2
Chapter 2
“ทำไมฉันถึงรู้ไม่ได้”
“คุณไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ ถึงมีคนอยากจับตัวคุณมา” เขาย้อนถามเธอ
“ฉันทำอะไร ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“คนเราทำความผิดมักจะไม่รู้ตัว” เขาเปรย
“จะไปกันใหญ่แล้ว ฉันไม่เคยรู้จักกับคุณมาก่อน” เธอได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความงุนงง
“คุณก็สวยนะ ไม่น่าเที่ยวอกหักผู้ชายเลย” กุมภ์มองหญิงสาว ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ฉันไม่เคยทำแบบนั้น” กุลยาปฏิเสธเสียงแข็ง
“ประวัติฉาวโฉ่ของคุณใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งวงการ”
“รู้อะไร ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้น”
“คนทำผิดมักไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง คุณต้องอยู่ที่นี่และเลิกโวยวายสักที ”
“ฉันจะแจ้งความว่าคุณลักพาตัวฉันมา”
“ที่นี่เป็นป่าเขาลำเนาไพร ไม่แน่นะถ้าคุณหนีออกไป อาจจะเจอเข้าทั้งเสือ ทั้งงูก็เป็นได้ ดีไม่ดีเจอช้างป่าตกมันอีก” เขาแกล้งทำเสียงเข้มเพื่อขู่ให้เธอกลัวเข้าไว้ จะได้ไม่โวยวายไปมากกว่านี้
“คุณแกล้งขู่ฉันใช่ไหม” กุลยาเอ่ยถามหน้าตาแตกตื่น
“ผมไม่ได้ขู่ ไม่เชื่อก็ลองหนีดู” กุมภ์ถอนใจพรืดใหญ่
“ฉันไปแน่ ไม่ต้องมาท้า” กุลยาหันรีหันขวางก่อนจะรีบวิ่งหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต กุมภ์ตกใจที่อยู่ๆ เธอก็สะบัดตัวหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
กุลยาวิ่งหนีออกมาสุดฝีเท้า ก่อนจะหยุดหายใจเพื่อหอบเหนื่อย เหงื่อท่วมกายมองไปรอบกายก็เริ่มหวาดกลัวจับจิตจับใจ เพราะตอนนี้รอบกายของเธอมีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ มองไปทางไหนก็มีแต่ป่า เธอหันกลับไปมองทางเดิมแล้วยิ่งตกใจเพราะมีทางเดินเล็ก ๆ หลายทางให้เลือกเดิน ไม่แน่ใจว่าตัวเองเดินมาจากทางไหน หญิงสาวปาดเหงื่อเดินวนเวียนไปมาจนรู้สึกระทดท้อใจ
กุลยาหวาดกลัวแทบจะร้องไห้ เท้าเล็ก ๆ ของเธอมีหนามทิ่มตำจนรู้สึกเจ็บไปหมด
“โอ๊ย! เจ็บจัง” เธอนั่งลงบนโขดหิน ดึงหนามไมยราบที่ตำเท้าออกแล้วน้ำตาอาบแก้ม
“ทำไมถึงได้โชคร้ายแบบนี้นะ” กุลยาปาดเหงื่อออกด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เธอยืนขึ้นด้วยท่าทีละล้าละลังหวาดกลัวจับจิตจับใจ ก่อนจะกรีดร้องสุดเสียงเมื่อมีดถูกเขวี้ยงมาปักลงบนหัวงูใกล้ ๆ กับที่เธอยืนอยู่
“กรี๊ด!!!” หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียงก่อนจะเป็นลมหมดสติไป กุมภ์ตรงเข้าไปอุ้มร่างน้อยขึ้นมาสู่อ้อมแขน เขาวิ่งตามเธอไม่ทัน หากันอยู่นานถึงได้เจอว่าเธอนั่งพักอยู่ตรงนี้
