บทที่ 10 สั่งสอน
รถตู้แล่นเข้ามาจอดหน้าตึก ประตูด้านข้างเลื่อนเปิดโดยระบบอัตโนมัติ ประพนธ์ก้าวลงมาก่อน เขาเป็นห่วงแพรดาว ไซฟาลพาเธอออกมาด้วยความโกรธ ทีมงานใจหายใจคว่ำไปกับพายุอารมณ์ของหลานชายอิบราฮิม ป่านนี้แพรดาวจะเป็นอย่างไร
“เชิญทุกคนเข้าที่พักก่อนครับ” โจ คนรับใช้ในบ้านอิบราฮิมต้อนรับแขกพิเศษตามคำสั่งไซฟาล
“ผมขอพบคุณไซฟาล” ประพนธ์ไม่ยอมก้าวตามหนุ่มผิวขาวร่างสูง
“พบทำไม คุณเข้าไปพักผ่อน อีกหนึ่งชั่วโมงเราจะไปเชิญมาทานอาหาร”
ไซฟาลส่งเสียงมาทางด้านซ้ายของห้องโถง ประพนธ์หันไปมองแล้วถอนใจยาว
“คุณพายายแพรไปไว้ไหน ถ้าคุณจะลงโทษก็ลงโทษผมไม่ใช่แพรดาว”
“ผมพาเธอไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่ต้องห่วง ผมต้องการสั่งสอนคนกล้าขัดคำสั่งผม ที่นี่ไม่มีใครกล้ากับผม เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนร่วมงานของคุณไม่สำนึกกับความผิดที่ทำ ผมจะไม่ปล่อยให้เธอออกมาทำงานบ้าๆ นี่ พรุ่งนี้ ผมจะคุมพวกคุณถ่ายสารคดีเอง”
ใบหน้าและดวงตาสีเข้มจ้องนิ่งที่ประพนธ์ก่อนจะเบนไปที่ทีมงานทุกคน ประพนธ์ถอนใจอีกรอบ เขาช่วยแพรดาวไม่ได้เลยหรือ ไซฟาลเหี้ยมอย่างที่แพรดาวพูด เขามองหน้าหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างไซฟาล หล่อนยิ้มให้เขา
“ยินดีต้อนรับทุกคนนะคะ ฉันลิลลี่ค่ะเป็นเพื่อนสนิทคุณไซฟาล” ลิลลี่ทักทายประพนธ์และหันไปยิ้มกับทุกคน แต่ในใจร้อนรุ่ม ทำไมไซฟาลปิดบังหล่อนเกี่ยวกับแพรดาว เขาพาตัวแพรดาวไปไว้ในบ้านของเขาจริงๆ
“คุณลิลลี่เป็นคนไทยหรือครับ” ประพนธ์ยิ้มตอบหล่อน
“ค่ะ ฉันมาทำงานกับคุณไซ เรารู้จักกันที่อเมริกา ฉันขอมาทำงานกับเขาที่นี่ พวกคุณมาถ่ายสารคดีเกี่ยวกับอะไรหรือคะ”
หล่อนเดินเข้ามาใกล้ประพนธ์ ถามทุกคนที่มองหล่อนอยู่ ประพนธ์ตอบคร่าวๆ สายตาชำเลืองมองไซฟาลเป็นระยะ เขาไม่แน่ใจว่าลิลลี่เป็นคนสำคัญกับไซฟาลมากน้อยแค่ไหนแต่ก็ดีใจที่ในคฤหาสน์หลังนี้ยังมีคนพูดภาษาเดียวกันอยู่ พวกเขาต้องการอะไรคงไม่ยากอีกต่อไป
“ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์น่ะครับ คุณลิลลี่ช่วยพูดกับคุณไซฟาลให้ปล่อยตัวแพรดาวทีสิครับ”
“คุณแพรดาวทำอะไรผิดคะ” ลิลลี่ถามพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน
“ยายแพรเข้าไปในเขตหวงห้ามของคุณไซฟาล คุณไซฟาลก็เลยโกรธ เอาตัวมา ไม่รู้ตอนนี้อยู่ไหน ช่วยพูดกับคุณไซฟาลให้พวกเราหน่อยนะครับ” ประพนธ์พูดเบาๆ
“ใจเย็นๆ ค่ะ ไปพักผ่อนก่อน” ลิลลี่รู้สาเหตุที่ไซฟาลพาหญิงสาวเข้าไปขังในบ้านของเขาแล้ว หล่อนต้องหาวิธีพบแพรดาวให้ได้
