บทที่ 13 สาวน้อย
ไซฟาลออกจากห้องทำงานโดยมีกาซี่เดินตามออกมาด้วย กาซี่เดินแซงขึ้นหน้าพี่ชายแล้วหยุดยืนดักหน้าไว้
“ผมขอพบคุณแพรดาว” เขาเอ่ยเสียงเครียด
“ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ แกเข้าใจพี่ใช่มั้ย” ไซฟาลเลิกคิ้ว จ้องหน้าน้อง
“ไม่เข้าใจครับ ทำไมต้องจับเธอมาขังที่นี่ สั่งห้ามเธอทำอีกก็น่าจะพอ” กาซี่ไม่พอใจเท่าไรนักที่ไซฟาลทำตัวไร้เหตุผลกับแขกพิเศษของอิบราฮิม
“ผู้หญิงคนนี้เราไม่รู้จักเธอ เพราะฉะนั้นอย่าทำเป็นสงสาร เข้าใจมั้ย” ชายหนุ่มชี้มือมาที่อกกาซี่แล้วจิ้มแรงๆ ก่อนจะเดินเฉียดไหล่น้องชายไปทางห้องครัว
“ถึงผมไม่รู้จักแต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ทำ” กาซี่พูดตามหลังพี่ชายแต่ไซฟาลไม่ได้ยิน
ชารีฟเตรียมอาหารตามที่ไซฟาลสั่งไว้และพร้อมยกไปเสิร์ฟหญิงสาวที่ถูกขัง ไซฟาลเดินเข้ามายืนมองอาหารในจาน
“เรียบร้อยแล้วยกตามฉันมา”
“ค่ะ”
ชารีฟยกถาดอาหารเดินตามนายไปที่ห้องเชลย ในเวลานี้แพรดาวไม่ต่างอะไรจากเชลย ไซฟาลกักขังเธอราวกับเธอไม่ใช่คน ไม่มีความรู้สึก ไม่มีจิตใจ สาวใช้รับคำสั่งให้เตรียมอาหารก่อนที่ไซฟาลจะออกไปทานมื้อค่ำที่ตึกใหญ่ ไอนาสตามไปรับใช้ทุกครั้ง ชารีฟจึงดูแลครัวเพียงลำพัง วันไหนที่ลิลลี่อยากทำอาหารให้ไซฟาลทาน หล่อนจะเข้ามาครองห้องครัว ให้ชารีฟเป็นลูกมือเท่านั้น
ลิลลี่แอบตามไซฟาลมาถึงบันไดทางขึ้น หล่อนแอบมองเขาอยู่ตรงเชิงบันได อยากวิ่งตามเขาเข้าไปในห้องขณะที่เขาเปิดประตูให้ชารีฟยกถาดอาหารเข้าไปด้านใน ครู่เดียวชารีฟก็กลับออกมา เขาจึงก้าวเข้าไป
“ฉันอยากเห็นหน้าแกนัก ทำไมคุณไซต้องพาแกมาที่นี่”
หญิงสาวกำมือแน่น ริมฝีปากสีชมพูสดเม้มเข้าหากัน ดวงตาเป็นประกายเต็มไปด้วยความโกรธ ความสำคัญของสาวไทยอย่างหล่อนจางไปเพราะแพรดาว หล่อนเคยโดดเด่นในคฤหาสน์แห่งนี้เพียงคนเดียว ไซฟาลเทคแคร์หล่อนเป็นอย่างดี ให้สิทธิ์เป็นเพื่อน ยกระดับขึ้นเทียบเท่าเจ้าของบ้านอย่างเขาแล้วจู่ๆ ผู้หญิงไทยอีกคนก็เข้ามา หล่อนยอมให้ผู้หญิงไทยคนอื่นเข้ามาอยู่เหนือหล่อนไม่ได้
ไซฟาลมองถาดอาหารบนโต๊ะไม้ริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ แล้วหันมาที่เตียงกว้าง ร่างบางยังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา เขาเดินไปยืนข้างเตียง ร่างบางพลิกตัวหันมาทางเขาพอดี เขาถอยห่างจากเตียง
