บท
ตั้งค่า

บทที่2 Your Name

“พี่ลีคะ พี่ลี” เสียงเรียกพร้อมแรงกระตุกที่ชายเสื้อทำให้วราลีหลุดจากภวังค์ความคิด

“ว่าไงเหรอจ้ะ” เธอหันไปมองลูกจ้างด้วยดวงตาเหม่อลอย

เด็กสาวตรงหน้าชี้ถ้วยที่อยู่หน้าหญิงสาว “หนูว่าพี่ลีน่าจะใส่นมเยอะไปแล้วนะคะ”

วราลีรีบยกกระป๋องนมขึ้นพร้อมถอยหลังออกมาอย่างตกใจ “ว้าย ตายแล้ว” ทำให้เจ้าตัวเผลอถอยไปชนถังขยะล้มระเนระนาด แถมมือยังเผลอไปปัดแก้วกาแฟที่ชงค้างไว้หก เป็นเหตุให้มือโดนน้ำร้อนจากในแก้วลวกเอาอีก ร้อนถึงคนข้างๆต้องเข้ามาช่วย

“พี่ลีไปพักเถอะค่ะ วันนี้พี่ลีดูแปลกๆนะ เมื่อเช้าก็เผลอตีวิปครีมนานจนแตกตัว แถมตั้งเวลาคุกกี้นานเกินไปอีก มีไข้รึเปล่าคะเนี่ย หนูว่าทิ้งของไว้นี่แล้วไปใส่ยาเถอะค่ะ เดี๋ยวที่เหลือหนูดูเอง” เด็กในร้านสั่งเสร็จสรรพขณะดันหลังเจ้าของร้านให้ออกมาจากเคาน์เตอร์

วราลีพาร่างของตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น ยิ่งเงยหน้ามองตัวเองในกระจก กลับพบเพียงหญิงสาวหน้าตาซีดเซียวมองกลับมา

เพราะการได้เจอเขาอีกครั้งแท้ๆ ทำให้เธอถึงกับช็อกไปเลย ยิ่งชายหนุ่มเดินมาส่งที่บ้านเหมือนทุกครั้ง ยิ่งย้ำเตือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

เคยเฝ้าถามตัวเองตลอดมา

อยากให้เขากลับมาไหม?

คำตอบที่ได้ไม่เคยเปลี่ยน... อยาก อยากมาก

เธอคิดถึง...เฝ้าคิดคำนึงถึงเขาตลอดมา

อยากเจอวินมากจริงๆ

แต่ต้องไม่ใช่การเจอกันแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเหมือนเช้านี้ เพราะนั่นทำให้สมองน้อยๆของเธอถึงกับเพี้ยนไปทีเดียว เรื่องราวในอดีตย้อนกลับมาราวกับระลอกคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง ครั้งแล้ว.... ครั้งเล่า

หลังจากจัดการกับแผลของตัวเองเรียบร้อยแล้วเจ้าตัวก็นั่งไม่ติด นึกอยากจะคุยกับใครสักคน สักคนที่จะสามารถให้คำตอบได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ใบหน้าขาวเด่นของวินลอยขึ้นมาในห้วงคำนึง แต่เธอก็พยายามสะบัดศีรษะ

ถามคนอย่างวินเนี่ยนะ ถามแทบตายก็ไม่ได้คำตอบ จะพูดเกินสิบคำยังยากเลย แล้วอีกอย่าง เธอก็ไม่รู้จริงๆว่าจะเริ่มถามยังไง จะให้ถามว่า

‘ทำไมวินถึงทิ้งลีไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ’ ก็กลัวเขาจะถามกลับว่า

‘แล้วเราเป็นอะไรกัน’

‘เพื่อนไง อย่างน้อยลีก็คิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน’

‘แล้วมันจำเป็นที่ต้องบอกทุกเรื่องให้เพื่อนรู้ด้วยหรือ’

‘ก็ไม่ใช่ แต่ๆ อย่างน้อยสำหรับเรื่องสำคัญ’

‘กับคนไม่สำคัญน่ะนะ’

เฮ้อ...แค่คิดถึงประโยคถามตอบที่เกิดขึ้นก็ใจฝ่อแล้ว

วินเป็นคนพูดน้อย

แถมพูดตรงอีกต่างหาก ชายหนุ่มเคยไว้หน้าใครที่ไหนแม้แต่รุ่นพี่ แล้วตัวเธอเป็นใคร เป็นอะไรสำหรับเขาก็ไม่รู้ ขืนเดินดุ่มๆเข้าไปถาม ได้โดนตอกหน้าหงายกลับมากันพอดี

