บทที่ 3 เตรียมพร้อม
จากห้องโถงรับแขกซึ่งสามารถมองออกไปเห็นบรรยากาศท้องทุ่งนาของชาวบ้านใกล้เคียงได้ชัดและที่นารอบ ๆ บ้าน แพรดาวซื้อไว้เพื่อปลูกไม้ยืนต้น พวกผลไม้กับไม้ให้ดอกตามฤดูกาลอย่าง อินทนิล คูน หางนกยูง และอีกหลายชนิดซึ่งให้ดอกสีสดสวย เพิ่มสีสันกับบ้านให้สดชื่นและน่ามอง
ระเบียงหลังบ้านติดกับห้องนอนแพรดาว เธอกรุกระจกใสเช่นห้องรับแขกด้านล่างแต่มีผ้าม่านไว้ยามไม่ต้องการให้แสงเข้ามารบกวนเวลานอนพักผ่อนและปรับเป็นห้องทำงานไปในตัว ตู้หนังสือทำด้วยไม้ทั้งหลังจัดเข้ามุมห้อง ตู้ทึบสำหรับเก็บเอกสารเกี่ยวกับงานและวีซีดี ดีวีดีงานทั้งหมด
แพรดาวเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทาง เตรียมพร้อมทั้งเอกสารและกล้องที่เธอซื้อเป็นของตัวเองไว้ถ่ายภาพประทับใจ เวลาออกไปทำงานนอกสถานที่ ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เธอออกไปทำงานนอกประเทศ
เธอเลื่อนกระเป๋าไว้มุมห้องแล้วเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง คิดถึงการเดินทางในวันรุ่งขึ้น คิดถึงสภาพอากาศในเมืองซัสส์ที่ข้อมูลในแผ่นกระดาษบอกว่าไม่หนาวและไม่ร้อนมาก วันเวลาที่เธอต้องทำงานอยู่ที่นั่นเป็นช่วงอากาศร้อน เธอถอนใจโล่งเพราะยังไงเธอก็คิดว่าดีกว่าอากาศหนาวเพราะเธอไม่ชอบกับความหนาวเย็นประเภทเข้ากระดูกดำ ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอทนไม่ไหวแน่
หญิงสาวหลับไปนาน มารู้สึกตัวตื่นเลยเที่ยงคืนไปแล้ว เธอเข้าห้องน้ำอาบน้ำกลับออกมานาฬิกาบนโต๊ะเครื่องแป้งบอกเวลาตี่ 2 ครึ่ง เธอยืนมองเข็มนาฬิกาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขาสั้งเหนือเข่า เสื้อกล้ามตัวโคร่ง หยิบแฟ้มเอกสารที่อ่านไปสองรอบแล้วติดมือออกมาจากห้องนอน เดินลงบันไดเลี้ยวไปห้องครัว ยังไม่ถึงเวลาตื่นของอัมพร เพราะฉะนั้นเธอต้องทำทุกอย่างให้เบาที่สุด ตั้งแต่เสียบปลั๊กกาน้ำร้อน ชงกาแฟและถือออกมาจากครัวกลับขึ้นห้องนอน
เจ้าของบ้านที่แพรดาวต้องไปพบ ชื่อ อิบราฮิม บัลลนาร์ด เป็นมหาเศรษฐีระดับต้นๆ ของเมืองซัสส์ ธุรกิจนับ 10 อย่างทำให้เขาเป็นที่รู้จักของนักธุรกิจหลายประเทศ สุนีย์ติดต่อกับอิบราฮิม ทำหนังสือขออนุญาตเข้าไปถ่ายทำสารคดีด้วยตัวเอง ทันทีที่อิบราฮิมตอบรับและอนุญาต สุนีย์โยนงานใหญ่ให้แพรดาวโดยร่วมมือกับสมเจตต์ให้แกล้งทำตัวไม่ว่างไม่เช่นนั้นแพรดาวไม่รับงานนี้แต่แพรดาวก็ยื่นข้อเสนอกับสุนีย์ซึ่งเจ้านายสาวยินดีทำตามทุกอย่าง ถ้าแพรดาวถ่ายทำสารคดีต่างแดนเสร็จสมบูรณ์
เครื่องบินร่อนลงสู่ลานจอดของสนามบินเมืองซัสส์ แม้จะเป็นเพียงสนามบินเล็กๆ แต่ไม่เงียบเหงาอย่างที่คิด แพรดาวก้าวลงบันไดเครื่องบิน กวาดสายตาไปรอบๆ ที่นี่สะอาด ทุกอย่างจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย รถรับผู้โดยสารแล่นมาเทียบเส้นสีเหลือง ผู้โดยสารทยอยกันขึ้นรถ ทีมงานของแพรดาวปิดท้าย รถเคลื่อนตัวออก อีกไม่นานแพรดาวจะได้พบอิบราฮิมและต้องอยู่บ้านเขาเป็นเวลา 1 เดือนหรือจนกว่าจะทำงานเสร็จ
“พี่พนธ์ มิสเตอร์อิบราฮิมจะใจดีมั้ย หรือว่าเป็นแขกเห็นแก่ตัว” แพรดาวกระซิบถามประพนธ์ซึ่งนั่งเบาะเดียวกัน
“ไม่รู้สิ พี่ไม่เคยเห็นหน้า แกเห็นในรูปแล้วไม่ใช่หรือ ก็เดาเอาสิ”
ประพนธ์ส่ายหน้า เขาไม่เคยเห็นแม้แต่รูปภาพของอิบราฮิม เขาเขียนบทตามข้อมูล รูปภาพและวีซีดีที่สมเจตต์ให้ดูเท่านั้นซึ่งค่อนข้างยากสักหน่อยแต่ก็ไม่เกินความสามารถของเขาไปได้ การร่วมงานกับสมเจตต์มานานกว่า 5 ปีและทำงานกับแพรดาว 3 ปี ประพนธ์สนิทกับผู้กำกับชายหญิงคู่นี้มากกว่าทุกคน
“เห็น แต่เดาไม่ออก เขาใส่แว่นสีชาถ่ายรูป ถ้าเห็นตาชัดๆ เห็นแววตาก็พอทายนิสัยได้บ้างแต่นี่ไม่เห็นเลย เขาจงใจปกปิดเรารึเปล่าพี่”
“ไม่รู้อีกนั่นแหละ รอพบตัวเป็นๆ ตาใสๆ ไม่มีแว่นบังเลยดีมั้ย ค่อยเดานิสัยกัน ตอนนี้ของีบก่อน คนที่มารับบอกว่าจากสนามบินไปที่บ้านมิสเตอร์อิบราฮิมใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมง ตอนนี้ง่วง ขอนอนก่อน แกเดานิสัยท่านอิบราฮิมไปพลางๆ ละกันนะ”
“ได้ไง ง่วงเหมือนกัน”
หญิงสาวเอนศีรษะพิงพนักเก้าอี้ หลับตาตามประพนธ์ ครู่เดียวเธอก็หลับสนิท