3
Chapter 3
“ดาราดังอย่างนั้นเหรอ” กุลยาเริ่มขบคิด หรือเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอคือน้องสาว แต่ถ้าเธอบอกความจริงกับเขา เขาอาจจะทำร้ายน้องสาวของเธอก็เป็นได้ คนห่วงน้องสาวเลยปิดปากเงียบ
ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เธอก็รักน้องสาวคนเดียวเป็นที่สุด มารดาสอนให้เธอรักน้อง เพราะมีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง ถึงแม้ว่ากุลธิดาจะไม่เคยปริปากบอกใครๆ ว่าเธอเป็นพี่สาวก็ไม่เป็นไร ด้วยว่าเธอเองก็ไม่อยากเป็นข่าวอยู่แล้ว
“จริงๆ คุณควรจะสำนึกในสิ่งที่ทำนะ ไม่ใช่ทำตัวไม่รับผิดชอบอะไรแบบนี้” กุมภ์สั่งสอนหญิงสาว
กุลยาเม้มปากเข้าหากันแน่น เธอถอยหนีมาสามก้าวก่อนที่ท้องจะเริ่มร้องเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ที่สำคัญไปกว่านั้นเธอก็เจ็บระบมเท้าไปหมดเพราะโดนหนามทิ่มตำตอนหลงป่า
“หิวก็ไปทำกินเองนะคุณ ที่นี่มีอุปกรณ์ครบครัน ทั้งไม้ฟืน ทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง” กุมภ์คิดว่าหล่อนน่าจะทำไม่เป็น เพราะดาราดังคงไม่เคยหยิบจับอะไรพวกนี้ แต่ถ้าเธอขอร้อง เขาอาจจะให้อังคารไปทำให้กิน
อังคารที่นั่งอยู่อีกด้านได้แต่เกาหัวไปมา ไหนบอกว่าไม่อยากให้จับตัวมา แต่ทำไมสวมบทโหดขนาดนี้ เจ้านายของเขานี่ผีเข้าผีออกจริง ๆ เลย
กุลยามองเตาไฟที่เป็นก้อนเส้าแล้วเผยยิ้มกว้าง เธอไปอยู่บ้านสวนริมคลองกับคุณยายพิตรตั้งแต่เด็ก ๆ มีหรือที่จะทำอะไร
แบบนี้ไม่เป็น
หญิงสาวจัดการก่อไฟอย่างชำนาญ ในห้องครัวด้านหลังของกระท่อมเป็นที่สำหรับหุงหาอาหารโดยเฉพาะ มีอุปกรณ์เครื่องครัวให้เธอสามารถทำกับข้าวหุงข้าวได้อย่างสะดวกสบาย แถมยังมีข้าวสารอาหารแห้ง ปลากระป๋อง ปลาเค็ม เนื้อเค็ม และไข่อีกหลายฟอง
“คุณหยิบจับข้าวของของผม ขออนุญาติผมหรือยัง” กลิ่นเหล้าที่ลอยมากระทบจมูก ทำให้เธอรับรู้ว่าเขากำลังเมา
“คุณบอกว่าถ้าฉันอยากกินก็ให้มาทำอาหารกินเอง ฉันหิวเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตอนกลางวัน มีแค่ข้าวต้มตอนเช้าเท่านั้น” เธอเถียงกลับ
“น่าแปลกที่คุณหุงหาอาหารด้วยไม้ฟืนเป็นด้วย ดาราดังแบบคุณไม่น่าจะทำได้” กุมภ์คิดอย่างสงสัย
“ฉันทำเป็นและทำเก่งด้วย” เธอยืนยันอย่างหนักแน่นในความสามารถของตัวเอง
“คุณอยากจะทำก็ทำเถอะ แต่ของที่คุณกินคุณใช้หักเป็นค่าแรงพรุ่งนี้”
“ค่าแรงอะไร” เธอถามอย่างสงสัย
“ค่าแรงงานที่คุณต้องทำงานในไร่พรุ่งนี้ไง”
“ฉันไม่ทำ ฉันจะกลับบ้าน”
“ถ้าคุณออกไปจากไร่ของผมได้ ผมจะอนุญาตให้คุณกลับบ้าน”
“ฉันจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ ไม่เชื่อก็คอยดูสิ” เธอสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ ลึก ๆ เม้มปากเข้าหากันอย่างไม่มั่นใจ
