บทที่ 5 ทะเบียนสมรส
นิรุทธ์มาส่งชยาภรณ์เกือบสว่าง เขายืนรออารตีอยู่หน้าห้องพัก เขาทำตัวไม่ดีอารตีอาจต่อว่าชยาภรณ์ เขาจะรับผิดเพียงผู้เดียวและบอกอารตีกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด อารตีเปิดประตูออกมา ใบหน้ายังง่วงงุน ผมยาวยุ่งเหยิง พอเห็นหน้าหมอกับเพื่อนรักเท่านั้นความง่วงแทบจะหายไปจนหมด
“พี่หมอ ยัยภรณ์”
“ตี้ พี่อยากขอร้อง”
นิรุทธ์เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง หล่อนพยักหน้าแล้วว่า
“เข้ามาคุยข้างในค่ะ ข้างนอกไม่ปลอดภัยสำหรับยัยภรณ์”
หล่อนเดินกลับเข้าไปนั่งบนเตียงนอนซึ่งอยู่ทางด้านขวามือ ด้านซ้ายเป็นเก้าอี้ยาวสำหรับรับแขก นั่งเล่น โต๊ะตัวเตี้ยวางของกินไว้จนเต็ม นิรุทธ์ทรุดนั่งบนเก้าอี้หันมาพยักหน้าให้ชยาภรณ์ที่เพิ่งปิดประตูห้องให้นั่งลงข้างเขา
“ตี้ พี่มีเรื่องจะสารภาพ”
“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะพี่หมอ ตี้เข้าใจความรักของพี่แต่พี่จะทำยังไงต่อล่ะ พี่เพลินจิกไม่ห่างอย่างนั้น พี่จะหนีพ้นเหรอ”
“พี่ไม่ได้รักเพลิน เธอตามตื๊อพี่ข้างเดียว”
หมอหนุ่มขยับตัวหันมาจ้องหน้าอารตี ดวงตาที่จ้องมานั้นบอกชัดว่าเขาไม่ได้โกหก อารตีถอนหายใจเฮือก
“ตี้รู้ ยัยภรณ์ก็รู้แต่พี่เพลินไม่ใช่ธรรมดานะพี่หมอ ยัยนั่นร้ายจะตาย เคยตบหน้ารุ่นน้องต่อหน้าพี่หมอมาแล้วเพราะคิดว่ารุ่นน้องจะยั่วพี่หมอแล้วนี่ไม่รู้คิดจะทำอะไรกับยัยภรณ์ ถ้ารู้ว่าพี่หมอพายัยภรณ์ไปนอนค้างทั้งคืน”
“ยัยตี้”
ชยาภรณ์เรียกชื่อเพื่อน ใบหน้าเจื่อนก้มลงมองพื้นห้อง อารตีหัวเราะออกมาแล้วพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่กับสิ่งที่ชยาภรณ์กับนิรุทธ์ทำลงไป
“ไม่ต้องทำหน้ายังงั้น ไม่ต้องมาเรียกฉันเสียงอ่อย เรื่องแบบนี้ไม่มีใครห้ามใจได้หรอกถ้าใจตรงกัน อีกอย่างแกก็ไม่ใช่เด็กอายุสิบเจ็ดที่ยังเรียนไม่จบ แกยี่สิบสี่แล้วโตพอที่จะรับผิดชอบกับชีวิตตัวเองได้แล้ว ฉันเคยมีความรักกับรุ่นพี่ที่เป็นหมอแต่ว่ารุ่นพี่จะขอนอนกับฉันตั้งแต่คบกันไม่กี่เดือน ฉันยังเรียนพยาบาลปีสองเอง ฉันก็เลยฟาดปากไปสองที จากนั้นก็ไม่มาจีบฉันอีกเลย”
