บท
ตั้งค่า

บทที่3 ผู้ชายสายเปย์

รถเมล์ในเช้าวันเสาร์ค่อนข้างโล่ง ทั้งสองจึงได้ที่นั่งข้างกัน แม้จะรู้สึกประหม่าแต่ วราลีก็ทำได้เพียงหันออกไปมองนอกหน้าต่าง สายลมที่พัดเข้ามากำลังเย็นสบาย เพียงแค่ป้ายถัดไป คนข้างๆตัวก็ผลอยหลับไปเสียแล้ว

ผู้ชายคนนี้หลับได้ตลอดเวลาสิน่า!!!

หญิงสาวกำลังคิดเล่นๆว่านอกจากตื่นมาเล่นบาสเกตบอลแล้วเนี่ย ผู้ชายคนนี้คงไม่สนใจทำกิจกรรมใดๆเลย และทุกครั้งที่กลับบ้านพร้อมกัน ก็ต้องเป็นตัวเธอสิน่าที่เดินไปปลุกเขาเสียทุกครา ไม่รู้ว่าปกติที่เขากลับเองโดยปราศจากเธอ ชายหนุ่มจะไปตื่นเอาที่อู่รถเมล์เสียทุกครั้งไหมนะ?

ลมพัดอ่อนๆพาเอากลิ่นสบู่หอมๆลอยเข้าจมูก เขาคงจะอาบน้ำที่โรงยิมเป็นประจำ แก้มนวลแต้มสีระเรื่อเมื่อยามไหล่สูงเบียดชิด แค่ได้อยู่ใกล้ หัวใจดวงเล็กก็มักจะเต้นผิดจังหวะเสียทุกครา ราวกับมันไม่เคยทำความคุ้นชินกับวินเสียที

“จะซื้ออะไร” เขาหันมาถามขณะเดินเคียงร่างบางผ่านเข้าสู่ประตูห้างสรรพสินค้า

“ซื้อพวกอุปกรณ์ทำเบเกอรี่ที่อยู่ชั้นล่างน่ะค่ะ”

“งั้นขึ้นไปซื้อลูกบาสฯกันก่อนนะ” เขาว่าพลางเดินนำไปยังเป้าหมาย วราลีที่ยังตั้งตัวไม่ทันจึงได้แต่อ้าปากค้าง ก่อนจะรีบซอยเท้าตามไป

“เอ่อ...แยกกันตรงนี้ก็ได้นะ เราเลือกของนาน เดี๋ยววินจะเสียเวลา”

“ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มพูดหน้าตายพลางยักไหล่ขณะที่คนฟังได้แต่งงตาแตก

ห๊า !!! และจะให้เดินซื้อของด้วยกันเนี่ยนะ โอ้ย...แล้วจะให้เธอทำตัวยังไงล่ะเนี่ย เกิดมาก็ไม่เคยมาเดินซื้อของกับเพื่อนผู้ชายเสียที

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้คนกระวนกระวายได้มีเวลาคิดนาน ขายาวๆนั้นแม้จะก้าวอาดๆแต่ก็เร็วกว่าขาสั้นๆของเธอมาก วราลีจึงทำได้เพียงวิ่งตามเขาขึ้นบันไดเลื่อนไป

ชั้นขายอุปกรณ์กีฬาอยู่ในโซนของห้าง ขึ้นบันไดเลื่อนไปสองชั้นทั้งสองก็ไปถึงเป้าหมาย เขาเดินตรงดิ่งไปยังจุดที่วางลูกบาสฯอย่างคุ้นเคย หญิงสาวสังเกตเห็นคนขายรีบเดินเข้ามาทักทาย วินคงมาซื้อของที่นี่บ่อย วราลีปล่อยให้สองหนุ่มได้ใช้เวลาคุยกัน ซึ่งจริงๆแล้วดูเหมือนจะเป็นคนขายพูดอยู่ฝ่ายเดียวขณะที่วินทำเพียงพยักหน้า เด็กสาวจึงเลือกเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุดแล้วหย่อนตัวลงนั่ง ปล่อยให้เขาได้มีเวลาเลือกเต็มที่ วินหยิบลูกนั้นลูกนี้ขึ้นมาลองเคาะดู น้อยครั้งที่จะเผยให้เห็นรอยยิ้มแต่งแต้มมุมปาก