“ปากคุณสั่น” เขามองอากัปกิริยาของเธอไม่วาง ทำเป็นปากดีแต่กลัวเขา
“ฉันไม่กลัวคุณหรอก และฉันจะหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้” เธอยังยืนยันอย่างหนักแน่น
“ก็ลองหนีดูอีกสิ” เขาเดินเข้าหาด้วยความเมา กุลยาถอยหนีก่อนจะหันรีหันขวาง พอเห็นมีดก็รีบคว้ามีดมาถือเอาไว้
“ถ้าคุณเข้ามาฉันจะแทงคุณจริง ๆ ด้วย ไม่เชื่อก็ลองดูสิ” เธอถือมีดด้วยมืออันสั่นเทา ปากคอสั่นไปหมด
“คุณควรจะใจเย็นๆ ก่อนนะ” เขารีบห้ามปรามเอาไว้
“ฉะ... ฉันไม่กลัวคุณหรอก”
“นี่คุณวางมีดลง วางมีดลงก่อน แล้วค่อยๆ คุยกัน”
“ฉันแทงจริง ๆ นะ ฉันบอกว่าอย่าเข้ามาไง” คนพูดถอยหนีด้วยท่าทีละล้าละลัง
“ตอนเด็กๆ ผู้ใหญ่ไม่สอนหรือไงว่าอย่าเล่นของมีคม”
กุลยาหลับตาเมื่อหลังไปชนกับผนังห้องครัวทางด้านหลัง เธอรีบจ้วงแทงไปด้านหน้า แต่เขาจับข้อมือของเธอเอาไว้ ก่อนจะบิดเบา ๆ มีดก็หล่นลงจากมือ
“โอ๊ย!” กุลยาร้องเสียงหลง เธอมองเขาด้วยหน้าตาแตกตื่น
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
“จริง ๆ คุณก็สวยเหมือนกันนะนี่” กุมภ์เอ่ยขึ้นตาลอยๆ
“คุณห้ามทำอะไรทุเรศ ๆ นะ” กุลยาดันอกกว้างของเขาออกห่าง ในขณะที่กุมภ์ดึงร่างน้อยของเธอมากอดรัดแนบอก กลิ่นเหล้าของเขาทำให้เธอต้องเบือนหน้าหนี เกิดมายังไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนกอดรัดแบบนี้มาก่อน นั่นยิ่งทำให้เธอตัวสั่นหวาดกลัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยฤทธิ์น้ำเมากุมภ์แบกร่างน้อยของกุลยาขึ้นพาดบ่า เธอดิ้นรนรัวกำปั้นใส่แผ่นหลังของเขาระรัว
ร่างน้อยถูกกดลงไปบนเตียงนอนกว้าง เธอร้องเมื่อร่างหนาหนักจะโถมทับลงมาหา
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“อย่าร้องเสียงดังไปสิคุณ”
กุลยาใจหายวาบเมื่อเสื้อผ้าของเธอถูกปลดออกจากกาย เธอตะกายร่างหนี เขาก็ตามมาทาบทับเอาไว้ ก่อนจะพลิกร่างเธอให้นอนหงายอีกครั้ง ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากริมฝีปากหนาร้อนผ่าวที่ซุกไปตามเนื้อตัวของเธออย่างหิวกระหาย
กุลยาด่าว่าเขาปากคอสั่น เธอส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นว่าเขากำลังปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกาย
“ไม่นะ จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่ห้ามทำแบบนี้นะ” เธอขอร้องเขา ในขณะที่เขาฝากฝังความแข็งแกร่งเข้าไปในร่องความคับแน่นของเธอ ทำเอากุลยาร้องเสียงหลง น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม กุมภ์เองก็ชะงักไป ก่อนจะมองหญิงสาวที่ใบหน้าเปื้อนหยาดน้ำตา หมดสิ้นกันแล้วความสาวสดที่เธอเก็บเอาไว้ให้คู่หมั้นอย่างพจน์ แล้วแบบนี้เธอจะมีหน้ากลับไปแต่งงานกับพจน์ได้อย่างไรอีก