คนฟุ้งซ่านได้แต่เดินกลับไปกลับมาก่อนจะมาหยุดอยู่ด้านข้างของร้าน

พอดีกับที่เห็นวินเปิดประตูเข้ามา

สงสัยจะมัวแต่คิดเรื่องเขาจนเห็นภาพหลอนไปแล้ว วราลียืนตัวแข็งทื่อมองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะยกมือขึ้นหยิกแขนตัวเอง

“โอ้ย...” หญิงสาวหลุดอุทานพลางลูบแขนปอยๆ สังเกตเห็นเขานิ่วหน้าเล็กน้อย ก่อนเดินเข้ามาหา

“ขอชามะนาว กับเค้กชิ้นนึง ลีเลือกให้แล้วกัน” พูดจบเขาก็เดินออกไปหาที่นั่งมุมหนึ่ง จากนั้นก็หยิบไอแพดขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วเสียบหูฟัง หลุดเข้าไปอยู่ในโลกของตัวเองโดยไม่ได้สนใจเสียนิด ว่าทำให้แขกสาวๆในร้านของเธอฮือฮาสักแค่ไหน

วราลีได้แต่อึ้งอยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้สติแล้วรีบเดินไปหลังเคาน์เตอร์ทันที

“ใครอ่ะคะพี่ลี หล้อหล่อ หุ่นก็ดี๊ดี สู้งสูง”

อ้า...อีกคนแล้วสิ ที่หลงเสน่ห์เขา

วราลีหันไปมองลูกจ้างอย่างอ่อนใจ ก่อนจะหลุดหัวเราะขึ้นมา แบบนี้ประจำ ตั้งแต่สมัยนู้นยันสมัยนี้ แค่เขาเดินผ่าน ก็สามารถเกี่ยวหัวใจสาวๆมาได้อย่างง่ายดาย

“เพื่อนน่ะจ้ะ”

“เอ๋...จริงหรือคะ ไม่เคยเห็นเลย”

“อืม เขาเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นน่ะ”

คนข้างๆยังมิวายเพ้อต่อ “หุ่นยังกะนักกีฬาเลยนะคะ”

“จ้ะ ก็เขาเป็นนักบาสเกตบอลนี่นา”

“ว้าว เท่จัง”

“จ้า พี่รู้แล้ว ว่าแต่เราน่ะ มัวแต่ยืนเพ้ออยู่นั่นแหละ ช่วยไปตักเค้ก...เอ่อ” วราลีชะงักเล็กน้อยก่อนจะหวนนึกถึงความหลัง “เค้กกล้วยหอมแล้วกันจ้ะ”

เมื่อได้ชามะนาวกับเค้กในจานแล้ว วราลีจึงนำไปวางให้เขาด้วยตัวเอง เพราะเห็นท่าลูกจ้างแล้ว น่าจะมือไม้อ่อนจนเผลอทำจานร่วง

หญิงสาวเหลือบเห็นหน้าจอเขา ก่อนรอยยิ้มจางๆจะระบายบนหน้า เขากำลังดูการแข่งขัน NBA

ไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ

ผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ยังเหมือนเดิม เรื่องบาสเกตบอลต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ หญิงสาวปล่อยให้เขาได้มีสมาธิอยู่เงียบๆ แล้วค่อยปลีกตัวออกมา

ผ่านไปพักใหญ่ วราลีจึงหยิบมือถือที่สั่นประท้วงอยู่ในกระเป๋าออกมา “ลีพูดค่ะ” เมื่อเห็นชื่อที่หน้าจอแล้ว ก็กรอกเสียงไปตามปกติ

เสียงร้อนรนของคนปลายสายตอบกลับมา “ไอ้วินอยู่ที่ร้านไหม”

“อยู่ค่ะ”

“เฮ้อ ว่าแล้วว่าต้องไปหาลี”

แม้จะเป็นประโยคง่ายๆ แต่กลับทำให้หัวใจของหล่อนกระตุกวูบ

“จะคุยกับวินไหมต้น”

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวจะบึ่งไปหามันเอง อยู่ที่ร้านใช่ไหมลี”

“ใช่จ้ะ”

“กักตัวมันไว้ให้ผมสักชั่วโมงนะ อย่าเพิ่งให้มันหนีไปไหน”

เธอเองก็กลัวว่า ไอ้การกักตัวไว้นี่แหละ ถ้าเขาจะไป ใครจะห้ามได้ ดูอย่างตอนไปญี่ปุ่นนั่นปะไร “ต้นไม่โทรหาวินล่ะ”

“โห...ถ้ามันรับก็ประเสริฐแล้ว มือถือมันมีไว้ขว้างหัวหมาอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ลีถ่วงเวลารอแป๊ปนะ เราจะรีบไป”

