1ขนมหวานกับท่านประธานจอมดุ
ตอนที่ 1
ความเมาทำให้เราเจอกัน
“ฉันว่านายทำได้นะไม่จำเป็นที่ต้องมานั่งเครียด บริษัทนี้สุดท้ายมันก็ต้องเป็นของนายแค่วันนี้มันอาจจะดูเร็วไปก็เท่านั้น”
อธิชพยายามเตือนสติและใช้เหตุผลเข้าคุยกับเพื่อนเพราะเขารู้ว่าตอนนี้ในหัวของพีรันธร มีแต่คำว่าทำไม่ได้แต่สำหรับอธิช เขาเชื่อและมั่นใจว่าเพื่อนของเขาสามารถดูแลบริหารบริษัทได้ไม่ต่างจากที่รุ่นพ่อได้ทำไว้
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะเครียดนะแต่นายก็รู้ว่าชีวิตฉันชอบความเป็นอิสระในเมื่อคุณพ่อคุณแม่วางมือแบบนี้ชีวิตของฉันก็จะต้องรับผิดชอบมากขึ้นเพราะบริษัทมันไม่ได้หมายถึงแค่ครอบครัวฉันแต่มันหมายถึงอีกหลายร้อยชีวิตที่ฉันต้องดูแล”
พีรันธรเป็นลูกชายคนเดียวของท่านประธานใหญ่บริษัทนำเข้ารถยนต์หรู เขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างค่อนข้างอิสระเพราะใช้ชีวิตส่วนใหญ่เรียนอยู่ที่ต่างประเทศพอเรียนจบได้กลับเข้ามาทำงานที่บริษัทของตัวเองได้เพียงไม่กี่ปีผู้เป็นพ่อก็ตัดสินใจวางมือและพาแม่ของเขาย้ายไปทำรีสอร์ตขนาดเล็กบนดอยในภาคเหนือทันที
ท่านประธานคนใหม่ไม่ได้กังวลเรื่องการบริหารแต่พีรันธรแค่รู้สึกว่าตัวเขาเองยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบงานใหญ่แบบนี้ ชีวิตที่เคยอิสระทำอะไรก็ได้ไปไหนก็ได้คิดหรือตัดสินใจก็ทำตามที่ตัวเองต้องการ มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้วเมื่อเขาเข้ามารับตำแหน่ง
“เมามากแล้ว ฉันว่าเรากลับกันเถอะพรุ่งนี้ฉันต้องทำงานแต่เช้าแล้วนายก็อย่าลืมพรุ่งนี้มีประชุมช่วงบ่ายฉันจะช่วยย้ำเลขาให้เตรียมเอกสารให้เรียบร้อยและโทรศัพท์เตือนก่อนถึงเวลา”
อธิชนอกจากเป็นเพื่อนสนิทและยังเป็นพนักงานในบริษัทของพีรันธร เขาจึงเข้าใจเพื่อนทั้งในฐานะที่เป็นเพื่อนและในฐานะที่เป็นเจ้านาย
“กลับก่อนเลย ฉันยังอยากนั่งฟังเพลงเพลินๆแค่นายมานั่งเป็นเพื่อนก็ขอบใจมากแล้วรีบกลับไปเถอะป่านนี้ชมพู่เตรียมไม้เรียวรอแล้ว”
คนเป็นเพื่อนถึงแม้จะห่วงแค่ไหนแต่ก็ต้องขอตัวกลับก่อนเพราะอธิชเองแต่งงานมีครอบครัวแล้วและพรุ่งนี้เขามีงานต้องทำในฐานะพนักงานขายของบริษัทพีรันธร
“อันนาพอได้แล้ว ฉันว่าเธอไม่ควรจะคิดเครียดในเรื่องที่มันยังมาไม่ถึงบางทีพ่อกับแม่อาจจะแค่ขู่ก็ได้”
เฌอปรางพยายามพูดปลอบใจเพื่อนทั้งที่ความจริงเธอก็คิดเหมือนอันนาว่าเรื่องนี้มันใกล้จะเป็นเรื่องจริงแล้วแต่ถ้าพูดออกไปตามที่คิดจะยิ่งทำให้คนตรงหน้าที่กำลังเครียดดื่มหนักกว่าเก่า
“ฉันไม่เข้าใจเลยชื่อเสียงของธนาเทพใครๆก็รู้ว่าเจ้าชู้ ติดการพนันและอีกสารพัดความเลวแต่ทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงทำเป็นมองไม่เห็นและคิดว่าผู้ชายคนนี้เหมาะที่จะมาเป็นลูกเขยหรือแท้จริงแล้วคุณพ่อคุณแม่คิดว่าฉันไม่มีปัญญาหาผู้ชายที่ดีกว่านี้ได้”