สมญานาม ‘เสือยิ้มยาก’ ของวินนั้นไม่ได้มากจากการส่งซองมาม่าชิงโชคแน่ๆ

เธอแทบจะไม่เคยเห็นเขายิ้มเลย ยกเว้นแค่ตอนในสนาม ซึ่งก็ยังนับว่าน้อยครั้งมาก แต่ถึงอย่างไรสาวๆในโรงเรียนก็ยังคงตามกรี๊ดกร๊าดเขา บางทีความเงียบขรึมอาจจะเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง วราลีเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่ดูจากที่พวกเธอเหล่านั้นเพียรพยายามเข้าหาแม้ว่าวินจะทำหน้าตายทุกครั้ง แค่นั้นก็คงจะยืนยันได้

เขาเดินถือลูกบาสฯที่เลือกแล้วเข้ามาหา แม้ว่าหน้าตามันจะเหมือนกับลูกที่วินใช้อยู่ แต่เธอยังพอมองออกว่าผิวของมันขรุขระมากกว่า ลูกเดิมที่วินใช้ซ้อมคงสึกมากแล้ว

“แฟนเหรอ?” คำถามง่ายๆพร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดีเรียกรอยแดงจางๆบนหน้าเด็กสาว หากแต่เด็กหนุ่มตรงหน้ากลับตอบไปอีกอย่าง

“เคาน์เตอร์จ่ายเงินอยู่ฝั่งโน้น” วินว่าพลางชี้มือไปทางฝั่งตรงข้าม

“หนอย....ไอ้เด็กนี่ แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นไล่” ชายหนุ่มว่าพลางทำท่าฟึดฟัดแล้วจึงหันหน้ามาทางเธอ “เป็นแฟนกับมันต้องทนหน่อยนะน้อง ไอ้หมอนี่มันขี้เก๊ก”

“ไปซื้อร้านอื่นกันเถอะ” วินว่าพลางเดินนำ วราลีจึงต้องรีบกระโดดลุกตาม

“เฮ้ยๆๆ โอเคๆ ไม่ล้อก็ได้ หัวก็ยังไม่ล้านนี่หว่า ทำเป็นใจน้อยไปได้ ยืนรออยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวไปจัดการให้”

คนขายหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมกับถุงในมือ จากนั้นก็ยืนบิลบัตรเครดิตให้วินเซ็นชื่อ สงสัยเรื่องที่ผึ้งสืบมาว่าบ้านของชายหนุ่มรวยมากน่าจะเป็นเรื่องจริง แต่ก่อนที่ทั้งสองจะเดินจากไป หนุ่มคนขายก็รั้งไว้

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไป พอดีเพื่อนพี่ที่มันขายรองเท้าเพิ่งได้รุ่นนี้มาใหม่ เห็นเราชอบเล่นบาสฯเลยเอามาให้ดู ถ้าสนใจก็บอกได้ วันหลังจะเอามาให้ลอง” เขาว่าพลางส่งรูปในโทรศัพท์มือถือมาให้ดู ทันเห็นประกายตาของเขาแวบนึงก่อนจะส่งคืน

“คู่นี้เพิ่งซื้อ”

“เอาน่า ถ้าสนใจเมื่อไหร่ก็บอกได้ พี่ไม่ได้เร่ง แต่บอกเผื่อไว้เพราะร้านเพื่อนมันขายถูก อีกอย่างเล่นหนักอย่างเราน่ะ รองเท้าน่าจะพังบ่อย เบอร์สิบสองใช่ไหม ถ้าเจอรุ่นไหนน่าสนใจแล้วมีเบอร์นี้อีกจะเอามาให้ดูแล้วกัน”

ชายหนุ่มเพียงตอบสั้นๆ “อืม” แล้วเดินนำออกไป ไปเร็วมาเร็วจนคนตามเวียนหัว วราลีรีบหันมาค้อมตัวให้คนขาย เขาเพียงยิ้มขำๆแล้วกวักมือไล่ให้เธอรีบตามไป

พอออกจากโซนอุปกรณ์กีฬาหญิงสาวก็เป็นฝ่ายเดินนำเขาไปยังร้านต่อไป เอาเข้าจริงๆพอต้องมาเดินเคียงกันอย่างนี้ในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านก็ทำให้รู้สึกประหม่าไม่น้อย ยิ่งความสูงและหน้าตาที่โดดเด่นของวินเรียกสายตาหลายๆคู่ของสาวๆ ก็ยิ่งทำให้ตัวเธอรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง

