บทที่ 9 ขัง
“อย่าคิดว่าตัวเองวิเศษ ยัยบ้า” เขาคำรามตอบเป็นภาษาอังกฤษ แพรดาวขมวดคิ้ว เขาเข้าใจที่เธอพูดอย่างนั้นหรือ ถ้าไม่เข้าใจ ทำไมเขาด่าเธอกลับล่ะ
ไม่มีคำตอบกระจ่างชัดให้กับหญิงสาวเพราะชายหนุ่มที่เธอด่าต่อหน้าเขา หมุนตัวเดินออกจากห้องไปแล้ว เสียงลั่นกุญแจยุติอิสรภาพของเธอในวินาทีนี้
“ทำไมฉันต้องมาเจอคนอย่างนายด้วยวะ ไอ้บ้าเอ๊ย”
แพรดาวทุบมือลงบนโต๊ะไม้ริมหน้าต่าง เธอถูกขังเพราะความไร้เหตุผลของไซฟาล เมื่อแก้ไขปัญหาไม่ได้เธอจึงเดินสำรวจรอบๆ ห้อง
“ห้องนอนห้องนี้หรูกว่าห้องวีไอพีโรงแรมห้าดาวบ้านเราซะอีก”
ของแต่งห้องทุกชิ้นทำมาจากไม้เสียส่วนใหญ่ เตียงนอน เก้าอี้นั่งเล่น โต๊ะริมหน้าต่าง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้ากลืนอยู่ในผนังห้อง อีกหลายอย่างล้วนแล้วแต่เป็นไม้ทั้งชุด เธอเดินไปที่ห้องน้ำไม่ต้องเปิดประตูเข้าไปดูก็เดาได้ว่าหรูเกินบ้านของเธอ
“เบื่อคนรวย” เธอพูดออกมาแล้วเดินกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง เนื้อผ้าแพรนุ่มสัมผัสผิวกายเปลี่ยนความรู้สึกที่กำลังโกรธเจ้าของบ้านได้มากทีเดียว
ความเหนื่อยล้าจากการโหมงานให้เสร็จทำให้แพรดาวลืมความหิว ลืมความง่วงที่เธอต้องพักตอนกลางวันทุกวันและเมื่อช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โกรธคนบ้าอำนาจไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาไม่ยอมปล่อยเธอง่ายๆ จึงเดินไปนั่งบนเตียงนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน
ประตูห้องเปิดออกช้าๆ ร่างสูงก้าวเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าในอ้อมแขน ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่ปลายเตียง ภาพหญิงสาวหลับใหลกลางเตียงเป็นภาพที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ใบหน้าอ่อนโยนยามหลับ ดวงตาปิดสนิท ขนตายาวงอน เขายืนจ้องภาพตรงหน้านิ่ง ครู่หนึ่งจึงเดินไปวางเสื้อผ้าบนเก้าอี้ปลายเตียง
“สงสัยเหนื่อยมาก” เขายิ้มขณะพูดเป็นภาษาไทยออกมา
“เวลาหลับไร้พิษสงจริงๆ ผิดกับตอนตื่น ร้ายมาก หลับให้สบายนะ”
เขายิ้มอีกครั้งแล้วเดินออกไป ปิดประตูใส่กุญแจด้านนอก หย่อนลูกกุญแจลงในกระเป๋ากางเกง
“คุณไซคะ คุณลิลลี่ขอพบค่ะ รออยู่ที่ห้องรับแขก”
ชารีฟเดินเข้ามายืนนอบน้อมตรงหน้าชายหนุ่ม ไซฟาลพยักหน้ารับรู้ เปลี่ยนทิศทางเดินจากห้องทำงานไปยังห้องรับแขกซึ่งอยู่ด้านหน้าของตัวบ้าน