เสียงหัวเราะดังขึ้นไม่ใช่ของอารตีคนเดียวแต่เป็นทั้งสามเสียง นิรุทธ์เข้าใจคำบอกเล่าของอารตีทุกอย่าง หากเป็นตอนนี้อารตีคงยอมนอนกับรุ่นพี่เพราะกว่าจะเรียนจบมาถึงวันนี้ต่างผ่านความเป็นเด็กวัยรุ่น ผ่านความจริงใจและผ่านความรักจริงที่อารตีปฏิเสธรุ่นพี่คนนั้นไม่ได้
แต่เผอิญว่ารุ่นพี่เรียกร้องเร็วไปหน่อยเท่านั้นจึงถูกนักเรียนพยาบาลชกปากและประกาศตัดความสัมพันธ์ไม่เหลือแม้กระทั่งความเป็นเพื่อน
“แล้วตอนนี้ตี้มีใครรึยัง ถ้ายังพี่จะแนะนำเพื่อนพี่ให้”
“ไม่ต้องเลยพี่หมอ ปัญหาของตัวเองเอาให้รอดก่อนดีมั้ย”
หญิงสาวว่าให้หมอหนุ่มแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง มองหน้าหนุ่มสาวบนเก้าอี้ตัวยาวอย่างใช้ความคิด นิรุทธ์มองมาแล้วลุกยืนเดินไปที่เตียง ส่งซองกระดาษสีน้ำตาลมาตรงหน้าอารตี
“พี่ฝากตี้ไว้ด้วย เก็บให้ดี พี่กับภรณ์เก็บไม่ได้ ตี้เข้าใจนะ”
“อะไรเหรอคะ”
อารตีลุกนั่งรับซองมาถือไว้ มองหน้านิรุทธ์สลับกับชยาภรณ์ เพื่อนสาวยิ้มแห้ง พยักหน้าไปที่ซอง
“เปิดดูเอง”
ชยาภรณ์เอ่ยเสียงเบา อารตีเปิดซองดึงแผ่นกระดาษในนั้นออกมา ความง่วงที่ยังหลงเหลือมลายหายไปสิ้น ความตื่นเต้นวิ่งแทรกเข้ามาแทนที่ หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หล่อนเงยหน้ามองนิรุทธ์
“พี่หมอ หมายความว่า...”
“ใช่ พี่กับภรณ์จดทะเบียนสมรสถูกต้องแล้ว เราเป็นสามีภรรยาถูกกฎหมายทุกอย่าง พี่ขอเวลาเคลียร์งานแล้วจะเข้ากรุงเทพฯไปสู่ขอภรณ์กับพ่อแม่ภรณ์ ตี้เป็นพยานให้พี่ด้วยนะว่าพี่รักภรณ์จริงๆ พี่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครเลย”
“ค่ะ ตี้เข้าใจแต่ตี้เป็นห่วงยัยภรณ์ ถ้าพี่เพลินรู้จะเป็นยังไงคะ”
“พี่ถึงฝากนี่ไว้กับตี้ไง เก็บไว้ให้ดี พี่เรียกใช้เมื่อไหร่ตี้เอามาให้พี่ด้วย พี่ต้องกลับแล้วละ เดี๋ยวเจอกันที่โรงพยาบาล”
นิรุทธ์ยิ้มยื่นมือมาตบศีรษะอารตีเบาๆ เดินมาหาชยาภรณ์ หล่อนลุกยืน เขาโอบร่างหล่อนกอด จูบหน้าผากเกลี้ยงเกลายิ้มให้หล่อนอย่างให้กำลังใจ หล่อนยิ้มเดินมาส่งเขาที่ประตู ร่างสูงก้าวห่างออกไปหล่อนจึงกลับเข้าห้อง
“ภรณ์ ต่อไปนี้แกไม่ใช่สาวโสดแล้วนะ แกมีพี่หมอแล้วแต่ฉันอดห่วงแกไม่ได้ พี่เพลินร้ายออกอย่างนั้น ถ้าเกิดรู้เรื่องนี้ ยัยนั่นเอาแกตายแน่”
อารตีเดินมายืนตรงหน้าเพื่อนร่วมห้องและเป็นเพื่อนรักที่สุดในขณะนี้ ชยาภรณ์ยิ้มพยักหน้ารับรู้ถึงความห่วงใยที่เพื่อนมีต่อหล่อน