“ลิลลี่ ไม่ต้องพูดอะไรเพราะผมไม่รับฟัง ผมขอตัว”
ไซฟาลพูดกับลิลลี่เป็นภาษาถิ่นที่ประพนธ์ไม่เข้าใจ เขาเลือกใช้ภาษากับลิลลี่เพราะประพนธ์กับทีมงานพูดและฟังภาษาอังกฤษได้เกือบทุกคน
“คุณไซคะ ทำไมต้องจับเธอด้วย ให้เธอออกมาพักกับเพื่อนเธอเถอะค่ะ” ลิลลี่มองหน้าเขา
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ฟัง”
เขาหันมาจ้องหน้าหญิงสาว น้ำเสียงเข้มขึ้นแล้วหันกลับก้าวเร็วๆ ออกไป ลิลลี่ถอนใจเฮือก หล่อนใจร้อนไม่ได้ ไซฟาลกำลังโกรธ ลิลลี่ช่วยประพนธ์ได้แค่พาไปที่พักและบอกเวลาทานอาหารที่แน่นอนอีกครั้งเท่านั้น
ไซฟาลเดินกลับบ้านตัวเอง อารมณ์ขุ่นมัวยังไม่จางไป เขาเดินไปหยุดหน้าห้องที่ขังแพรดาวไว้ ครู่หนึ่งจึงหันมาที่ห้องติดกันเปิดประตูก้าวเข้าไปแล้วปิดล็อค เขาไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลาเขาพักผ่อนในห้องนอน
“เธอด่าฉันแรงมากแพรดาว แค่นั้นยังไม่พอ เธอคิดว่าฉันเป็นเกย์ ฉันจะทำให้เธอรู้ว่า ความคิดของเธอมันผิด”
สำเนียงภาษาถิ่นชัดเจน ใบหน้าเครียดกลายเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก ใบหน้าเข้มอ่อนโยนลงในพริบตาแต่เพียงครู่เดียวดวงตาสีนิลเปล่งประกายวาววับ รอยยิ้มจางหายไป
แพรดาวหลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้าและความหิว ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยมีงานชิ้นไหนเสี่ยงเหมือนชิ้นนี้ ความรีบร้อนทำให้เธอลืมหิว ลืมทุกอย่างรอบตัวไปชั่วขณะหนึ่งกระทั่งไซฟาลฉุดลากตัวเธอเข้ามาในห้องนอนที่เธอไม่เคยสัมผัสจากที่ใดๆ มาก่อน
ไซฟาลยืนนิ่งอยู่ใต้สายน้ำจากฝักบัวขนาดใหญ่ เขาไม่ใส่ใจกับน้ำที่ไหลรดศีรษะว่าจะเย็นฉ่ำหรืออุ่นมากแค่ไหน เขาคิดถึงแต่ใบหน้าของหญิงสาวที่หลับอยู่บนเตียงนอนในบ้านของเขา
“เวลาหลับเธอน่ารักมากรู้มั้ยแพรดาว” เขาพึมพำกับสายน้ำ ครู่ใหญ่จึงก้าวออกมาจากห้องน้ำ
ประตูห้องเปิดออกช้าๆ ร่างสูงก้าวเข้ามา ใบหน้าสดชื่นกว่าเดิม เคราเขียวหายไป ใบหน้าสะอาดสะอ้านน่ามองกว่าเดิมหลายเท่า ไซฟาลเดินมาหยุดยืนข้างเตียงซึ่งมีร่างบางนอนขดตัวอยู่กลางเตียง เขายิ้มบาง ดึงผ้าห่มออกมาคลี่คลุมให้หญิงสาวแล้วทรุดนั่งข้างเธอ
“นอนนานเกินไปแล้วคุณผู้หญิง” เขายิ้มอีก อารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาด
“ถ้าเธอไม่ดื้อขัดคำสั่งฉัน ก็คงไม่เป็นอย่างนี้”
เขาลุกขึ้นยืน ก้มลงมองร่างที่ซุกกับผ้าห่มอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาขึ้นมามองเขา รอยยิ้มบางกระจายบนใบหน้าเข้ม เขาก้มลงหาแก้มเนียน จรดปลายจมูกลงช้า ๆ แผ่วเบา