“จะพยายามนะ...” แต่เหมือนว่าปลายสายจะไม่รอฟังจนจบ

เฮ้อ...พอเขากลับมา ชีวิตที่คล้ายจะราบเรียบของเธอก็เหมือนจะถูกแต่งแต้มสีสันอีกครั้ง

วราลีเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเกือบบ่ายโมงแล้ว ใจหญิงสาวเต้นไม่เป็นระส่ำ เพราะอีกเดี๋ยวจะต้องได้ยินเสียงใสๆของเพื่อนสนิทเป็นแน่ ตอนนี้ผึ้งได้งานเป็นผู้ประกาศข่าวช่วงค่ำ ดังนั้นยัยตัวเล็กจึงมักจะแวะมานั่งอ่านข่าว ใช้อินเตอร์เน็ตที่ร้าน อ่านนู้นนี่เพื่อเตรียมตัว หญิงสาวยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าผึ้งเดินเข้ามาเห็นคนที่นั่งหัวโด่อยู่ในร้าน อาการจะเป็นเช่นไร

แต่เหมือนปากพระร่วง แค่คิดถึงเพื่อนสาวก็ลอยเข้ามา

ปยุดายิ้มร่าเดินตรงดิ่งเข้ามาหาเจ้าของร้านคนสวยทันที “ขอเหมือนเดิมนะจ้ะ”

“ได้ค่ะ” คนข้างๆรับคำเพื่อนซี้เจ้านายอย่างรู้กัน

วราลีจึงพยายามชวนคนตรงหน้าคุย หวังเหลือเกินว่าจะพอมีเวลาเตรียมตัวที่จะเกริ่น “วันนี้มีข่าวอะไรน่าสนใจบ้างไหมจ้ะ”

“หลายอย่าง เอาตั้งแต่โจรปล้นร้านทอง ดาราคู่ขวัญเพิ่งประกาศว่าคบกัน ภาพหลุดปริศนาหน้าเหมือนดารา ราคาหุ้นตก นักบอลย้ายทีม แล้วก็...”

“พอแล้วจ้ะ” คนเป็นเพื่อนรีบยกมือห้าม ก่อนจะเอ่ยต่อ ”เอ่อ...ผึ้ง วันนี้....”

“วันนี้อะไรเหรอ”

“วันนี้มีเพื่อนพี่ลีมาค่ะ หล้อหล่อ นั่งอยู่ตรงมุมโน้น”

จบกัน!!! วราลียกมือขึ้นกุมหน้าผากขณะที่เพื่อนรักหันไปมอง เฮ้อ...แต่ก็ดีเหมือนกัน เธอเองก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง

“เฮ้ย...นั่นวิน ใช่ไหม” อาการของคนตรงหน้าคล้ายช็อกไปเลย ไม่ต่างจากอาการของตัวเธอเมื่อเช้าสักนิด

“อืมใช่”

“วิน วิน วิน แล้ววินมาอยู่นี่ได้ไงอ่ะ กลับมาจากญี่ปุ่นแล้วเหรอ แล้วกลับมาทำไมอ่ะ” แม้จะโดนคนตัวเล็กรัวคำถามใส่ แต่วราลีก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

“โอ้ยลีนี่ ไม่ได้ดั่งใจเลย ถามอะไรไม่รู้สักอย่าง เดี๋ยวผึ้งเข้าไปถามเองก็ได้”

วราลียิ้มน้อยๆ อย่างรู้ทัน “เอาสิจ้ะ”

“โอ้ย ลีนี่” ผึ้งตีเข้าให้ที่แขนเพื่อนรักหนึ่งที โทษฐานที่รู้ใจกันเกินไปแล้ว

วราลียอมตามใจเพื่อนรักพามานั่งโต๊ะใกล้ๆชายหนุ่ม ก่อนจะพยายามปลีกตัว แต่ไม่สำเร็จ จึงต้องยอมนั่งจุ้มปุ๊กอยู่เป็นเพื่อนเลยได้มีโอกาสสำรวจคนใกล้ๆ

ผิวขาวของเค้าดูโดดเด่นกว่าคนอื่น ยิ่งเมื่อไปอยู่เมืองหนาวมานาน ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าเขาขาวขึ้น โครงหน้ายังคงเข้มเหมือนเดิม ดูมีแก้มมากขึ้น ไม่ได้ดูผอมแห้งเหมือนตอนเป็นเด็กหนุ่ม

“ลี ลี”

วราลีรีบยิ้มกลบเกลื่อนกลัวว่าจะถูกจะจับได้ “เอ่อ ว่าไงนะ”