ลิลลี่เข้าออกบ้านไซฟาลได้โดยไม่ต้องรอให้เขาอนุญาตแต่เขาไม่เคยให้หล่อนเข้าพบเขาถึงห้องนอนสักครั้ง หล่อนมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เขา ช่วยงานบ้าน ทำกับข้าวให้เขาทาน อาหารไทยที่เขาอยากทานหล่อนทำให้เขาชิมทุกอย่าง ไม่ว่าเขาต้องการอะไรหล่อนยินดีหามาให้แต่เขาไม่เคยต้องการตัวหล่อนเหมือนที่หล่อนต้องการเป็นเจ้าของตัวและหัวใจของเขา
“ลิลลี่ มาหาผมมีอะไรหรือครับ” เขาพูดภาษาไทยกับหล่อนเพื่อฝึกให้พูดเก่งขึ้น
“ทำไมต้องมีอะไรด้วยคะ คุณไม่อยากให้ลิลลี่มาหาหรือคะ” หล่อนพูดติดน้อยใจกับคำถามของเขา
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่แปลกใจ คุณไม่เคยมาหาผมตอนนี้นี่ครับ มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
“ลิลลี่ได้ยินว่ามีทีมถ่ายทำสารคดีมาจากเมืองไทย ลิลลี่อยากเจอคนไทยด้วยกันค่ะ”
หล่อนบอกกับเขาไปอย่างนั้นเอง ความจริงไม่อยากพบคนไทยที่นี่สักคน หล่อนต้องการเป็นคนไทยคนเดียวในอาณาจักรของอิบราฮิม เป็นหญิงสาวคนสนิทของไซฟาลเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่หล่อนแอบได้ยินไอนาสคุยกับชารีฟว่า ไซฟาลพาตัวหญิงสาวมาขังไว้ที่บ้านของเขาและห้ามใครเข้าไปพบ หล่อนอยากรู้ความจริงว่าเขาทำอย่างนั้นจริงหรือเปล่า
ไซฟาลยิ้มจาง ลิลลี่มาหาเขาเพื่อต้องการพบแพรดาว ผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นเขายอมให้ลิลลี่พบตอนนี้ไม่ได้
“ทีมงานสารคดีกำลังมาที่บ้านคุณลุง คุณไปรอรับพวกเขาที่นั่น ผมรู้จักชื่ออยู่สองคน คุณประพนธ์กับแพรดาว”
ไซฟาลเบี่ยงเบนความสนใจของลิลลี่จากหญิงสาวที่เขาเพิ่งจับตัวมาขังไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
“แพรดาว ชื่อเพราะนะคะ ลิลลี่อยากรู้จักเธอ” ลิลลี่ยิ้มกระตือรือร้น หล่อนต้องการพบแพรดาวมากกว่าคนอื่น
“ไปรับพวกนั้นกับผมมั้ยครับ เชิญครับ” ไซฟาลลุกขึ้นยืน ผายมือให้หญิงสาวเดินนำออกไปก่อน
“มีอะไรรึเปล่าคะไซ คุณทำหน้าเหมือนไม่อยากให้ลิลลี่รู้จักแพรดาว”
“ผมว่าผู้หญิงคนนี้ไม่น่ารู้จักสักนิด ไปบ้านคุณลุงกันครับ”
เขาคว้าข้อมือหล่อนดึงให้ก้าวตามไปทางประตูเปิดสู่บ้านอิบราฮิมซึ่งมีสวนเล็กๆ คั่นเป็นแนวยาว 50 เมตร มีผนังกระจกสองข้างทาง ติดกับผนังกระจกด้านในปลูกไม้ประดับโชว์ใบ เก้าอี้ไม้ตัวยาววางเป็นระยะสำหรับนั่งพักผ่อน
ไซฟาลปล่อยมือลิลลี่แต่ไม่หยุดเท้าที่ก้าวเดินและก้าวยาวไม่รอหญิงสาวที่เร่งฝีเท้าตามเขาแทบไม่ทัน ลิลลี่ทนกับการเอาแต่ใจของไซฟาล ทนกับอารมณ์ร้อนและบางครั้งร้ายจนทุกคนหวาด หล่อนทนเพราะความรักที่มีต่อเขา ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา วันนี้เขาไม่มีใจให้กับหล่อนแต่สักวันเขาคงเห็นความอดทนของหล่อนบ้าง