บทย่อ
ควันบุหรี่พวยพุ่งออกจากปากธันวาลอยสู่อากาศ เขายกยิ้มมุมปากเมื่อได้ปลดปล่อยหลังจากเครียดมานานหลายชั่วโมง เสียงเพลงที่ทางดีเจเป็นคนจัดคลอกับเสียงหัวใจเขาที่มันกระหน่ำเต้นอย่างฮึกเหิมตามจังหวะเพลงมัน ๆ "เฮ้อ… ค่อยรู้สึกดีหน่อย" "เออว่ะ ค่อยโอเคหน่อย" ขุนเขายกแก้วเหล้าขึ้นมาจ่อริมฝีปากพลางเลื่อนใบหน้าเข้าไปคลอเคลียซอกคอระหงของแฟนสาวด้วย "อิจฉาคนมีเมียมาคุมวะ" ธันวายกยิ้มพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนที่เสียงหวานของเพียงเธอจะเอ่ยถามเขา "พี่ธันมาเที่ยวที่นี่บ่อย ๆ พอ ๆ กับพี่ขุนใช่ไหมคะ" "ครับ ที่นี่เป็นที่ประจำของพวกพี่ ก็ที่ที่พาไอ้ขุนมาเจอกับรักแท้นั่นแหละ" เพียงเธอหันไปมองหน้าแฟนหนุ่มแล้วอมยิ้ม "ต้องขอบคุณพวกพี่นะคะที่พาเขามาหาเพียง…" "ครับผม…" ธันวายกยิ้มแล้วมองเหล่านักท่องราตรีที่กำลังโยกย้ายร่างกายกับจังหวะดนตรีจนสะดุดตากับร่างเล็กที่เพิ่งกระโดดขึ้นบนเวทีแล้วคว้าไมค์ไปจ่อปาก เธอดึงดูดเขากระทั่งธันวาลุกขึ้นไปดู มือหนาจับราวบันไดแน่น มุมปากหนาประดับด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นเช่นเดียวกับสายตาเขาที่กำลังจดจ้องเธออยู่ แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวเขา 'น้องนับดาวเป็นเด็กเรียบร้อยน่ารัก' คำพูดของแม่และภาพเด็กผู้หญิงผมยาวดำขลับพูดจาน่ารำคาญและแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ฉายเข้ามาในหัวเขาซ้ำ ๆ จนธันวาเผลอขบกรามแน่น "ตุ๊กตาเสียกบาล…"
บทนำ
สนามแข่งรถ…
บรื้น…
เสียงรถแข่งดังสนั่นสนามแข่งรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ในสนามมีแค่รถแข่งสามคันเท่านั้น ธันวาหันไปพยักหน้าให้เพื่อนรักทั้งสองคนแล้วบิดคันเร่งออกไปอย่างเร็ว ปรินกับขุนเขาเร่งรถตามขึ้นมาเทียบเขาจนได้และเป็นธันวาที่เข้าเส้นชัยไปในรอบที่สาม
"แม่ง… ไม่เคยชนะเลย" ปรินถอดหมวกกันน็อกแล้วเดินมาจับมือกับธันวา ส่วนขุนเขาเดินเข้าไปนั่งพักที่ห้องพักนักแข่ง "เออว่าแต่มึงต้องไปกินข้าวกับใครนะ กูฟังไม่ค่อยถนัด" ปรินถามเสียงเรียบพลางหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้
"เด็กเหี้ยที่ไหนไม่รู้"
"เด็กเหี้ย?" ขุนเขาแทบสำลักน้ำและทวนคำพูดธันวาอีกครั้ง "เด็กเหี้ยที่ไหนวะ เคยเจอกันยัง?"