“ฉันถามว่า วันนี้ตานั่นมากวนรึเปล่า”

“ตานั่นไหน”

“โอ้ย ก็ตานั่นน่ะ” พูดยังไม่ทันขาดคำประตูร้านก็เปิดออกพร้อมร่างสูงที่เดินตรงมาหาสองสาวอย่างคุ้นเคย

“พี่เก่ง”

“เอ่อ ตานั่นน่ะแหละ”

“ทำไมเหรอจ้ะผึ้ง” เสียงทุ้มกระซิบใกล้ๆหู

“ว้าย” คนตัวเล็กตกใจราวกับเห็นผีเมื่อจู่ๆคนที่กำลังพูดถึงก็โผล่มาหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ

“แสดงว่ากำลังนินทาอยู่ใช่ไหม”

“ปล๊าว ใครจะพูดถึงตัว คนเค้ากำลังคุยกันเรื่องวินอยู่ต่างหาก เนอะลีเนอะ”

ชายหนุ่มถามอย่างสงสัยก่อนจะหันไปตามทางที่คนตัวเล็กชี้ “วินไหนเหรอ”

“ก็วินนั่นไง” ผึ้งพูดพลางยิ้มอย่างเป็นต่อ

พอได้เห็นคนร่างสูงผิวเข้มทางท่าอารมณ์ดีคนนี้ ก็ทำให้วราลีหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่นำพาผู้ชายใจดีคนนี้เข้ามาในชีวิตเธอ

หลังจากเริ่มเรียนได้เกือบหนึ่งเดือน ทางโรงเรียนก็ได้มีการจัดกิจกรรม พี่รหัส ขึ้นมา โดยน้องใหม่จะต้องทำการจับฉลากเลือกพี่ม.5 ที่เรียนสายเดียวกันเป็นพี่รหัส เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์

นอกจากนี้ พี่ ยังสามารถช่วย น้อง ได้ในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกิจกรรม ชมรม ติวหนังสือ รวมถึงแนะแนวการเรียนต่อ โดยกิจกรรมจัดขึ้นในบ่ายวันศุกร์ รุ่นน้องทุกคนจะเข้าร่วมกิจกรรมสนุกๆที่รุ่นพี่จัดไว้ให้

ปิดท้ายด้วยการล้วงถังน้ำแข็ง หยิบรายชื่อของพี่ขึ้นมาหนึ่งคน

วราลียังจำความรู้สึกตอนนั้นได้เป็นอย่างดี ด้วยความไม่รู้ ทำให้ล้วงมือเข้าไปในถังเต็มที่ ความเย็นแวบแรกที่สัมผัสทำให้รีบชักมือหนี รุ่นพี่ที่อยู่รอบๆ ต่างพากันหัวเราะ หญิงสาวรีบก้มหน้างุดด้วยความอาย จากนั้นจึงรีบๆล้วงลงไปหยิบไข่ขึ้นมาหนึ่งใบ แล้วจึงส่งให้พี่ที่ยืนอยู่ข้างๆช่วยเปิด

พี่ผู้ชายคนที่หัวเราะเยาะเมื่อตะกี้ก็ทำท่าประหลาดใจ

เขาเป็นชายหนุ่มผิวสีแทนตัวสูงที่เริ่มต้นระเบิดเสียงหัวเราะคนแรก “อ้าว น้องรหัสพี่หรอกเหรอ เฮอะๆๆ” เขาสูงจนหญิงสาวต้องแหงนหน้ามอง

“เอ่อ ค่ะ สวัสดีค่ะ ชื่อวราลี ชื่อเล่นว่า ลี อยู่ชั้นม.4/10 ค่ะ” หญิงสาวรายงานตัวสั้นๆขณะเดินเบี่ยงออกมาให้เพื่อนคนอื่นเดินเข้าไปจับฉลากต่อ

“เรียกพี่ว่า พี่เก่งก็แล้วกัน อยู่ม.5/11 ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ” เขาว่าพลางก้มหัวให้ วราลีเลยต้องรีบก้มตาม

“เช่นกันค่ะ”

“เอางี้ เรามีมือถือไหม มาแลกเบอร์กันดีกว่า” เขาถามพร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดี

ขณะที่วราลียังทำท่างงๆ อยู่ จนชายหนุ่มหลุดขำแล้วย้ำต่อ “เบอร์มือถือน่ะ เอามาแลกกัน เวลาเรามีเรื่องอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอด ทุกเรื่องเลยนะ ยกเว้น....”

