บทที่ 1 เป็นห่วง
สิริยาวางโทรศัพท์มือถือพร้อมถอนหายใจยาว มองหน้าสามีอย่างขอความเห็นว่าจะทำอย่างไรกับการเงียบหายไปของชยาภรณ์ลูกสาวคนเล็กของพวกเขา
“โทร.ไม่ติดเลยค่ะ ฝากข้อความอย่างเดียว เราจะทำยังไงกันดีคะคุณ ยัยภรณ์ไม่โทร.หาเราหลายวันแล้วนะ ปกติลูกไม่เคยเงียบสักวัน เลิกงานก็โทร.หาหรือไม่ก็ก่อนทำงานแต่นี่ไม่โทร.ลูกเป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณ”
“ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวอีกชั่วโมงผมจะโทร.เองเผื่อแบตฯโทรศัพท์ลูกหมดแกอาจชาร์จอยู่ก็ได้”
“ทำไมชาร์จนานนักล่ะคะ สองสามวันแล้วนะ ฉันเป็นห่วงลูกค่ะให้ตาพัทธ์ไปตามดีมั้ยคุณหรือว่าเราจะไปกันเอง”
สิริยาใจร้อนกับการเงียบของลูกสาว ชยาพัทธ์กลับจากโรงพยาบาลดึกทุกวัน หล่อนไม่มีโอกาสได้คุยกับลูกบ่อยนักคิดว่าจะไม่บอกเรื่องชยาภรณ์แต่เก็บไว้ยิ่งทำให้หัวใจร้อนรุ่ม
“ใจเย็นๆ ก่อนคุณ รอตาพัทธ์กลับมาก่อน ปรึกษากันก่อน บางทียัยภรณ์อาจโทร.หาตาพัทธ์แล้วแต่ไม่โทร.หาเรา”
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะโทร.บอกตาพัทธ์กลับบ้านเร็วหน่อย ฉันใจร้อน”
สาวใหญ่ไม่รอความเห็นจากสามีว่าจะขัดความคิดของหล่อนอีกหรือไม่ กดโทรศัพท์โทร.ออก ครู่เดียวเสียงทุ้มของชายหนุ่มก็ดังมา
“ครับแม่ มีอะไรครับ”
“กลับบ้านเร็วหน่อยได้มั้ยลูก แม่มีเรื่องจะปรึกษาจ้ะ”
“ได้ครับ วันนี้ไม่ได้เข้าเวร อีกชั่วโมงผมก็จะกลับแล้วครับ”
“จ้ะ แม่จะรอ”
หล่อนมองสามี ยิ้มเนือย แม้ว่าลูกชายรับปากจะกลับบ้านเร็วแต่ก็ไม่ได้ทำให้หล่อนรู้สึกสบายใจสักนิด เหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้กังวล ความคิดถึงลูกสาวที่อยู่ไกลถึงเชียงใหม่กระตุ้นให้อยู่นิ่งไม่ได้
“คุณไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เดี๋ยวลูกกลับมาจะได้ทานข้าวพร้อมกัน”
“ฉันไม่อยากทำอะไรเลยค่ะ ฉันเป็นห่วงยัยภรณ์”
“ผมก็ห่วงลูกเหมือนกัน ทำใจให้สบาย ไปอาบน้ำนะครับ ผมก็จะอาบร้อนเหลือเกิน”
พัฒนาจูงมือภรรยาเดินขึ้นชั้นบน เข้าใจความรู้สึกของหล่อนดีว่าเป็นอย่างไร ชยาภรณ์เป็นลูกสาวคนเล็ก เรียนจบพยาบาลเข้าทำงานในโรงพยาบาลของรัฐเมื่อปีที่ผ่านมา ปีนี้เป็นปีที่สอง สำหรับการเป็นพยาบาลเต็มตัวของชยาภรณ์
โรงพยาบาลเล็กๆ อยู่ติดชายแดน สงบ ไม่พลุกพล่านเช่นในตัวเมืองแต่ความเจริญก็เข้าถึง สัญญาณอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือชัดเจน เครื่องอำนวยความสะดวกมีครบ ความเป็นอยู่ของหมอและพยาบาลในบ้านพักของแต่ละคนก็สบายไม่แพ้ในเมือง
ชยาภรณ์เลือกมาทำหน้าที่พยาบาลของหล่อนที่โรงพยาบาลม่านแพรเป็นความสมัครใจของหล่อนถึงจะอยู่ห่างจากตัวเมืองใหญ่ 200 กว่ากิโลเมตรแต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับหล่อน ความสงบเงียบและน้ำใจของผู้คนทำให้หล่อนทำงานอย่างสบายใจและสนุกกับงานโดยเฉพาะมีเพื่อนปากร้ายแต่ใจดีอย่างอารตียิ่งทำให้หล่อนมีความสุขกับชีวิตพยาบาลชายแดนมากทีเดียว
“ฉันดีใจที่มีแกเป็นเพื่อนร่วมห้องพักนะเป็นเพื่อนร่วมโรงพยาบาลเดียวกัน”
ชยาภรณ์เคยพูดกับอารตีขณะทานอาหารเย็นให้ห้องพักของพวกหล่อน อารตียิ้ม ดวงตากลมโตสุกใส ริมฝีปากสีชมพูแย้มน่ารัก
“จะมาซึ้งอะไรตอนนี้วะ รีบกินจะได้นอน เดี๋ยวแกต้องเข้าเวรดึกไม่ใช่เหรอ”
“เออใช่ งั้นกิน”
ชยาภรณ์ยิ้มกับคำของเพื่อนรักเพียงปีเดียวที่รู้จักกันและทำงานร่วมกัน ทั้งสองก็สนิทกันเหมือนกับเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
ความเป็นเพื่อนสนิทผ่านไป 1 ปี ชยาภรณ์เริ่มห่างจากอารตีแม้ว่าจะอยู่ห้องเดียวกัน อารตีไม่ต่อว่าเพื่อนที่ไม่มีเวลาให้เช่นเดิม ความรักทำให้เพื่อนเปลี่ยนไป อารตีคิดเช่นนั้น
“ถ้าฉันมีแฟน ฉันไม่ทิ้งเพื่อนเหมือนแกหรอกภรณ์ แกทำเหมือนไม่มีเพื่อนอย่างฉันอยู่กับแกงั้นแหละ”
อารตีเคยว่าเพื่อนแบบจิกเล็กๆ แต่ชยาภรณ์เถียงกลับว่า
“ฉันไม่ได้ลืมเพื่อนนะตี้ แกเป็นเพื่อนที่เข้าใจฉันมากที่สุด ฉันรักพี่หมอ อยากอยู่กับเขาตามลำพังบ้างแกเข้าใจฉันนะ”
“เออ เข้าใจ ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ เย็นนี้ไปกินข้าวกันอีกละสิ ที่ไหนล่ะ”
“ร้านป้าจีเหมือนเดิม ฉันกลับดึกนะแกไม่ต้องรอ นอนก่อนได้เลย กลับมาฉันจะเรียก”
“เออๆ ตามสบายเพื่อน”
อารตีหลับก่อนทุกครั้งที่ชยาภรณ์จะกลับหอพัก หมอนิรุทธ์นัดทานอาหารบ่อยขึ้น พาไปเที่ยววันหยุดมากขึ้น การกระทำของหมอหนุ่มอยู่ในสายตาของเพลินใจตลอด หล่อนคิดกำจัดชยาภรณ์เมื่อหมอรุทธ์ทำตัวห่างเหินจากหล่อนทั้งที่หล่อนเป็นภรรยาลับๆ ของเขามานานหลายเดือน