เพื่อนเก่ารวมตัว
แปดปีผ่านไป...
“ เฮ้ย ส้ม ทางนี้โว้ย ทางนี้ ” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากกลุ่มเพื่อนของฉันที่จอดรถรออยู่บริเวณสถานีขนส่ง ฉันก้าวลงจากรถตู้ที่โดยสารมาแล้วรีบเดินเข้าไปหา ก่อนที่ผู้คนที่นั่นจะแตกตื่นมากไปกว่านั้น
“ มาแล้ว ๆ จะโวยวายอะไรกันนักกันหนา เดี๋ยวคนแถวนี้ก็ตกใจแล้วเรียกตำรวจมาจับหรอก ” ฉันบ่นเพื่อนขำ ๆ ก่อนที่ร่างตุ้ยนุ้ยจะพุ่งเข้ามากอดฉันอย่างแรงจนเกือบจะหงายหลัง
“ คิดถึงแกจังเล้ย ไอ้ส้ม ” ฉันหัวเราะแล้วรีบวางกระเป๋าลงกับพื้น กอดตอบมันเช่นกัน
“ คิดถึงแกเหมือนกัน ยัยลูกขนุน ”
“ คิดถึงแกเหมือนกันส้ม ขอกอดบ้างนะ ” เสียงห้าวดังมาจากร่างผอมสูงของไอ้ต้น เพื่อนอีกคนของฉัน แต่มันยังไม่ทันได้กอดอะไรทั้งสิ้นเพราะขนุนง้างเท้าขึ้นรอก่อน
“ มึงอย่ามาเนียนไอ้ต้น ”
“ อ้าว ทำไมวะ ทีแกยังกอดส้มได้เลย เราเพื่อนสนิทกันทั้งนั้น ”
“ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อน่ะสิอย่างแกน่ะ เพื่อนที่พร้อมจะจกตับเพื่อนได้เสมอ เราเห็นสายตาที่แกจ้องไอ้ส้มตอนแรกนะ อย่างกับพวกเฒ่าหัวงูเห็นเด็กมัธยมต้น ”
“ โธ่ ขนุน แกก็อคติกะเราเกินไปป่าววะ ก็ส้มมันสวยขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ ไม่ได้เป็นยัยทรงกะโปะแล้ว เราจะตกตะลึงในความสวยของเพื่อนไม่ได้หรือไง นี่ถ้าไม่ไลน์มาบอกว่ามากับรถตู้คันนี้นะ เราไม่มีทางจำได้อ่ะ เอาจริง ”
“ ยังไงเราก็ไม่ให้แกกอดไอ้ส้มหรอก อยากกอดมากอดเรานี่ ” ขนุนพูดพร้อมกับอ้าแขนแอ่นอกทำท่าทางยั่วยวน ต้นกระโดดหนี
“ กลัวแล้วจ้า กลัวแล้ว ” เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งกลุ่มให้ดังขึ้นได้
“ เราไม่ขอกอด ขอแค่รอยยิ้มจากส้มก็พอ ” อีกเสียงดังขึ้นจากร่างขาวสูงที่ยืนนิ่งยิ้ม ๆ รออยู่แล้ว ฉันส่งยิ้มกลับไป
“ หวัดดีจ้ะ ภีม ”
“ หวัดดีจ้ะ ส้ม ” ภีมตอบกลับฉันก่อนจะเดินมาช่วยหิ้วกระเป๋าก่อนเดินเอาไปเปิดกระโปรงท้ายรถเก๋งแล้ววางมันลงไป
“ ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถเถอะ ต้องขับต่อไปอีกราวสามชั่วโมง นี่รถเราเอง ปีนี้ก็จะผ่อนหมดแล้ว เราซื้อบ้านแล้วด้วยนะส้ม เออ ขนุน ไปนั่งข้างหลังกับต้นนะ ให้ส้มนั่งข้างหน้าคู่กับเรา ”