เขาหยุดพูดพลางทำสีหน้าจริงจังจนหรุ่นน้องตั้งหน้าตั้งตารอฟัง “ยื้มตังค์”

สองคำที่ทำเอาคนฟังอึ้งไปนานกว่าจะตอบออกไปได้ “เอ่อ...ค่ะ” และสังเกตเห็นเขายังคงหัวเราะในความเปิ่นของเธอต่อ วราลีเลยรีบล้วงหามือถือก่อนที่จะโดนซ้ำเติมไปมากกว่านี้

“ลีๆ” ส้มที่เดินเข้ามาโอบไหล่พลางชะโงกหน้าเข้ามาหา ในขณะที่ผึ้งเดินตามหลังคนตัวสูงมา “ได้พี่รหัสยัง”

“ได้แล้ว นี่ไง พี่เก่ง” วราลีหันไปแนะนำพี่รหัสให้เพื่อนๆทั้งสอง “นี่ส้ม แล้วก็ผึ้ง เพื่อนของ.....”

“เฮ้ย...”เสียงผึ้งดังขึ้นมาทันทีที่เงยหน้ามาเจอพี่เก่ง

สองหนุ่มสาวชี้หน้ากันพร้อมกับเอ่ย “ยัยตัวเล็ก / นายตัวโย่ง” ‘สมญานาม’ ของอีกฝ่าย ราวกับรู้จักกันมาก่อน

“เอ่อ...” คนกลางได้แต่ทำหน้างงเมื่อเห็นผึ้งเชิดใส่พี่รหัสของเธอเสียอย่างนั้น

ผึ้งเป็นฝ่ายเริ่มเปิดประเด็นก่อนทันที “ซวยจริงๆเลยลี ได้พี่รหัสอย่างนี้”

แต่มีหรือที่ชายหนุ่มท่าทางอารมณ์ดีตรงหน้าจะยอม “พี่ว่าน้องลีหาเพื่อนใหม่เถอะครับ”

“นี่นาย พูดงี้หาเรื่องกันรึไง”

“เธอหาเรื่องพี่ก่อนนะ”

“ใครเป็นน้องนาย”

“เอ่อ...ลีว่า เดี๋ยวลีจดเบอร์มือถือแล้วเอามาให้พี่เก่งวันหลังดีกว่านะคะ” วราลีรีบแทรกขึ้นมาก่อนที่สงครามจะบานปลายไปมากกว่านี้

“เบอร์อะไรยัยลี นี่อย่าบอกนะว่านายตัวโย่งขี้หลีคนนี้ขอเบอร์โทร อย่าไปให้เบอร์ใครมั่วๆอย่างนี้สิลี เดี๋ยวนี้พวกโรคจิตมันมีเยอะนะ รู้ไหม”

“โอ้ย ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะยัยตัวเล็ก พี่ขอเบอร์น้องลี ไม่ได้ขอเบอร์เรา แล้วอย่างเรานะ พี่ว่าชาตินี้ก็ไม่มีใครเขามาขอเบอร์หรอก”

“นี่นาย...”

วราลีรีบยกมือไหว้ลาพี่รหัสพร้อมพยักหน้าให้ส้มราวกับรู้กัน “เดี๋ยวเจอกันวันจันทร์นะคะ สวัสดีค่ะ” จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันลากแขนคนตัวเล็กที่ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงดิ้นขัดขืนมาจากไหนหนักหนา พากันหนีออกมาจากที่เกิดเหตุไปหลบอยู่ศาลานั่งเล่นหลังหนึ่งข้างโรงยิม

วราลีเริ่มเปิดประเด็นทันทีเมื่อหย่อนตัวลงนั่ง “อะไรกันผึ้ง จู่ๆก็ไปว่าพี่เค้าแบบนั้น ปกติผึ้งไม่เป็นแบบนี้นี่นา”

“แล้วไปรู้จักพี่เค้าได้ยังไงล่ะ” ส้มเอ่ยถามทันทีหลังจากเงียบดูสถาณการณ์มานาน

“โอ้ย ก็ไม่อยากรู้จักหรอก แต่ไม่รู้มันซวยอะไร ทำไมนายนั่นต้องมามีรั้วบ้านติดกับเราด้วยก็ไม่รู้”

“อ้อ หนุ่มข้างบ้าน เหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นเลย ว่าไหมลี”

“อย่าๆ อย่าพูดอย่างนี้ให้เราได้ยินอีกแม้แต่ครั้งเดียวเลยนะส้ม แค่ฟังก็ขนลุกแล้ว” ผึ้งว่าพลางยกแขนขึ้นมาโอบ ตัวสั่นงันงก

