บทที่ 3 ความตายของอาเหยาถูกเปิดเผย
กุ้ยเฟยเดิมต้องการอาศัยการที่ฮ่องเต้ประทับค้างในตำหนักนางไม่เสด็จงานราชการ เพื่อให้เห็นว่านางเป็นผู้ได้รับความโปรดปรานเหนือผู้ใด
นางคิดว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น ไทเฮามัวแต่จดจ่อกับการสวดมนต์ไหว้พระ
คงไม่สนใจเรื่องในวังหลังอีกต่อไปแล้ว
ไม่คาดคิดว่าจะถูกจับได้จนได้
แต่ถึงถูกจับได้ หากพี่ชายและบิดายังมีอำนาจอยู่ นางก็ไม่เคยกลัวว่าไทเฮาจะทำอะไรนางได้
หลังจากระเบิดอารมณ์เกรี้ยวกราด ไทเฮาก็ค่อย ๆ ดึงสติกลับมา
บัดนี้กองทัพของต้าเหลียงยังอยู่ในมือของเย่หง เมื่อครู่เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ พอตั้งหลักได้ สีหน้าของนางก็อ่อนลงเล็กน้อย
ไทเฮาทรงให้แม่นมคนสนิทประคองให้ประทับนั่งบนเก้าอี้
กำลังจะกล่าวตักเตือนกุ้ยเฟยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ให้ถือเป็นบทเรียนไม่ให้มีครั้งหน้า
ก็รู้สึกว่าที่นั่งเหมือนมีอะไรแข็ง ๆ อยู่
นางลุกขึ้น แล้วให้แม่นมคนสนิทหยิบของในเบาะออกมา
แม่นมเอื้อมมือเข้าไป แล้วหยิบหยกสีเขียวหนึ่งชิ้นออกมา
เมื่อไทเฮาเห็นหยกชิ้นนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที หยกชิ้นนี้ นางเคยมอบให้แก่อ๋องผิงหนานก่อนแต่งงาน ตอนอ๋องผิงหนานสิ้นชีพในสนามรบ หยกชิ้นนี้ก็อยู่บนตัวธิดาของเขา—อาเหยา
「หยกชิ้นนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? พิ่งถิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าอาเหยาอยู่ที่ไหน?」
ไทเฮาจำหยกชิ้นนี้ได้เพียงแค่เห็น นางคว้ามือกุ้ยเฟยไว้ด้วยความตื่นตระหนก
ดวงตาเต็มไปด้วยแรงสั่นสะท้าน
ข้ามองพวกเขา รู้สึกว่าทุกอย่างดำเนินช้าเหลือเกิน ก็เลยหาวอย่างเซ็ง ๆ หนึ่งที
「อาเหยา?」
กุ้ยเฟยฆ่าคนมานับไม่ถ้วน นางลืมไปนานแล้วว่าอาเหยาเป็นใคร
「เสด็จแม่ อาเหยาที่ท่านหมายถึง คือหญิงปรุงกลิ่นที่เข้าวังเมื่อปีที่แล้วหรือเพคะ?」
ฮ่องเต้ได้ยินชื่ออาเหยา ก็พอจะนึกออกอยู่บ้าง
เพียงแต่น่าเสียดาย พระองค์ไม่เคยนึกได้เลยว่า อาเหยาก็คือเด็กหญิงที่เคยอยู่เคียงข้างพระองค์ในยามหลบหนีภัย
ยิ่งไม่รู้ว่าหล่อนยังคงจำคำสัญญาระหว่างกันมาตลอด ไม่เสียดายชีวิตเดินทางนับหมื่นลี้เพื่อมาตามหาพระองค์ในวัง
「ใช่นาง ผู้อยู่ที่ใด?」
เมื่อไทเฮาเห็นว่าฮ่องเต้จำได้ นางก็ปลื้มยิ่งนัก
「เสด็จแม่ แล้วอาเหยาเป็นผู้ใดหรือเพคะ?」
กุ้ยเฟยได้ยินคำว่าหญิงปรุงกลิ่น ก็พอจะจำได้ว่ามีคนผู้นี้อยู่จริง
นางยังจำได้ว่า ในวินาทีที่ฮ่องเต้เห็นหญิงปรุงกลิ่นผู้นั้นครั้งแรก แววพระเนตรของพระองค์มีประกายยินดีวาบหนึ่งอย่างชัดเจน
เพื่อไม่ให้ผู้ใดมาแบ่งความโปรดปรานจากตน นางจึงส่งหญิงผู้นั้นจากกรมปรุงกลิ่นไปยังกรมซักล้าง
และรอจนฮ่องเต้ลืมสนิท นางก็แต่งเรื่องขึ้นมาแล้วสังหารนางเสีย
「นางคือมู่เหยาจวิ้นจู่ ทายาทกำพร้าของอ๋องผิงหนาน!ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าตามหานางไม่หยุด ปีที่เกิดศึกแตกกระจัดกระจายนั้น นางยังเด็กเกินไป แม้ส่งคนออกตามหาเท่าไร ก็ยิ่งหายากนัก!」
ไทเฮานึกถึงคำสั่งเสียของอ๋องผิงหนานก่อนสิ้นชีพ ก็จับจ้องฮ่องเต้ด้วยความเร่งร้อน
「อาเหยาอยู่ที่ใด?พาให้ข้าดูเดี๋ยวนี้! 」
กุ้ยเฟยได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
นางประคองตัวทรุดนั่งลงกับเก้าอี้อย่างยากลำบาก ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด
「ทูลไทเฮา หม่อมฉันรู้ว่ามู่เหยาจวิ้นจู่อยู่ที่ใดเพคะ!」
ในขณะที่ข้ากำลังนับถอยหลัง เฉินเฟยก็รีบวิ่งเข้ามาทันเวลา
ด้านหลังนางมีขันทีสองคน กับนางกำนัลหนึ่งคน พวกเขากำลังแบกไหใบหนึ่งเข้ามา
เฉินเฟยเห็นไทเฮา ก็ทรุดตัวคุกเข่าตรงหน้านางในทันที
นางสั่งให้ขันทีนำไหขึ้นมาวาง แล้วให้ล้วงหาบางสิ่งในไห ก่อนจะหยิบป้ายงาช้างที่อยู่ใต้กระดูกขาวขึ้นมา
ป้ายงาช้างทำจากหยกขาว แกะสลักรูปตอนเด็กของอาเหยาและถิ่นกำเนิดของนาง
ในต้าเหลียง ป้ายนี้คือของสำคัญยืนยันตัวบุคคล
「เสด็จแม่!มู่เหยาจวิ้นจู่ถูกกุ้ยเฟยทำเป็นมนุษย์หมูมาตั้งแต่ปีก่อน!สิ่งที่อยู่ในไหนี้ คือกระดูกของนาง! ในไหยังมีแหวนที่กุ้ยเฟยทำตกไว้ตอนฆ่านาง นางกำนัลด้านหลังข้าก็คื อพยานที่เห็นกุ้ยเฟยฆ่าจวิ้นจู่ด้วยตาตนเอง!」
(มนุษย์หมู คือวิธีการลงโทษสุดโหดของจีนโบราณ)
