บทที่ 2 แสงหล้า
ชยาภรณ์เข้ามาทำงานพร้อมอารตี หมอรุทธ์สนใจชยาภรณ์ตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรกและทำให้เขาพยายามตัดเพลินใจออกไปจากชีวิตซึ่งหล่อนไม่มีวันยอม
เมื่อเพลินใจไม่ยอมเลิกราตามที่นิรุทธ์ต้องการ เขาจึงไม่ไปหาหล่อนและไม่ให้หล่อนเข้าใกล้ ความโกรธแค้นวิ่งพล่านอยู่ในสมองของหญิงสาว
“พี่หมอต้องการอย่างนี้ใช่มั้ย ได้ค่ะเพลินจะจัดให้ พี่หมอจะไม่มีวันสมหวังกับมัน เพลินจะเอาพี่หมอกลับคืนมาเป็นของเพลินเหมือนเดิม”
หล่อนขับรถเก๋งคู่ใจเข้าไปในหมู่บ้านม่านแพร ผ่านบ้านไม้หลังเล็กใหญ่ไปเรื่อยๆ บางบ้านเป็นครึ่งไม้ครึ่งปูน บางบ้านเป็นปูนทั้งหลัง ความเจริญของวัตถุทำให้หมู่บ้านเล็กเปลี่ยนไปจากเดิมมากพอควร บ้านไม้ทั้งหลังลดจำนวนน้อยลงเพราะบ้านปูนผุดขึ้นมาแทน
แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือวัฒนธรรมของหมู่บ้าน การเซ่นไหว้ผีปู่ผีย่ากลางหมู่บ้านในเดือน 10 ของไทยยังคงมีอยู่ การนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังมีและความเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์สามารถช่วยชีวิตพวกเขาให้อยู่รอดปลอดภัย ทำมาหากินคล่องและร่ำรวยขึ้นนั้นมีจริง
สิ่งเหล่านี้ทำให้หมอผีแสงหล้ากลายเป็นหมอผีที่ชาวบ้านยกให้เป็นผู้วิเศษคนหนึ่งและหากมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจเมื่อไร หมอผีแสงหล้าจะเป็นคนที่ช่วยปัดเป่าสิ่งเลวร้าย ร้อนใจให้กับชาวบ้านซึ่งความเชื่อนี้ไม่เคยเสื่อมคลายไปจากหมู่บ้าน
เพลินใจขับรถมาจอดหน้าบ้านไม้ใต้ถุนสูง ต้นไม้ใหญ่น้อยปลูกรอบบ้าน ทำให้บ้านร่มรื่น เงียบสงบ แสงหล้าอยู่บ้านเพียงลำพัง ไม่สุงสิงกับใครมากนักเพราะอดีตทำให้หล่อนเก็บตัว ความผิดที่ไม่ตั้งใจทำให้ต้องหนีจากหมู่บ้านฝั่งตรงข้ามแม่น้ำใหญ่มาพึ่งผืนดินไทย
สาวใหญ่นั่งนิ่งอยู่หน้าองค์พระ ภาพเด็กน้อยที่หลุดออกมาจากท้องแม่เขียวซีดไปทั้งตัว เด็กไม่มีลมหายใจเมื่อถูกดึงออกมา แม่เด็กเป็นลมสิ้นสติไปพร้อมเด็กทารก พ่อของเด็กกับญาติโทษหมอตำแยแสงหล้าเป็นฆาตกรฆ่าเด็กน้อย