“แต่ลีว่าเหมือนจริงๆนะ พี่วีเคยให้อ่านนิยายเรื่องนึง คล้ายแบบนี้เลย พระเอกกับนางเอกบ้านอยู่ติดกัน แล้วก็ชอบทะเลาะกัน แต่สุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน”

“ม่ายยยย ไม่มีทาง มันจะไม่มีวันเป็นเช่นนั้น...เด็ดขาด” ผึ้งว่าพลางส่ายหน้าไปมาจนหางม้าสะบัด

ส้มกับลีหันมายิ้มพร้อมพยักหน้าให้กันอย่างน่าหมั่นไส้ “แล้วเราจะคอยดู เนอะลีเนอะ” คนโดนแกล้งเลยส่งค้อนวงใหญ่ แถมยังสะบัดหน้าหนี

“เอ๊ะ...นั่นวินนี่นา” ผึ้งว่าพลางชี้ไปบริเวณข้างโรงยิม สองสาวที่เหลือจึงหันไปมองตาม

ร่างสูงของเขายังโดดเด่นในชุดนักนักบาสฯ วราลีก้มลงมองนาฬิกาก็พบว่าเกือบสี่โมงเย็นแล้ว นี่แสดงว่าเขาจับพี่รหัสเสร็จก็เผ่นออกมาซ้อมบาสฯเลยล่ะสิ ผู้ชายคนนี้นี่ชอบบาสเกตบอลเสียจริง

ปกติวินมักจะเดินอยู่คนเดียวเสมอ ไม่รู้เพราะไม่มีใครคบหรือไม่คบใครกันแน่ แต่วันนี้นั้นต่างออกไปเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังยืนอยู่กับหญิงสาวสองคน และดูเหมือนว่าคนหนึ่งกำลังอายสุดๆขณะยื่นถุงใบหนึ่งให้เขา วินรับของมาถือจากนั้นก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในโรงยิมทันที

“เย็นชาจริงๆ” ส้มว่าหลังจากที่เห็นผู้หญิงสองคนนั้นเดินจากไปแล้ว

“อะไรกัน จู่ๆก็มาว่าวินของเค้า” ผึ้งยังมิวายทุกข์ร้อนแทน

“อ้าว ก็พูดจริงนี่นา นายนั่นน่ะ รับของจากทุกคนด้วยคำว่า ‘อืม’ ไม่มีขอบอกขอบใจหรอกนะ” สาวห้าวบรรยายไปเรื่อยๆโดยไม่รู้เลยว่าไปแทงใจดำของใครบางคนเข้า

ถึงแม้จะรู้ดี แต่วราลีก็ยังรู้สึกแปลบๆที่อก

“ไม่ดีเหรอ นี่แสดงว่าวินไม่ได้ให้ความหวังกับใครไง เท่ดีออก”

“เหรอจ้ะ ทีเป็นคนหล่อล่ะ อะไรก็ดีไปหมด เอ๋...แต่เราว่า พี่เก่งก็หล่อนะ เห็นมีแฟนคลับตามไปเชียร์ด้วย หล่อแบบเข้มๆ”

“เข้มที่ไหน ดำล่ะสิไม่ว่า อย่างนายนั่นน่ะต้องเรียกว่า ดำปิ๊ดปี๋ ถึงจะถูก”

“กัดเขาเข้าไปเถอะ เดี๋ยวจะคอยดูนะ ไม่เกินสิบปี ได้จูงมือเข้าประตูวิวาห์แน่ๆ ว่าไหมลี...ลี”

“เอ้อ...อะไรนะ”

“โอ้ย ยัยลี จะใจลอยไปถึงไหนเนี่ย”

“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวเราขอตัวไปชมรมก่อนนะ”

เพื่อนทั้งสองหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย แล้วต่างคนต่างส่ายหน้าอย่างจนใจ แต่ก็ยังพยายามฉุดแม่ครัวมือหนึ่งประจำกลุ่มไว้ “วันนี้ทำขนมอะไรอ่ะ”

วราลีรีบตอบอย่างรู้ทัน “เค้กมะพร้าวจ้ะ เสียใจด้วยนะ คงเก็บไว้จนถึงวันจันทร์ไม่ได้ เพราะมะพร้าวอ่อนบูดง่าย” ก่อนจะพยายามปลอบใจสองสาว “เอาไว้คราวหน้านะ”

เย็นวันศุกร์มักจะเป็นวันที่หญิงสาวอยู่โยงช่วงเย็นเป็นคนสุดท้ายของชมรม เนื่องจากมีเวรทำความสะอาดและตรวจเช็คของกับสาวิตรี เพื่อนนักเรียนชั้นเดียวกันที่เรียนอยู่คนละห้อง แต่เพราะบ้านสาวิตรีอยู่ไกล วราลีเลยมักจะคะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายกลับก่อน