“สงสัยเธอจะกลัวมากนะครับนายหัว” อังคารมองใบหน้าที่โซมไปด้วยเหงื่อของผู้หญิงในอ้อมแขนเจ้านายอย่างสงสาร
“เพราะมึงไง”
“อ้าว...” อังคารครางออกมา ก่อนจะเกาหัวไปมา
กุมภ์รีบอุ้มร่างบอบบางกลับไปยังกระท่อมริมลำธาร
“นายหัวจะทำยังไงต่อไปครับ” อังคารเอ่ยถามเจ้านายหนุ่มในทันทีที่มาถึงกระท่อม
กุมภ์ตบหัวลูกน้องคนสนิทเต็มแรง เมื่อได้ยินคำถามนั้น
“โอ๊ย! นายหัวตบกะโหลกผมทำไมครับ”
“กูพูดด้วยความเมา มึงเสือกไปจับมาจริง ๆ”
“อ้าว... งั้นให้ผมพาไปส่งกลับที่เดิมไหมครับ”
“เขาเห็นหน้ากูแล้ว มึงจะให้ตำรวจมาลากคอกูเข้าคุกหรือไงไอ้โง่”
“เจ้านายน่าจะใส่หมวกไอ้โม่งนะครับ”
“แล้วทำไมมึงเพิ่งมาบอกกู”
“อ้าว... ผมนึกว่าเจ้านายจะรู้”
“ตอนนั้นกูกำลังตื่นเต้น จะไปทันนึกอะไรได้”
“นายหัวตื่นเต้นที่ได้เจอคนสวยเหรอครับ”
“มึงนี่เลือกสักอย่างเถอะ จะเรียกอะไร เจ้านายหรือนายหัว”
“แล้วแต่อารมณ์ครับ”
“กูโคตรปวดกบาลกับมึงเลย”
“แล้วนายหัวไปข่มขู่เขาทำไมกันครับ”
“กูก็ต้องทำเป็นเข้มเอาไว้ก่อนไง นึกๆ ไปแล้วเขาก็ทำให้ไอ้ณัฐต้องตาย จนตอนนี้กูก็ยังเสียใจอยู่ไม่หาย”
“คุณณัฐก็ตายไปแล้วนะครับ อย่าคิดมากเลย โอ๊ย! เจ้านายตบหัวผมทำไมอีกครับนี่” อังคารร้องด้วยความเจ็บ
“ก่อนหน้านี้ทำไมมึงไม่เตือนสติกูแบบนี้ มาพูดห่าเหวอะไรตอนนี้ ยุให้กูไปจับเขามา กูก็บ้าจี้ตามมึงเพราะเมา ผลเป็นไงล่ะ”
“เจ้านายก็...” อังคารคราง คิดในใจว่ากูผิดอีกแล้วเหรอวะ
“มึงดูละครตบจูบมากไปหรือเปล่าวะไอ้อังคาร”
“แล้วเมื่อกี้เจ้านายบอกว่าตื่นเต้นจนไม่ทันได้นึกอะไร เจ้านายตื่นเต้นอะไรครับ” อังคารเอ่ยถามอย่างสงสัย
“กูตื่นเต้นที่จะโดนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวมั้ง ไอ้นี่!” กุมภ์ตบหัวลูกน้องอย่างโมโหอีกรอบ แต่รอบนี้อังคารหลบทันเลยโดนถีบแทน
“โอ๊ย! นายหัว ผมเจ็บนะครับ”
“เออ... เจ็บสิดี มึงไปเอาเหล้าเถื่อนล็อตใหม่มาให้กูหน่อยเลย กูเครียดอยากกินเหล้า” กุมภ์เอ่ยสั่งลูกน้อง หันไปมองหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงแล้วว้าวุ่นใจไปหมด ไม่น่าเมาแล้วพลั้งปากไปกับลูกน้องอย่างไอ้อังคารเลย เพราะไม่ว่าเขาจะสั่งอะไร ไอ้บ้าอังคารก็เสือกไปทำตามอย่างไม่เกี่ยงงอนทั้ง ๆ ที่บางเรื่องมันน่าจะฉุกคิดสักนิด เป็นลูกน้องที่โคตรเถรตรงจนเขาปวดกบาล
อังคารไม่กล้าหืออือกับเจ้านายเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังอารมณ์ไม่ดี เหลือบไปมองคนที่นอนหลับหมดสติไปแล้วต้องถอนใจเฮือกใหญ่
“มึงจะมองอะไรนักหนา กูบอกให้มึงไปเอาเหล้ามาให้กูเร็ว ๆ อย่าอืดอาดยืดยาด” อังคารยังเดินไม่ถึงไหนก็โดนเจ้านายหนุ่มบ่นเข้าให้อีก
“ครับเจ้านาย” อังคารรับคำเสียงอ่อย
“ทำกับแกล้มมาด้วย กูจะแดกเหล้า กูต้องใช้ความคิด” กุมภ์สั่งเสียงเข้ม อังคารรีบกุลีกุจอไปจัดเตรียมไก่ป่ามาย่างให้เจ้านายหนุ่มอย่างไม่รีรอ
ในขณะที่นายหัวหนุ่มเอาผ้ามาเช็ดใบหน้าให้เชลยสาว ก่อนจะนำผ้ามาห่มให้อย่างเบามือ
เสียงหัวเราะครื้นเครงกับเสียงพูดคุยกันอย่างออกรสทำให้กุลยาตื่นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ ปรือตามองก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ ในขณะที่ด้านนอกคือชายฉกรรจ์หลายคนกำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่
กุลยาผวาทั้งตัว เริ่มหวาดกลัวจับจิตจับใจ เธอคิดไปต่าง ๆ นานาว่านายคนนั้นอาจจะดื่มเหล้าย้อมใจและเรียกพรรคพวกที่นั่งดื่มเหล้าด้วยกันมารุมโทรมเธอ
เธอจะทำยังไงดี เธอจะทำยังไงดี!
หญิงสาวคิดอย่างว้าวุ่นใจ
“ฟื้นแล้วเหรอ” เธอสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงถามของเขา
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ” เธอยกมือไหว้ปลก ๆ
“ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรคุณเลย” ผู้หญิงนี่ชอบวิตกกังวลเกินเหตุจริงๆ กุมภ์คิดในใจ
“คุณจับฉันมาคงคิดจะทำมิดีมิร้ายฉันใช่ไหม” กุลยาเอ่ยถามเสียงสั่น
“ถึงคุณจะสวยหยาดฟ้ามาดินขนาดไหน ผมก็ไม่คิดจะข่มเหงคนไม่มีทางสู้หรอก นอกเสียจากว่าคุณจะสมยอมผมเอง”
“แล้วคุณจับฉันมาทำอะไรกันแน่”
“จับมาให้อยู่ป่านี่แหละ มาเล่นกับลิงค่างบ่างชะนี” เขาพูดกวนนิดๆ
“บ้า!” เธอแหวใส่เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น
กุมภ์หัวเราะลงลูกคอก่อนจะเดินไปกระดกเหล้าดื่มกับลูกน้องต่อ
มารดากับน้าสาวของเขาพูดเสมอว่าปัญหามีไว้ให้แก้ ถ้าแก้ไม่ได้ก็ช่างแม่ง ตอนนี้เขายังคิดอะไรไม่ออก ขอดื่มเหล้าย้อมใจก่อน
“นี่คุณ คุณจะจับฉันมาขังเอาไว้แบบนี้ไม่ได้นะ บ้านเมืองมีขื่อมีแป” เธอเดินไปพูดกับเขาใกล้ ๆ แคร่ที่เขากำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจเธอเลย
“ใครขังคุณเหรอ ผมล่ามโซ่คุณเอาไว้หรือไง จับคุณขังเอาไว้ในห้องหรือก็เปล่า” คนเมาถามกวนๆ
“แต่คุณก็พาฉันมาที่นี่ ทำให้ฉันสูญเสียอิสรภาพ ฉันอยากกลับบ้าน ฉันจะกลับบ้าน คุณได้ยินไหม”
“ยังกลับไม่ได้ อยู่ที่นี่ทำไร่ไถนาไปก่อน ผมว่าดีกว่า”
กุลยาอ้าปากค้างกับประโยคของคนบ้า
“ฉันไม่ทำ”
“ไม่ทำอดตาย แต่ดาราดังแบบคุณน่าจะทำอะไรแบบนี้ไม่เป็น ผมก็พอจะเข้าใจนะ”