ดวงตาที่หลับพริ้มลืมขึ้นช้าๆ สิ่งแรกที่เห็นเป็นใบหน้าชายหนุ่ม ไม่มีรอยยิ้ม ดวงตาที่มองมายังเธอดุ เธอลุกพรวดขึ้นนั่งทันทีที่ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอได้ เธอถูกลากออกมาจากกองถ่ายทำสารคดี พามาที่บ้านหลังนี้ ห้องนี้และผู้ชายคนนี้ด้วย เธอสลัดผ้าห่มพ้นตัว เหวี่ยงเท้าลงบนพื้นลุกขึ้นยืน
“จะเอายังไงกับฉันอีก ปล่อยฉันไปหาเพื่อนฉันได้รึยัง” เธอถามเสียงห้วน ใบหน้าบึ้ง
“ยัง เธอจะไปไหนไม่ได้จนกว่างานของพวกเธอจะถ่ายทำเสร็จ ฉันจะส่งตัวเธอคืนให้เพื่อนๆ วันเดินทางกลับ”
“จะบ้าหรือ จะถ่ายได้ยังไง ไม่มีคนกำกับ ฉันต้องทำหน้าที่นั้น” เธอแผดเสียงใส่เขา
“ไม่ต้อง ฉันจะทำหน้าที่แทนเธอ” เขาตอบกลับโทนเสียงไม่ต่างกัน
“อะไรนะ คุณน่ะหรือจะทำหน้าที่แทนฉัน เพ้อเจ้อ”
“หุบปาก ไปกินข้าว” เขายกมือชี้หน้าเธอแล้วเบนปลายนิ้วไปที่โต๊ะริมหน้าต่าง
แพรดาวมองตามมือเขา ถาดอาหารรอเธออยู่บนโต๊ะ ความหิวเรียกร้องให้ท้องโอดครวญเป็นเสียงให้ไซฟาลได้ยิน เธอยกมือขึ้นกดที่ท้องแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง
“ฉันไม่กิน พาฉันไปหาเพื่อนๆ ฉันเดี๋ยวนี้”
“ถ้าไม่กินก็ตามใจ แต่ท้องเธอมันประท้วงแล้วนะ” ไซฟาลเดินไปนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะวางถาดอาหาร เขารับรู้ถึงความดื้อรั้นของหญิงสาวอีกข้อ
ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจและน่าศึกษาเสียแล้วสิ เธอเป็นใคร มีความสำคัญต่อทีมงานสารคดีมากน้อยแค่ไหนนอกจากเป็นผู้กำกับหญิงที่สวยและน่ารักมาก
“ถ้าไม่พาฉันไปหาเพื่อนฉันก็ออกไป” แพรดาวเอ่ยปากไล่เจ้าของบ้านโดยไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด
“ฉันจะไม่ไปไหน จนกว่าเธอจะกินอาหารหมดทุกอย่าง แล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย คืนนี้เธอต้องนอนที่นี่ ถ้ามีปัญหามากนัก ฉันจะนอนกับเธอ”
“ไอ้บ้า อย่ามาพูดแบบนี้ ผู้หญิงไทยอย่างฉันไม่ใช่จะยอมให้พวกนายมาย่ำยีศักดิ์ศรีได้ง่ายๆ นะ ก็ได้ ในเมื่อนายต้องการให้ฉันกิน ฉันก็จะกิน”
เธอก้าวยาวๆ ไปนั่งบนเก้าอี้นุ่มตรงข้ามกับไซฟาล ยกจานออกจากถาดสีเงินซึ่งในถาดมีแก้วนมใบโต แก้วน้ำเปล่า จานที่ยกออกมามีข้าว ไข่ดาว และไส้กรอก ขวดซอสเล็กวางอยู่ข้างจาน