ใช่ว่าเด็กสาวจะเป็นคนดีขนาดยอมทำงานแทนคนอื่นตลอดเวลา แต่เพราะรู้สึกสงสารเพื่อนด้วยกัน อีกฝ่ายนั้นบ้านอยู่ไกลจากโรงเรียนมาก กว่าจะฝ่ารถติดในเย็นวันศุกร์ไปถึงบ้านได้ก็คงใช้เวลาหลายชั่วโมง เธอจึงยอมให้อีกฝ่ายช่วยเรื่องอื่นแทน ส่วนตัวเองนั่งรถเมล์ไม่กี่ป้ายก็ถึงบ้านแล้ว

เมื่อเดินลงมาจากตึกคหกรรมก็พอดีกับที่เขาเดินออกมาจากโรงยิม ร่างสูงก้าวช้าๆทว่ามั่นคง เสียงฝีเท้าของเขาสะท้อนก้องริมทางเดินที่ไร้ผู้คน วราลีหันไปมองเขาเพียงครู่แล้วจึงออกเดินนำ ทุกอย่างยังคงเหมือนเมื่อเปิดเรียนวันแรก มีเธอเดินนำ ขณะเขาก้าวตามมาห่างๆ ยืนรอรถเมล์เคียงคู่ เอียงคอหลับขณะโหนราวจับ มองผ่านแถวยาวเหยียดที่รอมอเตอร์ไซค์วินหน้าหมู่บ้าน เดินเยื้องกันโดยยังคงรักษาระยะห่างและสงวนคำพูด จวบจนเลี้ยวเข้าซอยบ้านแล้ว ชายหนุ่มจึงหันหลังกลับ

“เดี๋ยวค่ะ...วันนี้เป็นเค้กมะพร้าวอ่อนนะ ขอบคุณ”

และทุกครั้งก็จะจบลงด้วยการที่เธอวิ่งกลับไปส่งขนมให้เขา

กฏเหล็กประจำบ้านคือ ทุกคนต้องตื่นมาทานข้าวเช้าอย่างพร้อมหน้า เนื่องจากตอนเย็นนั้นแต่ละคนมีกิจธุระอันแสนจะยุ่งเหยิง บางทีทั้งพ่อและแม่จะต้องอยู่ทำงานต่อจนดึก ขณะที่ลูกสาวคนโตมีกิจกรรมรับน้องของมหาวิทยาลัย ส่วนลูกสาวคนเล็กก็มักจะติดกิจกรรมของชมรมคหกรรมอยู่เสมอ แต่เพื่อให้ทุกคนได้มีเวลาพูดคุยกันวันละครั้ง บอสใหญ่หรือมารดาจึงออกกฏเหล็กข้อนี้ เช้านี้ก็ยังคงเป็นเช้าที่สงบสุขเช่นเดิม ถ้าไม่นับว่าจู่ๆหัวหน้าครอบครัว (ในนาม) ก็โพล่งขึ้นมากลางโต๊ะอาหาร

“วันนี้เดี๋ยวรอพ่อด้วยนะ พ่อว่าจะออกไปเดินยืดเส้นยืดสายด้วยซะหน่อย” น้องเล็กของบ้านได้แต่เงยหน้ามองบิดาอ้ำๆอึ้งๆ

รวีวรว่า “อะไรคะ พ่อจะลดพุงเหรอ” พลางทำหน้าตาล้อเลียน

“เปล๊า พ่อยังไม่มีพุงเสียหน่อย ยังฟิตปั๋งอยู่เลยใช่ไหมจ้ะแม่”

“เอ้...แต่แม่ว่า หมู่นี้พ่อก็เริ่มอ้วนขึ้นจริงๆนะเนี่ย”

“เห็นไหมล่ะคะ วีพูดผิดที่ไหน”

เมื่อโดนรุมเร้า คนที่ไม่คิดว่าตัวเองอ้วนก็เริ่มทำหน้าตาวิตกกังวลพลางก้มสำรวจตัวเอง “จริงเหรอ”

เห็นหน้าตาเหลอหลานั้นแล้ว คนในบ้านพากันหัวเราะ “นี่รวมหัวกันแกล้งพ่อเหรอ แสบจริงๆ ทั้งแม่ทั้งลูกเลย ว่าแต่ ลีจะออกไปวาดรูปกี่โมงลูก”

“ก็...ยังไม่รู้เลยค่ะ” วราลีจำใจต้องโกหกพร้อมแอบซ่อนมือที่กำลังเอานิ้วไขว้กันไว้ด้านหลัง

