บทที่ 6 รักสามเศร้า
“ฉันจะพยายามไม่ให้พี่เพลินสงสัย แต่ฉันก็มีสิทธิ์ในตัวพี่หมอมากกว่าพี่เพลินถึงพี่เพลินจะมาก่อนแต่พี่หมอไม่ได้รักพี่เพลิน พี่เพลินมอมเหล้าพี่หมอถึงได้เป็นเมียพี่หมอ”
“ถึงพี่หมอไม่ได้รักแต่พี่เพลินรักนี่ ยังไงพี่เพลินไม่ยอมแกหรอกภรณ์ ระวังตัว อย่าเข้าใกล้พี่เพลิน ฉันจะคอยดูห่างๆ ถ้ามีอะไรฉันจะช่วยเอง”
“ขอบใจมากเพื่อนรัก”
ชยาภรณ์ก้าวเข้าไปกอดอารตีแน่น การเข้ามารับหน้าที่ของหล่อนยังต่างถิ่นก็ไม่ได้เหงาหรือว้าเหว่แต่อย่างใดเพราะมาเจอเพื่อนที่รักและเข้าใจอย่างอารตี ไม่มีใครจริงใจกับหล่อนเท่ากับอารตีอีกแล้วละ
เพลินใจกัดริมฝีปากจนเจ็บ มือกำแน่นปลายเล็บจิกลงกลางใจมือเลือดซึม หัวใจเต้นรัวราวกับจะระเบิดออกมานอกอก ร่างสูงสมส่วนของหมอหนุ่มเดินออกมาจากบ้านพักพยาบาลรุ่นน้อง เขานอนค้างคืนกับชยาภรณ์ที่ห้องพักอย่างนั้นหรือ เขาไม่อายอารตีหรืออย่างไรและที่สำคัญ เขากล้านอกใจหล่อน
“ฉันปล่อยแกไว้ไม่ได้แล้วนังชยาภรณ์ คืนนี้จะเป็นวันตายของแก”
หล่อนขบกรามพูดลอดไรฟันด้วยความเคียดแค้น หมอดำนัดทำเสน่ห์ให้หล่อนคืนนี้และให้นำชื่อของผู้หญิงที่หมอนิรุทธ์รักไปด้วย
ชยาภรณ์ยิ้มแย้มกับคนไข้และญาติคนไข้เช่นทุกวันแต่วันนี้หล่อนดูมีความสุขมาก อารตีรู้สาเหตุของรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าเพื่อนรัก ในความสดใสนั้นหล่อนหวั่นใจอยู่ลึก รู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก อากาศรอบตัวเย็นเยือก ต้นกาสะลองหรือปีบกำลังผลิดอกขาวสะพรั่งบนยอด ลมพัดเอนไหวระหลังคาตึกผู้ป่วยหญิง
อารตีแหงนมองดอกสีขาวเล็กบนต้นสูง ลมด้านล่างสงบนิ่งแต่ปลายยอดกาสะลองสะบัดราวกับกำลังถูกมือคนจับบิดให้ยอดขาดจากต้น พยาบาลสาวกะพริบตาเร็วเมื่อเห็นเงาสีดำบนยอดกาสะลอง
“คุณพระช่วย นั่นมันมือคนนี่ มือ เงามือ อะไรกันเนี่ย หลวงพ่อช่วยด้วย”
หล่อนพึมพำเสียงสั่น เท้าถอยหลังกรูดเข้าประตูด้านหลังของห้องรวม บานมุ้งลวดปิดตามเสียงดังสนั่น
“ปัง...”
