บทย่อ
คนเรามักเสียเวลาไปกับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สลักสำคัญกับชีวิต จมอยู่กับอดีตและความทุกข์ แล้วถ้าหากว่าพรุ่งนี้เราไม่มีโอกาสอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว สิ่งที่คุณอยากทำที่สุดในวันนี้คืออะไร บอกรักคนที่คุณควรบอกรัก แสดงความรักกับคนที่คุณละเลยทอดทิ้งหรือทำอะไรให้ตัวเองมีความสุขเพราะบางคนละเลยแม้แต่ตัวเอง...
1
“ถ้าแกยังไม่มีงานทำ ไปเที่ยวไร่องุ่นของเราก่อนสิ” นิตาเอ่ยชวนเพื่อนรักที่เรียนด้วยกันมาหลายปีจนตอนนี้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีเรียบร้อยแล้ว
“ไปได้เหรอ” ขวัญข้าวเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น ใบหน้าของพี่ชายเพื่อนนามว่านับเงินลอยมาอยู่ในห้วงความรู้สึก
“ไปได้สิ เราเองเรียนจบก็ต้องกลับไปช่วยงานพี่นับเหมือนกัน เผื่อที่ไร่มีงานให้ทำข้าวก็ทำงานกับเราเลย”
“จริงดิ เราเรียนจบก็ดีนะเรียนจบอยากมีงานทำเลย จะได้ส่งเสียคุณลุงกับคุณป้าด้วย” ลุงชวนกับป้าแก้วเป็นลุงกับป้าที่เลี้ยงขวัญข้าวมาตั้งแต่เด็กเพราะบิดามารดาของเธอเสียชีวิต เธอเองก็เรียนเก่งจึงได้ทุนมาเรียนในเมืองใหญ่ และได้เจอกับเพื่อนอย่างนิตาจนกลายเป็นเพื่อนรักกัน
นิตามีพี่ชายหนึ่งคนชื่อนับเงิน อิทธิพลเดโช วัยสามสิบหกที่ใจดีและน่ารัก เธอได้พบกับเขาตอนที่เขาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาหาน้องสาว ก่อนที่จะได้รู้ว่าเขาเป็นพี่ชายของเพื่อนอย่างนิตาเขาได้เคยช่วยเธอเอาไว้จากการถูกวิ่งราวกระเป๋าและเกือบโดนรถชนถึงสองครั้งสองครา เธอโทร. ไปเล่าให้เพื่อนรักฟังถึงพระเอกขี่ม้าขาวคนนั้น ถึงได้รู้ว่าคนคนนั้นคือพี่ชายของเพื่อน
“ข้าวปลื้มพี่นับไม่ใช่เหรอ” คนพูดล้อเลียนกระทบไหล่เพื่อนไปมาเบาๆ แล้วอมยิ้ม
“ก็พี่ชายของนับเป็นคนน่ารักนี่นา”
“ถ้าข้าวจะจีบพี่ชายเราและจะมาเป็นพี่สะใภ้เรา เราก็ยินดีมากๆ เลยนะ”
“บ้าเหรอจะให้เราไปจีบผู้ชายก่อนนี่นะ น่าอายจะตายไป”
“อายอะไรกัน เดี๋ยวนี้ผู้หญิงบอกรักผู้ชายก่อนไม่เห็นแปลก คนเรารักกันชอบกัน ก็บอกไปเลย จะมัวอมพะนำอยู่ทำไมกัน ตายไปบอกไม่ได้แล้วนะ”
“ถ้าบอกออกไปแล้วหน้าแตก จะทำยังไงล่ะ”
“อายครูบ่มีวิชา อายภรรยาบ่มีลูก”
“เกี่ยวอะไรกัน จะให้เราไปชวนพี่นับปั๊มลูกเหรอ”
“เปรียบเทียบเฉยๆ ว่าถ้าอายก็อดไง พี่ชายของเรายังโสดสนิทนะ ถ้าแต่งงานแล้วเราไม่เชียร์หรอก เชื่อสิ”