“แล้วพ่อจะไปกวนยัยลีวาดรูปทำไมล่ะคะ เดี๋ยวก็ไปชวนลูกคุยจนยัยลีไม่มีสมาธิวาดภาพกันพอดี”

“แม่ก็ เห็นพ่อเป็นคนช่างพูดไปได้”

ลูกสาวคนโตจึงรีบแก้ต่างให้ “พ่อไม่ใช่คนพูดมากนะคะ”

คนเป็นพ่อรีบหันมาลูบหัวอย่างเอ็นดู “ใช่แล้วจ้ะ วีของพ่อนี่รู้จักพ่อจริงๆ”

แต่รวีวรกลับหันไปพูดกับทุกคน “พ่อแค่พูดเป็นต่อยหอยเท่านั้นเอง” จบประโยค เสียงหัวเราะประสานของสองสาวที่เหลือในบ้านก็ดังขึ้นพร้อมกัน จนคนเป็นพ่องอนแล้วงอนอีก

“โอ๋ๆ ไม่เอานะไม่ร้อง เดี๋ยวแม่พาไปนวดคลายเครียดดีไหม เห็นช่วงนี้พ่อบ่นปวดเมื่อยบ่อยๆ ไปให้หมอนวดเค้าจับเส้นหน่อยน่าจะดี”

“วีก็ว่ายังงั้นแหละค่ะ ช่วงนี้คุณพ่อกลับดึกทุกวันเลย มีเวลาพักผ่อนทั้งทีก็ไปผ่อนคลายเถอะค่ะ อย่าไปตามยัยลีเลย น่าเบื่อจะตาย เดี๋ยววันนี้วีทำความสะอาดบ้านให้เองค่ะ”

“ขอบใจมากนะจ้ะ ลูกสาวคนสวยของแม่” มารดาว่าแล้วก็หันไปง้อสามี ขณะที่รวีวรหันมายักคิ้วให้น้องสาวคล้ายจะรู้ทัน

วราลีเดินออกมาถึงสนามบาสเกตบอลเมื่อเกือบจะแปดโมงแล้ว หญิงสาวหยิบหนังสือภาษาญี่ปุ่นขึ้นมาอ่านแทนที่จะวาดรูป วันนี้มีแผนจะออกไปซื้อของต่อจึงไม่อยากจะแบกอุปกรณ์พะรุงพะรังตามไปด้วย

กิจกรรมโปรดของเธอคือการนั่งทำงานอะไรสักอย่างขณะที่เฝ้าดูวินเล่นบาสเกตบอล เพราะเขามักจะทำให้ตัวเธอรู้สึกกระตือรือร้นและพร้อมที่จะทุ่มเททำอะไรอย่างสุดกำลังเสมอ

เสียงลูกบอลที่กระทบพื้นยังคงดังแว่วมาเป็นระยะ จากนั้นจึงค่อยๆเบาเสียงลง จนสุดท้าย หญิงสาวก็จ่อมจมไปกับตัวหนังสือจนไม่ได้สนใจว่าคนตรงหน้าปลีกตัวเข้าไปอาบน้ำในยิมของหมู่บ้านนานแล้ว จวบจนเขามายืนอยู่ตรงหน้านั่นแหละถึงได้รู้ตัว

หญิงสาวเห็นเขายืนอยู่เฉยๆก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นคุยไหม “เอ่อ...”

“แดดแรงแล้ว”

“อ้อ...ค่ะ เดี๋ยวลี เอ่อ...เรา ก็กำลังจะไปแล้ว”

“ชื่อลีเหรอ”

“อื้ม”

เขาว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ “เรียกว่า วิน ก็ได้” จากนั้นก็ยกลูกบาสเกตบอลขึ้นมาหมุน ใช้แค่นิ้วชี้นิ้วเดียวเป็นฐานรองรับลูกบอลทั้งลูก วราลีมองการกระทำนั้นอย่างสนใจ พอจับลูกกลมๆสีส้มๆนี้ทีไร ผู้ชายคนนี้มักจะมีเสน่ห์ขึ้นมาทันที

“เอ่อ...งั้น เรียกเราว่าลีนะ เอิ่ม งั้นเราไปก่อนนะ ว่าจะไปซื้อของต่อ” เธอส่งยิ้มน้อยๆให้เขาพลางเก็บหนังสือใส่กระเป๋าแล้วลุกขึ้น

“ไปสิ” ชายหนุ่มว่าแล้วลุกเดินตาม วราลีหันไปมองเขาเพียงแวบ เมื่อเห็นเขายังเดินตามมาอยู่ จึงรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่า วินจะไปด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel