ชีวิตที่หักเห
ฉันเองก็แปลกใจอย่างที่ขนุนมันว่า เมื่อก่อนภีมไม่เคยแม้แต่จะชายตาแล ก็ฉันมันทั้งจนทั้งขี้เหร่ เดี๋ยวนี้ฉันอาจจะดูดีขึ้น ทำให้ท่าทีที่ภีมมีต่อฉันเปลี่ยนไปสินะ
ส้ม คือชื่อของฉัน ฉันก็เป็นอย่างที่เจ้าต้นมันบอกนั่นแหละ ตัดผมสั้นหน้าม้า พวกนั้นเลยเรียกว่ายายทรงกะโปะ ฉันเป็นคนเงียบ ๆ ขี้อาย ไม่ค่อยพูด แต่ก็ไม่มีใครกล้าล้อเลียนอะไรฉันมากนัก ก็ฉันเรียนเก่งที่สุดในห้อง ขืนกล้ามาหือล่ะก็ ไม่มีคนให้ลอกการบ้านจะเดือดร้อนกันเป็นแถบ ๆ
พวกเราจบจากชั้นมัธยมปลายแล้วก็กระจัดกระจายไปเรียนที่อื่น ๆ ตามสถานศึกษาที่สอบได้ ขนุนกับต้นไปเรียน ศิลปศาสตร์เอกภาษาในเมืองกรุง เดียร์เรียนนิเทศศาสตร์ ภีมเรียนด้านการเงินการธนาคาร
ส่วนตัวฉันนั้นดูเหมือนชีวิตจะหักเหกว่าใครเขา เนื่องด้วยแม่เสียไปด้วยอุบัติเหตุตอนฉันอยู่ ม.5 ส่วนพ่อของฉันที่สำมะเลเทเมากินเหล้าเมายาเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อไม่มีแม่ห้ามก็หนักข้อเข้าไปใหญ่ พ่องัดโฉนดที่ไร่ที่นาออกมาขายจนหมดสิ้น ช่วงปีแรกก็ฟู่ฟ่าดี แต่พอเงินหมด ชีวิตก็แทบจะจบสิ้น รายได้จากการมีห้องแถวห้าห้องในตลาดที่แม่สร้างไว้ก็แทบจะไม่พอ เพราะพ่อดื่มจัด แถมพอเวลาเมาแล้วหน้าใหญ่เปย์ผู้หญิงตลอด ขณะที่จบ ม.6 เพื่อนทุกคนไปเรียนต่อที่โน่นที่นี่ ไปเตรียมพร้อมเพื่ออนาคตอันสดใส แต่ฉันที่สอบชิงทุนมหาวิทยาลัยชื่อดังได้แต่ไม่ได้ไปเรียน เพราะพ่อของฉันประสบอุบัติเหตุรถประสานงากับรถยนต์สี่ประตูเพราะพ่อเมาแล้วขับ ทำให้อาการโคม่าเป็นตายเท่ากัน แถมคู่กรณีที่พ่อชนเขาก็เสียชีวิตหนึ่งคน
เด็กอายุสิบแปดอย่างฉันต้องแบกรับภาระทุกอย่าง ฉันปรึกษากับครูที่สนิทในโรงเรียน ท่านแนะนำและช่วยเหลือให้ฉันได้นำสมบัติที่มีอยู่ของพ่อมาทยอยขายเพื่อเอาเงินไปรักษาพ่อและชดเชยให้แก่คู่กรณี ตอนนี้พึ่งจะรู้ว่าพ่อไปสร้างหนี้สินไว้เป็นดินพอกหางหมู ทั้งในและนอกระบบ สมบัติของแม่พ่อเอาไปขายจนแทบหมด เหลือเพียงห้องแถวห้าห้องนั้นซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย แต่ฉันก็จำเป็นต้องขาย
สุดท้าย ฉันเหลือเงินก้อนเพียงไม่ถึงแสนบาท ความหวังที่จะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยนั้นดับสิ้น เพราะฉันต้องคอยเทียวไปดูพ่อที่โรงพยาบาลทุกวัน ฉันเข้าสมัครทำงานในคลีนิคหมอแห่งหนึ่งและท่านก็แนะนำให้ฉันไปเรียนผู้ช่วยพยาบาลที่สถาบันเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นของญาติท่าน เพื่อจะได้เข้าทำงานในโรงพยาบาลได้ เรียนในช่วงระยะเวลาเพียงหกเดือน แถมยังสามารถนำความรู้นั้นมาดูแลพ่อได้ด้วย
ฉันนั่งรถเมล์ไปกลับทุกวัน วันละร่วมสองร้อยกิโลเมตรเพื่ออดทนเรียนให้จบ มีอาชีพที่จะเลี้ยงดูตัวเองและพ่อที่ รอดชีวิตมาจากโคม่า แต่ก็กลายเป็นอัมพาตครึ่งซีกตั้งแต่ท่อนล่างลงไป เป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ช่วยตัวเองไม่ได้
ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้พ่อไม่สามารถออกไปสำมะเลเทเมาได้อย่างเมื่อก่อน และพ่อก็ยังคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่าง พ่อเริ่มหันหน้าเข้าหาหนังสือธรรมะ เปลี่ยนตัวเองจากหลังมือเป็นหลังมือ ฉันกล้าพูดได้เต็มปากว่า ถึงแม้เราพ่อลูกจะไม่ได้ร่ำรวย แค่พอมีพอกิน แถมพ่อก็ยังพิการแต่เรามีความสุขมากกว่าเมื่อก่อนมาก
แปดปีผ่านไป ฉันเองไม่เคยไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหรือเลี้ยงรุ่นใด ๆ เลย เพราะจากที่เป็นคนเงียบ ๆ อยู่แล้ว ประกอบกับปัญหาดังมรสุมทำให้ฉันหายไปจากโลกของเพื่อน ๆ กระทั่งขนุนมาหาฉันที่บ้าน ถ่ายภาพของฉันและเธอคู่กันไปลง เฟชบุ้ค และคะยั้นคะยอให้ฉันไปเที่ยวพบปะกับเพื่อน ๆ บ้างเพราะทุกคนล้วนแล้วแต่อยากเจอฉัน นางขออนุญาตพ่อฉันเสร็จสรรพ พ่อเองก็อยากจะให้ฉันได้ไปเที่ยว ไปผ่อนคลายบ้าง หลังจากที่ไม่ได้ไปเที่ยวเลยตั้งแต่พ่อป่วย ฉันเลยตกลงที่จะไปพักผ่อนสมองบ้าง แต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะจ้างเพื่อนผู้ช่วยพยาบาลด้วยกันให้มาดูแลพ่อให้เป็นเวลาสองคืนสามวัน