"ไม่เคย"
"เอ้า… แล้วแบบนี้ก็เท่ากับไปดูตัวอะดิ ใช่ไหมวะ" ปรินเอี้ยวหน้ามาถามขุนเขา
"ก็ประมาณนั้น" ขุนเขาตอบเสียงเรียบ
"น่ารำคาญฉิบหาย กูยิ่งหงุดหงิดง่ายอยู่ช่วงนี้"
"เออ เออออตามพ่อแม่ไปก่อน เดี๋ยวค่อยมาเคลียร์ทีหลัง" ปรินพยายามพูดให้กำลังใจเพื่อนรัก "กูว่าเด็กเหี้ยที่มึงว่ามันต้องมีอะไรดีแน่ ๆ ไม่งั้นพ่อกับแม่มึงไม่ให้ไปดูตัวหรอก"
"ก็เห็นว่าเงียบ ๆ เรียบร้อย ๆ ยิ่งฟังแล้วยิ่งน่าเบื่อ" ธันวาส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย "กูยิ่งไม่ชอบอะไรแบบนี้ ยิ่งเด็กนะยิ่งน่ารำคาญ จะมาพูดจาเหมือนคุณหนู ทำตัวอ่อนปวกเปียกกูยิ่งไม่ชอบอะ เข้าใจกูไหม"
"ก็ต้องไปดูก่อนไหมวะ ไม่แน่อาจจะมาร้อยก็เรียบก็ได้นะเว้ย" ขุนเขาว่าพลางหันไปขำกับปรินขณะเดียวกันธันวาก็ทำหน้าเบื่อหน่ายอย่างหนัก
"เออ กูต้องไปแล้ว" ธันวายกหมวกกันน็อกขึ้นมาสวมใส่
"เดี๋ยวโว้ย! จะไปทั้งชุดแข่งแบบนั้นเหรอ"
"เปล่า เดี๋ยวแวะไปคอนโดก่อน"
"อืม โชคดีมึง"
"ไว้เจอกันนะ"
"เค…"
สองชั่วโมงต่อมา
ธันวานั่งอยู่ในโต๊ะอาหารของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งที่มีทั้งผู้ใหญ่ฝั่งเขา และมีทั้งผู้ใหญ่ฝั่งเด็กคนนั้น คนที่ว่าพ่อแม่เขาอยากให้มาดูตัวนักหนา
"น้องนับดาว สวัสดีพี่ธันวาสิคะลูก" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังเรียกความสนใจจากธันวาจนต้องหันกลับไปมองยังต้นทางของเสียง เด็กสาวหน้าตาน่ารักใสชุดเดรสสีชมพูกำลังเดินเข้ามาหาเขาแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม แต่ทว่าธันวากลับขมวดคิ้วยุ่งเพราะเขารู้สึกคุ้นหน้าเธอมาก ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง
"ธันอย่าเสียมารยาทสิลูก รับไหว้น้องสิ"
"ครับ" ธันวายกมือรับไหว้แต่สายตาเขากลับจดจ้องเด็กสาวไม่ลดละ พลางคิดไปด้วยว่าเจอเธอที่ไหน แต่จู่ ๆ เสียงหัวเราะขบขันของแม่ก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน เขาหันมามองพ่อกับแม่แล้วเลิกคิ้วถาม
"มองน้องนับดาวไม่วางตาเลย น้องนับดาวน่ารักใช่ไหมลูก"
"อ๋อ… เอ่อ… ครับ" ธันวายกยิ้มมุมปากมองนับดาวสาวน้อยที่นั่งเรียบร้อยอยู่ข้างแม่ของเธอ ท่าทางประหม่าที่เธอแสดงออกทำให้ธันวารู้สึกว่าเธอกำลังฝืนทำอะไรสักอย่างที่ตนเองไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก
"น้องนับดาวกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับที่ธันวาเรียน ลุงอยากให้ธันแนะแนวน้องหน่อยได้ไหม" เสียงเข้มเอ่ยขึ้น ธันวาที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ต้องรีบหันไปมองเจ้าของคำขอร้องนั้น
"แนะแนว… ผมเรียนวิศวฯ น่ะครับ ไม่รู้จะแนะแนวได้ดีไหม และไม่รู้ว่า… น้องนับดาวอยากเรียนคณะไหน" เขาตอบแบบเลี่ยง ๆ แล้วตักอาหารใส่ปากโดยที่ไม่สนใจนับดาวซึ่งเธอกำลังมองเขาอยู่
"แล้วลูกอยากเรียนอะไรเหรอดาว"
"หนูอยากเรียนบริหารค่ะ จบมาจะได้ช่วยคุณพ่อทำงาน" เธอคลี่ยิ้มหวานให้ผู้เป็นพ่อแล้วหลุบตามองต่ำเมื่อธันวามองมา
"ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็คงแนะแนวได้ไม่มากครับ เพราะผมไม่ค่อยถูกกับเด็กคณะนั้น แม้จะจบมาแล้วก็ตาม" ธันวาเอ่ยบอกเสียงเรียบ ท่าทางเย็นชาที่เขาแสดงออกมาทำพ่อกับแม่รู้สึกหนักใจไม่น้อย เพราะนี่ก็เป็นการดูตัวกันครั้งแรกและพวกเขาคาดหวังไว้มากว่าหนูนับดาวจะเข้าตาลูกชายบ้าง
"อ๋อ… ไม่เป็นไร เอาเท่าที่ธันเข้าใจก็พอแล้วลูก"
"ครับ" ธันวามองหน้านับดาวที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ ก่อนที่จะส่ายหน้าไปมาน้อย ๆ อย่างเบื่อหน่ายแล้วรีบกินข้าวแล้วขอตัวออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก
"ธัน" เสียงหวานของแม่เอ่ยเรียกลูกชายที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ในจุดที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้แขกมาสูบบุหรี่ ธันวาบี้ก้นบุหรี่ที่เพิ่งสูบหมดลงในถังแล้วเหลือบตามองแม่ที่กำลังทำหน้ายุ่ง ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าแม่จะพูดอะไรกับเขา
"ไม่ชอบ" เขาชิงพูดก่อนที่แม่จะพูดเสียอีก ดวงใจได้แต่อ้าปากค้างกลืนคำพูดที่จะเอ่ยออกไปเพราะไอ้ลูกชายตัวดีกลับพูดขัดเสียก่อน
"ไม่ชอบก็เก็บอาการไว้ก่อน อย่าทำพ่อกับแม่ขายหน้าได้ไหม"
"เอาจริงไหม แม่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แล้วยังจะพามาอีก ดูยัยเด็กนั่นสิ… เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ น่าเบื่อ"
"อย่าเสียงดังไปได้ไหม แม่ว่าหนูนับดาวน่ารักดีออก"
"น่ารักกับผีสิ ผมไม่ชอบ" เขาตอบกลับทันควันจนผู้เป็นแม่ต้องตีแขนไปหนึ่งที
"พอแล้ว ค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน"
"กลับตอนนี้เลยได้ไหม"
"ไม่ได้ กลับเข้าไปก่อน" ธันวาหันมาคลี่ยิ้มให้แม่อย่างประชดประชันแล้วควงแขนแม่เดินเข้าไปในห้องอาหารอีกครั้ง
"อ้าวหนูนับดาวไปไหนคะ" ดวงใจเอ่ยถามพลางกวาดสายตามองทุกคน
"อ๋อ ไปเข้าห้องน้ำมั้งครับ" เป็นพ่อนับดาวที่ตอบคำถามนั้นแทน ธันวายกยิ้มแล้วนั่งลงที่เดิมด้วยท่าทางสุภาพ แต่กลิ่นบุหรี่ที่ติดตัวเขาก็ทำเอาคนที่ไม่ชอบถึงกับไอออกมาเบา ๆ แล้วทุกสายตาก็มองมาที่เขา
"ผมสูบบุหรี่มาครับ" เขาพูดออกไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่ได้สนใจใครแม้ว่าเบื้องหลังแม่จะแอบหยิกขาเขาอยู่
ในห้องน้ำ…
"แก! แกต้องมาเห็นหน้าไอ้พี่คนนั้นนะ หน้าแบบ…" นับดาวตะโกนใส่โทรศัพท์มือถืออย่างเก็บกด "แล้วเมื่อกี้ฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ชอบฉัน ว่าฉันน่ารักเกินไป แล้วไม่ดูตัวเองอะ… ใครมันจะไปชอบ โว้ย!! น่ารำคาญมากเลยแล้วทำไมฉันต้องมาแต่งตัวอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย อึดอัดหมดแล้ว"
(แกใจเย็น ๆ ก่อนนะทำตัวเรียบร้อยเข้าไว้ก่อนนะ ดีเสียอีกที่เขาไม่ชอบความน่ารัก เพราะงั้นแกก็ต้องทำตัวน่ารักไปก่อน เอาไว้เราค่อยไปปลดปล่อยที่ผับ)
"เออ! ดีเหมือนกัน อยากปลดปล่อยจะบ้าตายแล้วเนี่ย เบื่อโว้ย…" นับดาวร้องออกมาด้วยความอึดอัด เธอไม่ได้ดีใจที่พ่อแม่พามาดูตัวแต่รำคาญมากกว่า และไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด เพราะต่อหน้าพ่อแม่เธอมักจะเป็นเด็กเรียบร้อยและอ่อนหวาน แต่จริง ๆ แล้วเธอตรงกันข้ามทุกอย่าง เที่ยวเก่ง ช็อปปิ้งเก่ง กินเหล้าเก่ง…
