมาใส่เสื้อผ้าของพีรันธรจนเลอะไปหมด ชายหนุ่มจึงรีบประคองเธอไว้เพราะใบหน้าซีดเซียวแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังเมา
“นั่งก่อนเดี๋ยวผมจะหาผ้ามาเช็ดให้แล้วนี่คุณมากับใคร”
พีรันธรถามหาเพื่อนของหญิงสาวเพราะเท่าที่เขามองไปรอบๆไม่เห็นว่ามีใครทำท่าว่ารู้จักกับเธอเลยสักคน