“มึงฆ่าลูกกูทำไม มึงจะเอาลูกกูไปทำกุมารใช่มั้ย ทำไมใจคอมึงโหดร้ายอย่างนี้อีแสงหล้า มึงออกไปให้พ้นหมู่บ้านกู อย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีกไม่งั้นกูจะฆ่ามึง กูจะฆ่ามึง”
พ่อเด็กร่ำไห้ปานจะขาดใจตามเด็กทารกในอ้อมแขน แสงหล้าพยายามอธิบายแต่ไม่มีใครฟังหล่อนนอกจากขว้างปา ขับไล่อย่างไม่ไยดี หล่อนหนีกระเซอะกระเซิงออกมาจากหมู่บ้าน แอบนั่งเรือข้ามฝั่งมาไทยเพราะความกลัวถูกล่าจากหัวหน้าหมู่บ้าน
แสงหล้าไม่ใช่คนต่างแดนเป็นคนไทยข้ามฝั่งไปมีครอบครัว โชคไม่ดีสามีเสียชีวิตเมื่อแต่งงานได้ 3 ปีแต่หล่อนไม่กลับบ้านยังคงทำมาหากินอยู่ที่นั่นกระทั่งครั้งนี้ หล่อนข้ามมาอยู่หมู่บ้านใหม่ที่ไม่ใช่ถิ่นฐานบ้านเกิด
ความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจตามหลอกหลอนมาจนถึงทุกวันนี้ แสงหล้าลืมตาเพราะเสียงรถยนต์ดับลงที่หน้าบ้าน หล่อนถอนหายใจยาว
“ฉันไม่ทำอะไรผิดจากศีลธรรม ถ้าแกมาหาฉันเพื่อประโยชน์ตัวเอง ทำลายชีวิตคนอื่นฉันจะไม่ทำให้แก”
หล่อนพึมพำกับตัวเองขณะก้าวออกมาจากห้องพระ เพลินใจมาหาแสงหล้าหลายครั้งเพื่อขอให้ทำเสน่ห์ยาแฝดแต่แสงหล้าปฏิเสธทุกครั้ง
“ป้า ป้าแสง ป้าแสง อยู่มั้ยจ๊ะ”
“อยู่ มีธุระอะไร ขึ้นมาบนเรือนก่อนสิ”
เจ้าของบ้านยืนอยู่บนระเบียงด้านบน มองมาที่หญิงสาว ความเข้าใจของหล่อนถูกต้อง เพลินใจมาหาถึงบ้านเพราะต้องการสิ่งที่อยากได้ซึ่งหล่อนให้ไม่ได้
เพลินใจหิ้วถุงพลาสติกสองสามถึงเดินขึ้นบันไดก้าวข้ามประตูถึงโถงโล่ง ตั่งตัวเตี้ยตั้งอยู่ด้านซ้ายมือ ด้านขวาปล่อยโล่งมีประตูออกไปสู่ระเบียงหน้าบ้าน
แสงหล้าเดินเข้ามาจากระเบียงมองหน้าเพลินใจ พยาบาลสาวยกมือไหว้พร้อมกับยิ้ม รอยยิ้มนั้นแฝงด้วยความทุกข์เต็มเปี่ยมซึ่งเจ้าตัวไม่รู้
“ของฝากจ้ะป้า”
แขกสาวส่งถุงให้สาวใหญ่ รอยยิ้มยังคงเกลื่อนใบหน้าแม้จะพยายามยิ้มหวานแต่แสงหล้ารับรู้ถึงความร้อนรุ่มในใจของหญิงสาว
“ไม่ต้องเอามาฝากก็ได้ นั่งก่อน เดี๋ยวป้าจะหาน้ำเย็นๆ มาให้กินจะได้เย็นลงบ้าง”
แสงหล้าเดินเข้าไปทางประตูหลังบ้านถัดจากประตูเป็นส่วนของครัว ครู่เดียวก็กลับมาพร้อมน้ำเปล่าบรรจุเต็มขวด แก้วอยู่ในมืออีกข้าง
“ขอบคุณค่ะป้า”
เพลินใจรับแก้วน้ำมาวางบนตั่งที่หล่อนนั่งก่อนหน้านี้ ไม่รู้สึกหิวน้ำแต่อยากคุยธุระที่ตั้งใจมาเดี๋ยวนี้