“ แหม ภีม พอส้มมาละก็ถีบหัวส่งเราเลยนะ แล้วไอ้ที่สาธยายสมบัติพัสถานน่ะ แปลว่าอะไร จะชวนไอ้ส้มมันไปอยู่ด้วยหรือไง ทีแต่ก่อนไม่เห็นจะชายตาแลมัน ”
ขนุนแกล้งบ่นกะปอดกะแปดแล้วเดินไปนั่งกับต้นเบื้องหลัง ภีมหันมาส่งยิ้มให้ฉันแล้วพูดทีเล่นทีจริง
“ ได้ไหมล่ะส้ม ” ฉันทำหน้าเหรอหรา ไม่รู้จะตอบอย่างไร
“ เจอหน้าก็รุกเลยนะภีม ให้ส้มมันตั้งตัวมั่งเหอะ เบื่อจริงจริ๊ง พวกผู้ชายเนี่ย แปลก ไอ้สวย ๆ อย่างนังขนุนล่ะไม่เห็นอยากจะชวน ทำไมไม่มีใครอยากฉีกขนุนกันบ้างฟะ เบื่อ ๆๆ เครียด กินคลายเครียดดีกว่าเว้ย ”
ขนุนบ่นพร้อมกับเริ่มต้นล้วงขนมออกมาแกะกินโดยมีต้นคอยล้วงถุงขนมแย่งกิน เสียงถกเถียงและตุ้บตั้บกันมีมาเป็นระยะ มันดูเหมือนจะน่ารำคาญแต่ไม่เลย ฉันมีความสุขมาก เหมือนความทรงจำอันแสนสุขในวัยเยาว์กลับคืนมาอีกครั้ง
“ แล้วไหนว่าเดียร์จะมาด้วย ” ฉันนึกได้จึงเอ่ยถามถึงเพื่อนอีกคน
“ เห็นว่าจะไปรออยู่ที่โน่นเลยมั้ง เดียร์มันเป็นพริตตี้ มีงานแถวนั้นพอดีเลยบอกจะขับรถไปรอแล้วเจอกันที่โน่นเลย ”
ขนุนอธิบาย ฉันพยักหน้ารับหงึกหงัก
พวกเราเป็นเพื่อนเรียนชั้นมัธยมด้วยกันมา ฉันสนิทกับขนุนเพราะบ้านอยู่ซอยเดียวกัน อีกทั้งเธอเป็นคนตลก นิสัยดี ไม่เคยเอาเปรียบใคร แต่ถ้าใครมาระรานทั้งตัวเธอและเพื่อนก่อนละก็ รับรองว่าจบไม่สวยสักราย เธอเป็นสาวตัวกลมป้อม รูปร่างช่างเหมาะกับชื่อมาแต่ไหนแต่ไร อารมณ์ดี และกินได้ตลอดเวลา
ส่วนต้นนั้นสนิทกับขนุนมากกว่าฉัน ต้นตัวผอมสูง ผอมมาก ๆ เหมือนคนขาดสารอาหาร เวลาเดินไปไหนมาไหนกับขนุนคนจะเรียกกันว่าเลขสิบ สองคนเรียนจบออกมาแล้วก็ทำอาชีพเป็นไกด์ทั้งคู่
ส่วนเดียร์ที่ฉันพูดถึง เธอเป็นคนสวยประจำโรงเรียน เป็นเด็กกิจกรรม ตลกโปกฮา เป็นสาวเนื้อหอมประจำโรงเรียน แต่เธอเข้ากันได้ดีกับขนุนและต้น เพราะสองคนนั้นก็ชอบทำกิจกรรมเช่นเดียวกัน ทำให้ได้ร่วมงานกันอยู่บ่อยครั้ง ปัจจุบันเดียร์ทำงานเป็นพริตตี้
ส่วนภีมนั้น เรียนดี กีฬาเก่ง เป็นหัวหน้าห้อง สุขุม สุภาพ รูปร่างหน้าตาก็ถือว่าพอไปวัดไปวาได้ พ่อแม่ของภีมทำงานธนาคารเป็นคนมีหน้ามีตา ยิ่งตอนนี้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น หน้าที่การงานก็ดี ทำให้เขายิ่งดูภูมิฐานมากขึ้น