“เรารู้แล้ว แต่พี่นับอาจจะมีผู้หญิงที่แอบคบหาดูใจกันอยู่ก็ได้นะ แค่ไม่ได้บอกใคร”
“ไม่มีจริงๆ ถ้ามีพี่นับต้องบอกเราแล้วดิ๊ พูดไปพูดมาสรุปว่าจะไปเที่ยวไร่กับเราไหม”
“ไปก็ได้จ้ะ” คนรับคำยิ้มให้เพื่อนรัก นิตาดีใจจนออกนอกหน้าก่อนจะดึงมือเข้าห้องไปเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋าเพราะยังไงก็ต้องออกเดินทางกันเลยในวันพรุ่ง หลังจากคืนห้องให้เจ้าของตึกที่เช่าอยู่ด้วยกันมาตลอดระยะเวลาหลายปีเรียบร้อยแล้ว
“จะคืนห้องจริงๆ เหรอ” ขวัญข้าวถามอย่างไม่แน่ใจ
“ทำไมเหรอ” นิตาที่กำลังพับผ้าใส่กระเป๋าชะงักมือถามเพื่อนรัก
“เผื่อต้องกลับมาหางานทำในเมืองกรุง”
“มาหางานทำจริงๆ ก็ค่อยหาที่พักใหม่ก็ได้ จะเช่าให้เป็นภาระทำไม”
“ก็จริงนะ” ขวัญข้าวเออออกับเพื่อนรัก
“พรุ่งนี้ออกเดินทางกัน”
“ไปยังไงเหรอ รถทัวร์ เครื่องบิน หรือรถไฟ”
“พี่นับมารับจ้ะ” คนตอบยิ้มแฉ่ง
“จริงเหรอ” คนฟังถึงกับตาโต
“ก็จริงน่ะสิ พี่ชายบอกว่าจะมารับ มาช่วยขนของใช้ออกจากห้องให้ด้วย ไงคืนนี้ก็นอนให้หลับนะจ๊ะเพื่อนรัก อย่าเอาแต่คิดถึงพี่นับของตาล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาไม่สดชื่นหน้าตาเป็นหมีแพนด้าไม่รู้ด้วยนะ”
“อย่าล้อสิ พับผ้าต่อดีกว่า” คนขี้อายตีเพื่อนก่อนจะหันไปพับผ้าต่อ
เอาเข้าจริงๆ ในค่ำคืนนั้นขวัญข้าวนอนไม่หลับเอาเสียเลย เพราะมัวแต่คิดเรื่องที่จะได้เจอพี่ชายของเพื่อนรัก
นับเงินเดินทางมาถึงในช่วงเที่ยง มีคนขับรถอีกหนึ่งคนมาด้วยกันเพื่อช่วยกันขับรถ ซึ่งปกติแล้วเดินทางไกลแบบนี้ชายหนุ่มจะพาคนติดตามมาด้วยหนึ่งคนเผื่อเป็นอะไรระหว่างทางจะได้ช่วยกัน
“สวัสดีค่ะพี่นับ คิดถึงจังเลย” คนขี้อ้อนโผเข้ากอดพี่ชายก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวา ขวัญข้าวซึ่งเดินตามมามองสองพี่น้องยิ้มๆ นับเงินกับนิตาเป็นพี่น้องที่รักกันมากเรียกได้ว่าเป็นห่วงเป็นใยกันทุกอย่างจนเธอเคยนึกอิจฉาอยู่นิดๆ เพราะตัวเองเกิดมาไม่มีพี่น้อง จึงอยากมีพี่น้องกับใครเขาบ้าง เธอเคยเห็นเพื่อนรักคุยโทรศัพท์กับพี่ชายแล้วอดจะยิ้มตามเสียไม่ได้ สองพี่น้องไม่มีอะไรปิดบังกันเลย คุยกันได้แทบจะทุกเรื่อง มันดีเหลือเกินที่เรามีใครสักคนที่สามารถเล่าความทุกข์ความสุขให้ฟังได้โดยที่ไม่ต้องกังวลอะไรเพราะคนคนนั้นเป็นคนที่ไว้ใจได้