แพรดาวมองอาหารที่ไซฟาลบังคับให้เธอทานแล้วถอนใจเฮือก เหลือบตาขึ้นมองคนที่จ้องหน้าเธออยู่ เขาวางอำนาจความเป็นหลานเจ้าของบ้านมากเกินไปแล้ว เธอจะทำให้เขารู้ว่า เขาทำพลาดที่กล้าบังคับขู่เข็นผู้หญิงที่ชื่อแพรดาวคนนี้
“อาหารมื้อนี้กับพรุ่งนี้เช้าเหมือนกันยกเว้นข้าว กลางวันฉันจะให้คุณลิลลี่ทำอาหารไทยให้พวกเธอ แต่มาต่างบ้านต่างเมืองอย่างนี้น่าจะปรับตัวกินของเมืองนี้บ้างนะ”
ชายหนุ่มพูดเรื่อยๆ ขณะที่แพรดาวจิ้มไส้กรอกเข้าปากเคี้ยว เธอไม่สนใจคำพูดของเขา ทานอาหารตรงหน้าแบบหิวโหย ปากปฏิเสธว่าไม่หิวแต่ความจริงเธอหิวจนตาลาย ไม่กี่นาทีอาหารในจานหมดเกลี้ยงทุกอย่าง นมแก้วโตเหลือติดก้นแก้ว น้ำเปล่าหมดเช่นกัน
“ฉันขอกาแฟได้มั้ย แล้วก็ช่วยไปเอาแฟ้มสีดำกับพี่พนธ์ให้ฉันที ฉันจะเตรียมงานถ่ายพรุ่งนี้”
“ไม่ได้ เธอหมดสิทธิ์ทำงานตั้งแต่วันนี้แล้วสาวน้อย พรุ่งนี้ฉันจะกำกับสารคดีชุดนี้แทนเธอ จะทำให้ดีกว่าเธอด้วย” เขาจ้องตาเธอ อ่านสายตาที่กำลังด่าเขาแล้วยิ้มหยัน
“เชอะ ทำให้ดีกว่า ท่าทางโหดเหี้ยม อย่างนายไม่มีวันทำงานละเอียดอ่อนแบบนี้ได้หรอก”
“จะดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะแพรดาว” เขาแทบจะกระโดดไปบีบคอเธอให้พูดไม่ได้อีก
“ดูถูกดีกว่าดูผิดไม่ใช่หรือคะคุณไซฟาล”
เธอจิกคำพูดแล้วเบ้ปาก เยาะหยันเขาด้วยสายตา ไม่แคร์กับดวงตาสีนิลที่จ้องมาราวกับจะเผาร่างเธอให้มอดไหม้ เขาลุกขึ้นยืน คว้าข้อมือเธอบีบแน่น
“โอ๊ย เจ็บนะ”
เขาไม่ฟังคำร้องครางของเธอ ดึงเธอให้เดินตามไปที่หน้าห้องน้ำซึ่งอยู่ข้างประตูห้อง มือเรียวเปิดประตูห้องน้ำแล้วผลักร่างบางเข้าไป
“อาบน้ำให้เร็วที่สุด ถ้าชักช้า ฉันจะเข้าไปอาบให้เอง”
“ไอ้บ้า ไอ้คนใจโหด ไอ้แขกงี่เง่า” แพรดาวตะโกนเป็นภาษาไทยออกมา ไซฟาลถึงกับชะงักเท้าที่ถอยห่างออกมาจากประตูห้องน้ำ
“ฉันไม่ใช่นักโทษของแกนะ ไอ้บ้าเอ๊ย” เธอส่งเสียงลั่นห้องน้ำ
“หุบปากแล้วอาบน้ำ ฉันให้เวลาเธอสิบนาที หลังจากนั้นฉันจะเข้าไปลากเธอออกมา”
เขาตะโกนเข้าไป เสียงต่อต้านในห้องน้ำดังขึ้นแต่ไม่มีเสียงของหญิงสาว เขายิ้มเครียด ผู้หญิงคนนี้ไม่ร้ายกาจมาก ความคิดแค่กักตัวไว้ในห้องนี้สองสามวันต้องเปลี่ยนใหม่เสียแล้ว
“เธอทำตัวเองนะสาวน้อย”