บทที่ 2 ด็อกเตอร์พลัม
ภาสกรทำหน้างงๆ กับการปรากฏตัวของเจ้าของบ้าน ด็อกเตอร์เพิ่งเดินออกมาจากสวนแล้วเงาวูบที่เขาเห็นเมื่อครู่เป็นใคร คิ้วเข้มขมวดมุ่น ดวงตาสีเหล็กกลอกกลิ้งเหลือบขึ้นบนลงล่างสลับกัน ด็อกเตอร์มองลูกศิษย์ครู่หนึ่งจึงหัวเราะในลำคอแล้วว่า
“ทำไม มีอะไร เห็นคนที่ระเบียงหรือ”
“ครับ ผมคิดว่าด็อกเตอร์อยู่ที่นั่นก็เลยเรียกลั่นบ้านเลย”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างรู้สึกผิดที่ส่งเสียงดังเกินไป หนุ่มใหญ่ยิ้มส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่เป็นไร เข้าบ้านก่อน กินข้าวมารึยังล่ะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมมีของฝากด้วย แม่แกงส้มปลาช่อนใส่ดอกแคครับ อร่อยมากๆ ด็อกเตอร์ชอบผมรู้”
ภาสกรยกถุงพลาสติกขึ้นมาตรงหน้าพร้อมคำสาธยายจนคนที่ยืนฟังอยู่มองเห็นภาพชัดเจน ด็อกเตอร์หัวเราะพยักหน้ารับคำของชายหนุ่มแล้วโอบไหล่พาเดินเข้าบ้าน
“ตามสบาย อยากกินอะไร น้ำ กาแฟ ก็หาเอาเอง เดี๋ยวจะให้ป้าจงตักบวชชีกล้วยมาให้ วันนี้ป้าแกบวชชี บวชบ่อยมากไม่รู้เมื่อไหร่จะสึก”
ประโยคท้ายของด็อกเตอร์เรียกเสียงหัวเราะจากลูกศิษย์ได้ดีทีเดียว จงกลได้ยินเสียงหัวเราะเดินออกมาจากเรือนหลังเล็กแยกจากตัวเรือนใหญ่เยื้องลึกไปด้านในเพื่อแบ่งเป็นครัวโดยเฉพาะ จงกลยิ้มเมื่อเห็นชายหนุ่ม
“นึกว่าใครหัวเราะดังไปถึงครัวโน่น”
“สวัสดีครับป้า ผมเอาแกงส้มมาฝากครับ”
ภาสกรยกมือไหว้จงกล ยื่นถุงให้สาวใหญ่รุ่นป้า จงกลรับถุงมาแล้วพูดทำนองน้อยใจ
“ฝากด็อกเตอร์ไม่ใช่หรือจ๊ะ เหลือถึงป้าด้วยหรือ”
“คนแก่น้อยใจนี่น่ารักนะภาส ไปนั่งทางโน้น ป้า ขอบวชชีสองถ้วย เดี๋ยวทำกับข้าวมื้อกลางวันเผื่อภาสด้วย”
“ค่ะ ภาสมาคนเดียวหรือลูก เพื่อนๆ มามั้ยป้าจะได้ทำเผื่อด้วย”
“มาครับ เดี๋ยวมาอีกสามคน”
ภาสกรตอบพร้อมกับยิ้มให้จงกล ด็อกเตอร์พลัมหันมามองหน้าลูกศิษย์หนุ่ม
“สามคน ใครเพิ่มมาล่ะ ปกตินายสิงห์กับยัยวรรณแค่นั้นไม่ใช่หรือ”
“ครับด็อกเตอร์แต่วันนี้ยัยกรองทองมาด้วยครับ ยัยกรองจะมาถามอะไรไม่รู้ บอกว่าอยากรู้มากครับ”
“อือ...”