หญิงสาวสะดุ้งเฮือก ห้องคนไข้รวมไม่ใช่แคบๆ ญาติคนป่วยอยู่ครบเกือบทุกเตียงแล้วทำไมจึงเงียบราวกับป่าช้าและวินาทีนั้น
“พรึบ พรึบ พรึบ”
ดวงไฟทุกดวงบนเพดานดับไล่กันไปจนมืดทั่วทั้งห้อง เสียงเงียบเมื่อครู่ดังระงม เสียงคนไข้บ้าง เสียงญาติบ้าง
“ไฟดับค่ะหมอ ไฟดับค่ะพยาบาล คนไข้เตียงนี้ใช้ออกซิเจนค่ะ ช่วยด้วยค่ะ”
เสียงญาติคนไข้ดังขึ้นจากเตียงด้านในสุด อารตีรวบรวมสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว หล่อนก้าวยาวๆ ไปที่ต้นเสียง
“ใจเย็นๆ นะคะเดี๋ยวไฟมาค่ะ กำลังใช้เครื่องสำรองปั่นไฟค่ะ ญาติใจเย็นๆ นะคะ”
“หมอครับ ทางนี้ครับ คนไข้ชักครับ”
เสียงเรียกดังมาอีกฝั่งแถวของเตียง ญาติคนไข้เร่งด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“คนไข้ชักครับช่วยด้วยครับหมอ ช่วยด้วยครับ”
“ค่ะๆ ใจเย็นๆ นะคะ หมอกำลังมาค่ะ”
เหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นได้เสมอและไม่มีใครรู้ล่วงหน้าแต่เหตุการณ์ครั้งนี้มันเกิดเพราะธรรมชาติหรือเพราะอะไรกันแน่ อารตีวิ่งวุ่นในห้องคนไข้รวมครู่เดียวหมอกับพยาบาลอีกสองสามคนก็เข้ามาช่วย
เสียงหมอสั่งงานรวดเดียว พยาบาลทุกคนทำตามอย่างเร่งรีบ เพลินใจอยู่ข้างหมอนิรุทธ์ตลอดเวลา ชยาภรณ์เข้ามาใกล้ก็ถูกผลักต่อหน้าหมอหนุ่ม หมอทศพลดึงแขนชยาภรณ์ออกห่างนิรุทธ์ เขารู้ความลับของคนทั้งสามว่าเป็นอย่างไรแต่ไม่รู้เรื่องที่นิรุทธ์กับชยาภรณ์เพิ่งไปทำมาเมื่อวันวาน
เปมิกาสังเกตตลอดเช่นเดียวกับทศพล หล่อนจับต้นแขนชยาภรณ์บีบสองครั้ง สบตาเพื่อนพยาบาลแล้วดึงออกมาทางอารตี
“ยัยแม่มดผลักยัยภรณ์แทบล้ม หมอทศช่วยดึงออกมา”
เปมิกากระซิบกับอารตี ใบหน้าของชยาภรณ์ซีดเผือด อารตีมองไปที่เพลินใจอย่างพร้อมจะลุย
“ทำเกินไปแล้ว ทำไมต้องผลักกันด้วย”
“ยัยตี้ หยุดเลยนะแกตอนนี้เวลางาน ห้ามมีเรื่อง เอายัยภรณ์ไปทางโน้น หมอทศมองแล้วเห็นมั้ย ไปหาหมอทศทางโน้น”
เปมิการู้นิสัยอารตีดีว่าเป็นอย่างไร หล่อนเป็นเพื่อนกับสองสาว พูดคุยกันเข้าใจแต่ไม่สนิทมากถึงกับรู้เรื่องส่วนตัวทุกคนแต่ก็รู้ว่าหากอารตีโกรธอารมณ์ของพยาบาลสาวก็ร้ายพอๆ กับหนุ่มอันธพาลคนหนึ่งทีเดียว
“ตี้ ฉันไม่เป็นไร ไปเถอะ”
ชยาภรณ์รีบดึงแขนเพื่อนรักออกมา เปมิกาถอนหายใจแรง ไม่อยากคิดว่ารักสามเศร้าของหมอนิรุทธ์ ชยาภรณ์และเพลินใจจะจบลงอย่างไร