เธอปล่อยให้เขาย่ำยีจนสมใจก่อนจะพลิกกายหนี ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี จะหนีก็ไม่รู้จะหนีไปไหนที่นี่มีแต่ป่า เธอครุ่นคิดอะไรมากมายในหัว และหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
แรงขยับในตอนเช้าของใครคนหนึ่งที่นอนอยู่ข้าง ๆ ทำให้กุลยารีบลืมตาตื่น เธอค้นพบความจริงอันแสนโหดร้ายอีกครั้งว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป ร่างสูงเปลือยเปล่าลุกจากเตียงไม้ไผ่ ทำให้เธอหน้าแดงก่ำ รีบปิดตากรีดร้องเสียงหลง กุมภ์หันมามองหญิงสาวขณะคว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่ง
“จะกรีดร้องทำไมของคุณ” กุมภ์ตบต้นคอไปมาด้วยความมึนงง เขาได้เธอเพราะความเมา หนักกว่าจับมากักขังหน่วงเหนี่ยวก็คดีข่มขืนกระทำชำเรานี่แหละ นายหัวหนุ่มอยากจะสบถดังๆ
“ก็.. ก็ไม่เคยเห็นน่ะสิ” กุลยาหลับหูหลับตาหนี ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองด้วยความอาย ภาพเรือนกายแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแถมยังเปลือยเปล่ายังติดตาเธออยู่ไม่หาย
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วมาช่วยผมอาบน้ำถูหลังหน่อย” เขารั้งเธอให้ลุกจากเตียง กุลยากอดผ้าห่มแน่น ดิ้นหนีสุดชีวิต เขาจึงจัดการดึงผ้าห่มทิ้งไปข้างเตียง เธอกรีดร้องเสียงหลงเมื่อโดนเขาจับร่างน้อยอุ้มขึ้นพาดบ่า
“ไอ้คนบ้า ไอ้ป่าเถื่อน ไอ้คนสารเลว ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ” เธอดิ้นเร่า ๆ เขาก็ฟาดฝ่ามือลงบนแก้มก้นเปลือยเปล่าของเธอก่อนจะชะงักเมื่อหันไปเห็นหยดเลือดจาง ๆ ที่ติดอยู่กับผ้าห่มสีขาวครีม
กุมภ์ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย แต่เขาก็ต้องละความสนใจนั้นไปเสียเมื่อคนที่เขากำลังอุ้มพาดบ่าอยู่กำลังประทุษร้ายเขาเต็มกำลัง
“โอ๊ย!” กุลยาร้องเสียงหลงเมื่อโดนฟาดฝ่ามือลงบนแก้มก้ม เขาพาเธอเข้าห้องน้ำเล็ก ๆ ที่กั้นเอาไว้มุมหนึ่งของกระท่อม
“ถอยออกไปนะ” เธอปกปิดเรือนกายด้วยความอาย อยากจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ ไม่คิดว่าต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้
“จะปิดอะไรนักหนา ผมเห็นคุณใส่บิกินีจนเกือบแก้ผ้าถ่ายรูปลงโซเชียล” ตอนณัฐคบกับกุลธิดาเขาก็รับรู้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ผ่านเพื่อนรัก กุลธิดาไม่ได้มีทีท่าหวงเนื้อหวงตัวหรือรักนวลสงวนตัวเลยด้วยซ้ำ
“ฉันไม่เคย” กุลยาเถียงเขาปากคอสั่น