รู้งี้วันนี้เลือกชุดอื่นแทนตัวนี้ก็ดี วราลีได้แต่ก้มมองสารรูปตัวเองอย่างอ่อนใจ

ร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ที่อัดแน่นไปด้วยชั้นวางของทำให้วินต้องล่าถอยออกมายืนคอยด้านนอก คนต้นเรื่องเพียงส่งยิ้มแหยๆอย่างลุแก่โทษ ทางเดินแคบๆนั้นเสี่ยงมากที่วินจะไปปัดโดนข้าวของร่วงลงมา มีแต่ลูกค้าประจำเท่านั้นที่จะสามารถหลบหลีกได้อย่างชำนาญเช่นหล่อน ยิ่งเห็นสีหน้าประหลาดใจของเหล่าแม่บ้านเมื่อมีร่างสูงมาเดินเลือกของแล้ว ชายหนุ่มก็คงจะรู้ตัวว่าเขาเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ผิดที่ผิดทางในร้านที่อัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์ทำขนมหวาน

วราลีใช้เวลาสั้นที่สุดตั้งแต่เคยทำมา ราวกับว่าเธอกำลังวิ่งแข่งสี่คูณร้อยเมตร

ความชำนาญทำให้การหาของต่างง่ายขึ้น ไม่อ้อยอิ่งเหมือนครั้งแรกๆที่มาร้านนี้ ข้าวของต่างๆถูกเติมจนเต็มตะกร้าอย่างรวดเร็ว แล้วจึงรีบหิ้วออกมาอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย

เมื่อออกมาถึงที่จ่ายเงิน วินก็เดินเข้ามาคว้าทุกสิ่งในมือเธอแล้วเอาไปวางบนโต๊ะคิดเงิน หญิงสาวแยกของเป็นสองกองแล้วให้ส่งให้พนักงาน

วราลีรีบห้ามชายหนุ่มทันทีที่เขาส่งบัตรเครดิตให้คนขาย “ไม่ต้องหรอกวินอันนี้เป็นของชมรม” ชายหนุ่มจึงยักไหล่แล้วปล่อยผ่าน จวบจนของอีกกองที่เหลือคิดเงินแล้ว เขาก็ยื่นบัตรให้อีก

“ไม่เป็นไร เราจ่ายเอง”

“ผมจ่ายเอง” เขาว่าพลางยัดบัตรเครดิตใส่มือพนักงาน

“วิน...” หญิงสาวพูดแค่นั้นก็ต้องเงียบเมื่อเห็นสายตาดุที่ส่งมาปราม พนักงานคิดเงินจึงเพียงส่งยิ้มล้อเลียนมาให้ทั้งคู่

โอ้ย ตายแน่ ตายแน่ๆเลย วราลีได้แต่โอดครวญในใจหลังจากเดินออกมาจากร้าน ครั้งหน้าต้องถูกพี่ลูกอมซักไซ้เรื่องวินชัวร์ๆ วราลีนึกแล้วก็แอบส่งค้อนให้เขา พอดีกับที่เขาหันกลับมา คนถูกจับได้เลยยิ่งทำหน้าเหลอหลา

“เอ่อ...วินรับเงินคืนไปเถอะนะ อันนั้นเป็นของที่เราซื้อเอง” วราลีพยายามเกลี้ยกล่อมขณะเดินตามเขา

“ทำไม”

“ก็...วินไม่เห็นจำเป็นต้องจ่ายนี่”

“เวลาแม่ซื้อของ พ่อก็เป็นคนจ่าย” เขาว่าเรียบๆ ขณะที่หญิงสาวได้แต่ทำหน้าคล้ายปลาสำลักน้ำ

คิดได้ยังไงกัน โอ้ย... วิน บ้ารึเปล่าเนี่ย อย่าไปพูดอย่างนี้กับใครเชียวนะ ถ้าผู้หญิงค่อนโรงเรียนได้ยิน มีหวังเธอได้กลายเป็นศพแน่

แต่เอ๊ะ...หรือว่าเค้าเคยพูดอย่างนี้กับคนอื่น ถึงว่า... ผู้หญิงพวกนี้ถึงได้เพ้อเป็นบ้าเป็นหลัง