(พอแล้ว ๆ ออกไปได้แล้วเดี๋ยวเขามาตามนะ)
"อืม ได้ระบายกับแกฉันค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เดี๋ยวต้องไปปั้นหน้ายิ้มหวานใส่ไอ้หน้าตึงนั่นแล้ว บายแก" นับดาวกดวางสายแล้วเปิดประตูเดินออกมายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ เธอสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วมองดูตัวเองในกระจกเงาก่อนที่จะคลี่ยิ้มหวาน
"พี่ธันชอบกินขนมหวานไหมคะ น้องนับดาวชอบทำนะ เอาไว้จะทำไปให้พี่ธันวากินดีไหมคะ แหวะ!! แค่คิดว่าต้องพูดก็จะอ้วกว่ะ" นับดาวเบ้ปากใส่กระจกแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอปั้นหน้ายิ้มบาง ๆ พร้อมกับปรับท่าเดินให้เรียบร้อยขึ้น เดินตรงไปที่ห้องอาหาร แม่บ้านที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำทีหลังทำหน้ามึนงงกับการกระทำของเธอมาก
"อ้าวมาแล้วเหรอลูก"
"ค่ะ ขอโทษที่น้องดาวไปนานนะคะ"
"ฮึ…" ธันวาแค่นหัวเราะออกมาอย่างขำขันกับสรรพนามที่เด็กสาวใช้เรียกตัวเองก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบเล็กน้อยเมื่อถูกคนทั้งโต๊ะหันมามองอีกครั้ง "ครับ?" ธันวาเลิกคิ้วถามเพราะถูกมองนานไป
"เอ่อ… พี่ธันชอบกินขนมหวานมะ…"
"ไม่ชอบ หวานไปมันก็เลี่ยน" นับดาวเม้มปากแน่น ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดประโยคที่เตรียมมาจบเลยด้วยซ้ำธันวาก็เอ่ยตัดบทแบบไม่มีเยื่อใยเลย นับดาวยิ้มหวานแล้วยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบแก้เก้อ
'ไอ้หน้าตึง! คิดว่าตัวเองเป็นใครวะมาหักหน้าคนอื่นต่อหน้าผู้ใหญ่แบบนี้ อย่าให้เจอข้างนอกนะจะตีปากให้!'
"เอาล่ะ ๆ พ่อว่าเราสองคนออกไปคุยกันข้างนอกดีไหม เดี๋ยวผู้ใหญ่จะคุยกับสักหน่อย"
"คะ?" นับดาวหันไปมองพ่อตัวเองด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ จะให้เธอไปคุยกับไอ้เสาไฟฟ้าสองต่อสองเนี่ยนะ…
"ไปสิธัน พาน้องไปเดินเล่นหน่อยลูก"
"ครับ" ธันวาตวัดสายตามองนับดาวแล้วลุกขึ้นยืน เธอรีบลุกขึ้นแล้วเดินมาควงแขนธันวาไว้ "เดินเองไม่ได้เหรอ" น้ำเสียงเย็นยะเยือกที่เปล่งออกมาทำเอานับดาวตัวแข็งทื่อไปแทบไม่เป็น
"อ๊ะ… อ๋อค่ะ เดินเองค่ะ" นับดาวหันไปมองหน้าพ่อกับแม่แล้วรีบเดินตามชายหนุ่มไป
"เอออยู่ไหนวะ" ธันวายกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหูพลางเหลือบตามองนับดาวด้วย
(เออกูออกมาซื้อของกินไปให้เพียงอะ ทำไมวะ)
"กูอยู่ที่โรงแรมxxx… มารับหน่อย"
(ได้ดิ กูใกล้จะถึงโรงแรมแล้ว ทางผ่านพอดีอะ ดีนะมึงโทรมาก่อน)
"อืม"
"พี่ธันจะไปไหนเหรอคะ" เสียงหวานเอ่ยถามชายหนุ่มที่เดินตรงไปทางประตูทางเข้าโรงแรม นับดาวก้าวเท้าเดินตามไปอย่างรวดเร็วแต่ทันใดธันวาก็หยุดเดินกะทันหันทำเอาเธอเบรกแทบหัวทิ่ม
"เธอน่ารักนะแต่เธอไม่ใช่สเปกฉัน หนูนับ… ดาว" ไม่นานมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันสีดำก็ขับเข้ามาจอดเทียบฟุตปาธ ธันวาขยิบตาให้นับดาวแล้วก้าวขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายก่อนที่คนขับจะขับออกไปด้วยความเร็ว
"กรี๊ด!! ไอ้หน้าตึง ไอ้เสาไฟฟ้า!!"
บทที่ 1 ตุ๊กตาเสียกบาล
ขุนเขายอมขับรถมาส่งธันวาที่คอนโดส่วนตัวทั้งที่มันอยู่คนละทางกับที่เขาจะไปด้วยซ้ำแล้วจะไม่ถามเพื่อนเลยว่าทำไมถึงหนีมาแบบนี้
"เด็กเชี่ยนั่นเหรอที่มึงว่าอะ" ทันทีที่ธันวาก้าวลงจากรถขุนเขาก็เอ่ยถามอย่างยิ้ม ๆ แต่กลับถูกเพื่อนรักแยกเขี้ยวใส่
"เออ! เจอกันที่ผับเดิม กูอยากดื่ม"
"อืม ๆ ขออนุญาตเมียก่อนแล้วเดี๋ยวชวนไอ้ปินด้วย" ว่าจบขุนเขาก็ขับรถออกไปโดยเร็ว ทั้งสองแยกย้ายกันไป และไปเจอกันที่ผับที่ประจำ
ธันวาขมวดคิ้วแน่นเหมือนมีเรื่องบางเรื่องมันติดอยู่ที่ปลายตาเขา
19:00 น.
"ทำหน้าอะไรของมึงอีกเนี่ย" ปรินเอ่ยถามเพื่อนเสียงเข้มพลางกระดกเหล้าเข้าปากอึกใหญ่
"กูรู้สึกคุ้นหน้าคนบางคน เหมือนเคยเจอกันที่นี่"
"เด็กมึงเหรอ หรือใคร"
"กูไม่ได้เด็กเยอะเหมือนมึง"
"เออดีแล้ว อย่าเหมือนกูเลยครับ… นี่กูอยู่ได้ไม่นานนะต้องกลับไปหาปลายฟ้า แล้วนี่ไอ้ขุนทำไมช้าแบบนี้วะ" ธันวาส่ายหน้าอย่างยิ้ม ๆ ก่อนจะเอ่ยออกไป
"มึงก็ให้พี่ปลาช่วยเลี้ยงดิ" ธันวาว่าออกไปอย่างยิ้ม ๆ
"เลี้ยงเชี่ยไร ขนาดตัวมันยังจะเอาไม่รอดเลย นี่ขืนให้มันมาเลี้ยงลูกกูนะมีหวังปลายฟ้าต้องเพี้ยนเหมือนมันแน่นอน" ปรินว่าพลางทำท่าขนลุก นี่เขามองอนาคตลูกไม่ออกเลยว่าถ้าหากให้ไอ้พี่ปลาเลี้ยงปลายฟ้า ทุกวันนี้มันก็แทบจะกลายเป็นพ่อคนที่สองของปลายฟ้าไปแล้ว ก็แหงเพราะปลายฟ้าเป็นหลานสาวคนเดียวของตระกูลหนิ ทุกคนต้องเห่อเป็นธรรมดา
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์ธันวาดังขึ้นในตอนที่เขาจะก้าวเดินไปข้างหน้า เขาหยุดชะงักพร้อมล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เมื่อรู้ว่าเป็นเบอร์ใครเขาก็เมินเฉยแล้วเดินต่อ
20:00 น.
ควันบุหรี่พวยพุ่งออกจากปากธันวาลอยสู่อากาศ เขายกยิ้มมุมปากเมื่อได้ปลดปล่อยหลังจากเครียดมานานหลายชั่วโมง เสียงเพลงที่ทางดีเจเป็นคนจัดคลอกับเสียงหัวใจเขาที่มันกระหน่ำเต้นอย่างฮึกเหิมตามจังหวะเพลงมัน ๆ
"เฮ้อ… ค่อยรู้สึกดีหน่อย"
"เออว่ะ ค่อยโอเคหน่อย" ขุนเขายกแก้วเหล้าขึ้นมาจ่อริมฝีปากพลางเลื่อนใบหน้าเข้าไปคลอเคลียซอกคอระหงของแฟนสาวด้วย
"อิจฉาคนมีเมียมาคุมวะ" ธันวายกยิ้มพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนที่เสียงหวานของเพียงเธอจะเอ่ยถามเขา
"พี่ธันมาเที่ยวที่นี่บ่อย ๆ พอ ๆ กับพี่ขุนใช่ไหมคะ"
"ครับ ที่นี่เป็นที่ประจำของพวกพี่ ก็ที่ที่พาไอ้ขุนมาเจอกับรักแท้นั่นแหละ" เพียงเธอหันไปมองหน้าแฟนหนุ่มแล้วอมยิ้ม
"ต้องขอบคุณพวกพี่นะคะที่พาเขามาหาเพียง…"
"ครับผม…" ธันวายกยิ้มแล้วมองเหล่านักท่องราตรีที่กำลังโยกย้ายร่างกายกับจังหวะดนตรีจนสะดุดตากับร่างเล็กที่เพิ่งกระโดดขึ้นบนเวทีแล้วคว้าไมค์ไปจ่อปาก เธอดึงดูดเขากระทั่งธันวาลุกขึ้นไปดู มือหนาจับราวบันไดแน่น มุมปากหนาประดับด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นเช่นเดียวกับสายตาเขาที่กำลังจดจ้องเธออยู่ แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวเขา
'น้องนับดาวเป็นเด็กเรียบร้อยน่ารัก'
คำพูดของแม่และภาพเด็กผู้หญิงผมยาวดำขลับพูดจาน่ารำคาญและแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ฉายเข้ามาในหัวเขาซ้ำ ๆ จนธันวาเผลอขบกรามแน่น
"ตุ๊กตาเสียกบาล…" มือหนากำเข้าหากันจนเส้นเลือดปูดนูน
"ใครโสดขอเสียงหน่อยค่า!!!" นับดาวตะโกนใส่ไมค์พลางโยกย้ายร่างกายไปตามเสียงเพลง เสียงของเธอและท่าทางยั่วยวนเรียกเสียงโห่แซวจากบรรดาชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี ด้วยวันนี้เธอสวมใส่ชุดเดรสเกาะอกสีแดงปล่อยผมยาวสยายพลิ้วไหวไปตามจังหวะการโยกย้ายร่างกาย ใบหน้ารูปไข่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางขับให้เธอดูโตกว่าวัยมาก
"ดูอะไรวะ" ขุนเขาถามเพื่อนเสียงเรียบพลางมองลงไปด้านล่างตรงเวที "คุ้น ๆ ว่ะ" ก่อนที่เขาจะยกยิ้มมุมปาก
"อืม…" ธันวาหมุนตัวกลับมาแล้วกอดอกพิงราวระเบียงเป็นจังหวะที่คนด้านล่างเงยหน้าขึ้นมามองชั้นบนพอดี "เรากลับกันเลยดีไหม กูเบื่อ ๆ แล้ว"
"แน่ใจนะว่าจะกลับตอนนี้?" ขุนเขาเลิกคิ้วถาม
"อืม ตอนนี้แหละ… กูเพิ่งรู้ว่ามีงานที่ทำค้างไว้ เอาไว้กูจะไปหาที่ร้านสักแล้วกันนะ"
"เออดี" ว่าจบทุกคนก็ลุกขึ้นพร้อมกัน ธันวาเดินนำเพื่อนลงไปชั้นล่าง เขาเหลือบตามองนับดาวที่กำลังสนุกอยู่กับการเต้น
'ฮึ! คิดจะมาตบตาคนอย่างฉันงั้นเหรอ มันไม่ง่ายขนาดนั้นนะน้องตุ๊กตาเสียกบาล'
เขาขบกรามแน่นอย่างหงุดหงิด นี่ยัยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกำลังเล่นละครตบตาพ่อแม่เขาแถมยังตบตาพ่อแม่เธองั้นเหรอ ฮึ! น่าขำเสียจริง
ชายหนุ่มแยกตัวออกมานั่งในรถพร้อมกับกดโทรศัพท์มือถือโทรหาคนคนหนึ่ง
(ครับคุณธัน)
"มีคนหนึ่งให้นายช่วยติดตามหน่อย"
(ได้ครับ)
"พรุ่งนี้เข้ามาเอาข้อมูลกับฉันที่บริษัทแล้วกัน อยากคุยอะไรด้วยอีกนิดหน่อย"
(ได้ครับ)
"ไว้เจอกัน"
(ครับนาย)
"ฮึ… คิดจะมาหลอกกันมันไม่ง่ายขนาดนั้น"