เจ้าของบ้านพยักหน้ารับทราบ กรองทองเป็นลูกศิษย์อีกคนที่สนใจของเก่าพอๆ กับภาสกร เขาพร้อมจะตอบคำถามของลูกศิษย์ทุกคนถ้าเขารู้แต่ถ้าไม่รู้เขาจะแนะนำให้ลูกศิษย์ค้นในหนังสือหรือไม่ก็ในอินเทอร์เน็ตเอาเอง
จากนี้ไปลูกศิษย์ที่เข้าใจเขาจะไม่ได้เป็นลูกศิษย์ในชั้นเรียนอีกแล้ว พวกเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีไปเมื่อวานนี้แต่ถึงลูกศิษย์จะจบไปกี่ปีก็ตาม ลูกศิษย์ก็ยังคงเป็นลูกศิษย์ของครู ของอาจารย์ตลอดไป
เสียงรถแล่นมาจอดหน้าประตูรั้วบ้าน ครู่เดียวเสียงโหวกเหวกของสิงหนาทก็ดังมาตามด้วยวรวรรณ
“ด็อกเตอร์ครับ ด็อกเตอร์ อยู่มั้ยครับ”
“ถามโง่ๆ นะมึง ไอ้ภาสมันมาก่อน รถมันจอดอยู่นั่น ถ้าด็อกเตอร์ไม่อยู่ไอ้ภาสมันจะเข้ามาทำไม หัดคิดบ้างนะมึง”
“ถูก ด็อกเตอร์ต้องอยู่ แต่ถ้าไม่อยู่ ไอ้ภาสมันก็เข้ามารอได้ ไม่เห็นแปลก มึงก็หัดคิดบ้างนะ”
สิงหนาทตอบกลับโทนเสียงไม่ต่างจากวรวรรณ กรองทองส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเพื่อนรักทั้งสอง หล่อนก้าวแซงขึ้นหน้าสิงหนาท เขาคว้าแขนหล่อนดึงไว้
“แกไม่ต้องเลยยัยกรอง ฉันเข้าก่อน”
เรื่องที่จะยอมใครง่ายๆ ไม่มีเสียละสำหรับสิงหนาทแต่ถึงจะโวยวาย เสียงดังไว้ก่อนแต่น้ำใจของชายหนุ่มมีให้เพื่อนๆ เต็มเปี่ยม ช่วยเหลือเพื่อนทุกคนที่เพื่อนมีปัญหา ผิวเข้มเล็กน้อยของเขาเป็นจุดเด่นรับกับใบหน้ามน ดวงตาคม คิ้วเข้ม หน้าตาดีตามแบบคนผิวเข้มตรงข้ามกับภาสกรที่มีผิวค่อนข้างขาว
“โวยวายอะไรกันวะ เกรงใจเจ้าของบ้านบ้างสิ มารยาทน่ะมีมั้ย”
ภาสกรเดินมายืนตรงหน้าประตู มองกรองทอง เลยไปที่วรวรรณและมาหยุดสบตากับสิงหนาท เน้นคำท้ายให้เพื่อนหนุ่ม
“มารยาทมีโว้ย แต่ยัยสองคนนี่กวนโมโหฉันก่อนช่วยไม่ได้ ด็อกเตอร์อยู่ใช่มั้ย สวัสดีครับ”
ภาสกรยังไม่ทันตอบคำถามเพื่อน ด็อกเตอร์เดินมายืนมองลูกศิษย์จอมโวย สิงหนาทยกมือไหว้ก่อนสองสาว
“เอ้านั่งก่อน มีอะไรค่อยว่ากัน ใครจะกินอะไรก็ไปหาเอาเองนะ ป้าจงกำลังเตรียมกับข้าวให้พวกเรา”
“โห วันนี้ได้ชิมฝีมือแม่ครัวหัวป่าอีกแล้ว จะซัดให้เต็มคราบเลยมึง”
สิงหนาทเสียงดังเช่นเดิม ด็อกเตอร์หัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขำ ภาสกรตบศีรษะเพื่อนแล้วว่า
“เห็นแก่กินนะมึง มีอะไรมาฝากด็อกเตอร์รึเปล่า”
“ไม่มี มากินอย่างเดียว ด็อกเตอร์ไม่ว่านะครับ”
“เออ ตามสบายแล้วนี่ได้งานทำกันทุกคนแล้วใช่มั้ย กรองทอง มีอะไรจะถามครูหรือ”
หนุ่มใหญ่หันมามองหน้าลูกศิษย์สาว หล่อนยิ้มรื่น
“ใครบอกคะ ภาสหรือคะ”
“ใช่ ฉันบอกด็อกเตอร์ว่าแกมีเรื่องจะถาม”
“มีอะไรว่ามาเลย”
ด็อกเตอร์เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าเกลื่อนด้วยรอยยิ้มบาง ดวงตาที่ทอดมองลูกศิษย์เจือด้วยความเอ็นดู กรองทองไม่เอ่ยถามสิ่งที่อยากถามแต่เปิดกระเป๋าสะพายทำจากหญ้าแฝก หยิบเหยือกน้ำดินเผาออกมาวางบนโต๊ะไม้ตัวเตี้ย