เพราะมัวแต่คิดอะไรไร้สาระ ร่างบางจึงชนเข้ากับเขาอย่างจังเมื่ออีกฝ่ายหยุดรอ

“อุ้ย...” วราลีอุทานเบาๆ ขณะเงยหน้าขึ้นมองคนไม่ทุกข์ไม่ร้อน

“หิวยัง”

“นิดหน่อย วินหิวแล้วหรือ”

“อืม กินไร” เฮ้อ...เขาเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้พูดได้ไม่เกินห้าคำหรือไงนะ

“แล้วแต่วินก็แล้วกัน เราอะไรก็ได้”

วราลีพูดออกไปแล้วก็คิดได้ถึงเรื่อง อาร์ตตัวแม่ ของโน๊ต อุดม นี่เขาจะว่าเธอเป็นอาร์ตตัวแม่ไหมนะ แต่....ดูเหมือนชายหนุ่มผู้นี้จะยังเป็นคนไม่สนใจโลกเช่นเดิม เพราะพอได้ยินคำตอบ วินก็มุ่งหน้าเข้าร้านพิซซ่าทันทีโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาถามเธอซ้ำ

ปีกไก่บาร์บีคิว ขนมปังกระเทียม เบรดสติ๊ก สปาเก็ตตี้และสลัด ถูกนำมาเสิร์ฟก่อน จากนั้นจึงตามด้วย พิซซ่าถาดกลางขอบไส้กรอกพร้อมโค้กหนึ่งเหยือก วราลีมองอาหารตรงหน้าพร้อมกับถอนหายใจ อยากจะถอนคำพูดที่ว่า แล้วแต่วิน เหลือเกิน แค่ได้ยินตอนเขาสั่ง คนนั่งฟังก็ได้แต่ทำตาปริบๆ

แล้วนี่จะเอากระเพาะที่ไหนยัดสิ่งเหล่านี้เข้าไปหมดกันล่ะเนี่ย

“วิน ลีว่า มันไม่เยอะไปหน่อยเหรอ” เธอเอ่ยถามเบาๆพลางเหลือบไปมองอาหารบนโต๊ะ

“ไม่นี่” เขาว่าพลางยักไหล่แล้วตักพิซซ่าวางบนจานตรงหน้าเธอ หญิงสาวฝืนยิ้มเฝื่อนๆให้เขาเป็นการขอบคุณ

แม้ว่าจะหน้าตาย พูดน้อย เย็นชา แต่วินก็มีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่เต็มเปี่ยม

ถ้าเขาถอดแบบมาจากบิดาตามที่เคยบอก พ่อของวินคงจะดูแลแม่ของเขาอย่างดี ดูจากครั้งแรกที่วินเดินตามมาส่งเธอถึงบ้าน รวมถึงครั้งต่อๆไปด้วย ไหนจะจ่ายเงินค่าซื้อของให้อีก ปิดท้ายด้วยการเหมาทุกอย่างไปไว้เอง นี่ถ้าให้เดา มื้อนี้คงต้องมีการแย่งกันจ่ายแน่ๆ

วราลีเพียงส่งค้อนให้อากาศหลังจากที่วินบอกว่าจะจ่ายเองจริงๆ พร้อมทำหน้าดุใส่ตอนเธอพยายามจะอ้าปากเถียง แต่เมื่อหันไปเห็นสีหน้าตกใจของพนักงานเสิร์ฟแล้ว กลับกลายเป็นเธอที่ก็หลุดขำเสียเอง ก็วินเล่นสั่งอาหารมาเยอะมาก ขนาดเธอกับพนักงานพยายามจะห้ามเขาก็ไม่ฟัง สุดท้ายพนักงานเลยช่วยเธอหาทางออก ด้วยแนะนำว่าหากอาหารเหลือสามารถห่อกลับบ้านได้ ใครจะคิดว่าพอกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง จานอาหารจะเกลี้ยงเกลาขนาดนี้ พนักงานทำหน้าตกใจยิ่งกว่าเห็นผีเสียอีก บนหน้าแทบจะแขวนไว้ด้วยเครื่องหมายคำถามอันใหญ่ๆ

ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทันทีเมื่อหันไปคุยกับวิน

เพราะหน้าตาหล่อเหลาของคนตรงหน้า ทำให้ผู้ติดตามเช่นเธอได้รับสายตาพิฆาตจากสาวหลายๆคน รวมถึงพนักงานสาวๆ ที่ขยันมาบริการโต๊ะนี้เป็นพิเศษ

นี่ถ้าตักป้อนได้ก็คงจะมีคนทำไปแล้ว!!!

หลังจากออกจากร้าน เขาก็หันมาถามว่าจะไปไหนต่อไหม วราลีเพียงส่ายหน้าเพราะธุระของเธอมีเพียงเท่านี้ ทั้งสองเดินเคียงกันไปขึ้นรถเมล์กลับบ้าน วินยังคงยืนยันที่จะนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปส่งเธอถึงบ้าน ไม่รู้คิดอะไรของเขากันแน่ทั้งๆที่มันยังกลางวันแสกๆ จากนั้นจึงค่อยนั่งต่อไปบ้านตัวเอง ทำให้เธอเพิ่งได้รู้ว่า บ้านของชายหนุ่มอยู่ถัดออกไปเพียงแค่สองซอย ซึ่งซอยนั้นมีแต่บ้านหลังใหญ่

แต่ที่หญิงสาวไม่เคยคิดเลย คือทั้งหมดนี้ จะกลายเป็นสิ่งที่เธอจะได้ทำร่วมกับวินเป็นประจำจนจบการศึกษา

วราลีมาถึงโรงเรียนเกือบสายในเช้าวันจันทร์เพราะต้องเสียเวลาแวะเอาแซนวิชไปให้วินเป็นการขอบคุณ เธอรู้ดีว่าเขามักจะซ้อมบาสฯจนมาสายแล้วทำให้ไม่ได้กินข้าวเช้าเสมอ

หญิงสาววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาทันพอดีก่อนที่อาจารย์จะปิดประตูใหญ่ เหลือเพียงประตูบานเล็กที่เปิดไว้คอยต้อนรับคนมาสาย

“เฮ้อ...” ที่ถอนหายใจไม่ใช่เพราะโล่งที่มาทัน แต่เพราะหนักใจที่รู้ว่ายังไงวันนี้วินก็สายอีกแล้ว

“แหม น้องรหัส ยังไม่ทันสายเสียหน่อย ไม่ต้องถอนหายใจหรอก”

เธอหันส่งยิ้มน้อยๆตอบกลับยิ้มสดใสที่คนร่างสูงส่งมาให้ “สวัสดีค่ะพี่เก่ง”

“ว่าแต่เราเถอะ มาสายอย่างนี้ประจำเหรอ” เขาว่าพลางเดินตามไปเข้าแถว

วราลีเบี่ยงตัวหลบคนข้างๆ ขณะพยายามแทรกตัวไปยังแถวของตัวเอง “ไม่หรอกค่ะ นานๆที แล้วพี่เก่งล่ะคะ”

“ประจำ วันนี้ก็อดข้าวเช้าอีกตามเคย” เขาว่าพลางลูบท้องปอยๆ

“เอาแซนวิชของลีไปทานสิคะ” ว่าแล้วก็หยิบกล่องในถุงยื่นให้เขา

“โอ้ย ไม่เป็นไรหรอก ถ้าพี่เอามาแล้วเราจะกินอะไรล่ะ พี่ทนได้ เดี๋ยวไปหาขนมในสหกรณ์ฯ กินก็ได้”

หญิงสาวยิ้มน้อยๆให้เขา “รับไปเถอะค่ะ ลีทำเองนะคะ ลองชิมดู” ชายหนุ่มจึงได้แต่มองกล่องในมือเล็กอย่างลังเล

“แล้วน้องลีล่ะครับ”

“ลีทานมาแล้วค่ะ” เธอว่า ก่อนจะย้ำเมื่อเห็นเขาทำท่าแคลงใจ “จริงๆค่ะ คนทำก็ต้องกินมาแล้วเรียบร้อยสิคะ อันนี้ทำมาเกิน ก็กะว่าจะมาหาคนช่วยกำจัดอยู่นี่แหละค่ะ”

เขารับกล่องพร้อมรอยยิ้มกว้าง “งั้นพี่ไม่เกรงใจล่ะนะ ขอบใจมาก” จากนั้นจึงแยกไปเข้าแถวตามห้องของตัวเอง

วราลีมองแถวนักเรียนมาสายแวบหนึ่งขณะเดินผ่าน เห็นร่างสูงเดินตามคนอื่นไปทางสนาม วันนี้คงจะโดนลงโทษให้วิ่งรอบสนามเป็นแน่ ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อคิดว่า สำหรับวินแล้ว เรื่องแค่นี้มันจิ๊บจ๊อยมาก

“ยิ้มอะไรลี”

“อ้อ เปล่าจ้ะ”

“แล้ววันนี้มีอะไรมาให้กินบ้างอ่ะ” ส้มว่าพลางชะโงกหน้าลงไปมองถุงในมือ

“มีขนมปุยฝ้าย กำลังฝึกทำอยู่ แล้วก็แซนวิช...เอ้ย ลืมไป แซนวิชให้พี่เก่งไปแล้ว”

“ให้ใครนะ” สองสาวพร้อมใจประสานเสียง แต่ต่างอารมณ์กันออกไป คนหนึ่งเพราะเกลียดขี้หน้า ส่วนอีกคนกำลังเดือดดาลที่โดนขโมยของกิน

ส้มโวยวายเสียงดังจนคนอื่นหันมามอง “ลีเอาแซนวิชของส้มไปให้พี่เก่งได้ยังไงอ่ะ”

“ก็พี่เก่งเค้ายังไม่ได้กินข้าวเช้า”

“ปล่อยให้หิวตายไปเลยยิ่งดี” ผึ้งว่าอย่างอารมณ์เสีย ในขณะที่ส้มได้แต่แกว่งแขนกระทืบเท้าราวกับเด็กถูกขัดใจ

วราลีจึงรีบล้วงกล่องออกมาล่อคนตรงหน้า “โอ๋ๆ ถึงไม่มีแซนวิช แต่ลีก็มีเค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม ของโปรดของใครน้า”

“แต่ส้มก็ยังอยากกินแซนวิชด้วยนี่นา” เสียงอ่อนลงทันทีที่เห็นของโปรด

“น่า เอาไว้ลีจะทำแซนวิชมาให้กินอีกนะ”

“เราเริ่มจะไม่ชอบหน้าอีตาพี่เก่งเหมือนผึ้งแล้วล่ะ”

“เห็นไหมว่าผึ้งพูดถูก นายโย่งน่ะนิสัยแย่จะตาย” ส้มพยักหน้าตามเพื่อนรักอย่างเห็นด้วย แต่ก็เพียงครึ่งวัน หลังจากตอนเที่ยงที่พี่รหัสของวราลีซื้อโค้กมาฝากพร้อมผลไม้สองสามถุง และทุกอย่างตกมาอยู่ในท้องของส้ม หญิงสาวก็ลืมเลือนเรื่องบาดหมางกับชายหนุ่มไปทันที

วราลีปลีกตัวออกมาเข้าห้องน้ำขณะเดินเปลี่ยนห้องเรียน เธอชอบเดินมาคนเดียวมากกว่าที่จะต้องเข้ามาเป็นกลุ่ม ทำให้ต้องเสียเวลารอกัน โชคดีที่เพื่อนทั้งสองก็มีนิสัยคล้ายกัน จึงไม่ต้องมีใครรอใคร

“คนเรานี่ก็หน้าด้านนะ ใช้สิทธิ์พี่ชายเข้าไป หน้าไม่อาย”

“นั่นสิ ทำเป็นเรียบร้อย ที่แท้ก็แอบแรด”

ร่างหนึ่งเซตามแรงผลักมาชนกับวราลีที่เดินเข้าไปพอดี “อุ้ย” หญิงสาวตรงหน้ารีบกล่าวทันที “ขอโทษนะ”

ขณะที่เด็กสาวต้นเหตุอีกกลุ่มหนึ่งยืนมองอย่างสะใจ และทำท่าว่าจะเข้ามากระชากร่างบางตรงหน้า

“อ้อ...อยู่นี่เอง เห็นอาจารย์กำลังตามหาน่ะ” วราลีว่าพลางชี้นิ้วออกไปทางประตู เด็กสาวคนนั้นจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆก่อนจะรีบเดินออกไป เธอหันไปมองเด็กสาวกลุ่มนั้นแวบหนึ่งก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงเด็กกลุ่มนั้นพูดถึงคนที่ออกไปแล้วด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย แล้วก็พากันหัวเราะเยาะ ก่อนจะเงียบหายไป

ความจริงผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรวราลีเองก็จำไม่ได้ รู้แต่ส้มเคยบอกว่าเป็นน้องสาวของอดีตหัวหน้าทีมบาสฯชายและตอนนี้ก็เป็นผู้จัดการชมรมคนปัจจุบันด้วย ถ้าดูจากรูปการณ์แล้ว เด็กสาวกลุ่มนั้นคงจะอิจฉาเรื่องนี้จึงได้หาเรื่องกลั่นแกล้ง

ช่างเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายในโรงเรียนเสียจริงๆ

วันนี้อาจารย์ที่ชมรมคหกรรมมีธุระ วราลีเลยได้ว่างเว้นหนึ่งวัน ตอนแรกตั้งใจว่าจะกลับเลย แต่ก็ทนการคะยั้นคะยอของผึ้งไม่ไหว ต้องยอมตามไปเชียร์ทีมบาสฯชายที่มีซ้อมแข่งกับโรงเรียนอื่นเป็นครั้งแรก โรงยิมจากเดิมที่คึกคักมีแต่สาวๆไปเชียร์ยิ่งแน่นขนัดเพราะเพิ่มเด็กหนุ่มอีกหลายคนเข้าไปด้วย

“จะมีที่นั่งไหมเนี่ย” ส้มว่าขณะเบียดผู้คนเข้าไป

“นั่นสิ” ผึ้งที่ตัวเล็กสุดกำลังพยายามแทรกตัวตามส้มไปติดๆ

“อ้าว น้องรหัส มาดูด้วยเหรอ” เสียงคุ้นเคยตะโกนเรียกวราลีมาแต่ไกล

“มาทางนี้ๆ” ชายหนุ่มโบกมือพลางชี้ไปทางที่นั่งที่ว่างอยู่ แม้ว่าจะโชคดี แต่ทั้งสามก็ต้องทนกับสายตาแผดเผาของสาวๆหลายๆคน

“โชคดีนะที่ลีได้พี่เก่งเป็นพี่รหัสน่ะ”

“อ้าว ไหงส้มพูดงี้อ่ะ เมื่อเช้าส้มยังเข้าข้างเราอยู่เลยนะ” ผึ้งว่าค้อนๆขณะหย่อนตัวลงนั่ง

“เอาน่า อย่างน้อยนายโย่งของผึ้งก็มีประโยชน์นะ”

“ไม่ใช่ของเรา” สาวตัวเล็กว่างอนๆ ขณะที่วราลีหันไปสบตากับวินเพียงแวบ เขาพยักหน้าให้เธอ...มั้ง หวังว่าคงไม่ได้เข้าใจไปเอง จากนั้นวินก็วิ่งเข้าสนามไปวอร์มอัพทันที

“จ้าๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่อย่างน้อยตานั่นก็ทำให้ผึ้งมีที่นั่งวิวดีๆคอยสอดส่องวินนะ”

เพื่อนสาวจึงตอบอย่างเสียมิได้ “ก็ได้”

สักพักกรรมการก็เรียกนักกีฬาลงสนาม วราลีมิวายแอบเหลือบไปมองชายหนุ่มในชุดสีดำที่ยังคงนั่งอยู่ข้างสนาม เสียดายที่เขาไม่ได้เป็นตัวจริง ห้านาทีแรกทั้งสองทีมยังทำคะแนนได้น้อย อาจเพราะต่างฝ่ายต่างเกร็ง จนเมื่อเข้านาทีที่สิบ ดูเหมือนว่าทางฝั่งคู่แข่งจะมีฝีมือเหนือกว่า แม้ว่าแต่ละคนจะพยายามส่งเสียงเชียร์ แต่ทีมของโรงเรียนก็ยังคงทำคะแนนไล่ตามไม่ทัน

หลังจากหมดเสียงนกหวีด เสียงกรี๊ดของสาวๆก็ลั่นสนาม ขณะที่วินวิ่งเข้าไปแตะมือกับรุ่นพี่คนหนึ่งทันที เพียงแค่เขาได้จับลูก เสียงกรี๊ดก็ยิ่งโหมกระหน่ำจนวราลีต้องยกมือขึ้นมาอุดหู แล้ววินก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง เมื่อเขาสามารถทำแต้มได้ทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel