บทที่ 2 วางแผนเล่นงานกุ้ยเฟย
กลิ่นจื่ออินเป็นสิ่งที่อาเหยาผลิตขึ้น แม้จะเป็นธูปหอมแต่กลิ่นกลับอ่อนมาก หากไม่ใช่นักปรุงกลิ่นมืออาชีพก็แทบแยกไม่ออก และตอนจุดยังไม่เกิดควัน ทำให้คนนอกยิ่งไม่อาจสังเกตได้
ฮ่องเต้ทรงประสบเหตุจลาจลเมื่อพระชนม์เจ็ดพรรษา ต้องระหกระเหินอยู่กับไทเฮาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม
ในช่วงวันที่พลัดพรากเร่ร่อนนั้น มีเพียงอาเหยาและกลิ่นจื่ออินที่อยู่เป็นเพื่อนพระองค์
หลังเสด็จกลับวัง ฮ่องเต้ทรงลืมอาเหยาไปหมดแล้ว แต่พระวรกายกลับยังคงพึ่งพากลิ่นจื่ออินอยู่
ทุกครั้งที่เสด็จมาที่ตำหนักกุ้ยเฟย เพียงได้กลิ่นจื่ออิน ก็ทรงรู้สึกสงบลงอย่างประหลาด
บรรทมได้สนิทยิ่งกว่าเดิม
เมื่อเป็นเช่นนี้บ่อยครั้ง กุ้ยเฟยก็เริ่มจับสังเกตว่าเพียงแค่ข้าอยู่ ฮ่องเต้ก็จะประทับพักที่ตำหนักนางหลายวันติดกัน
นางเข้าใจว่าข้านำพาโชคลาภมาให้ จึงรับเลี้ยงข้าไว้ พร้อมตั้งชื่อให้ว่า “ฝูเอ๋อร์”
เพราะได้รับความโปรดปรานของนาง ข้าจึงอยู่ในวังหลวงราวกับไม่มีผู้ใดกล้าขวาง
ไม่มีใครกล้าล่วงเกินข้าแม้แต่น้อย
ข้าเพียงหล่นขนหนึ่งเส้น เลือดเพียงหยดเดียว กุ้ยเฟยก็พร้อมลงมือล้างแค้นถึงตาย
แต่นางไม่รู้เลยว่า ข้าทนความรังเกียจที่ต้องอยู่เคียงข้างนาง ก็เพื่อแก้แค้นแทนอาเหยาเท่านั้น
ทั้งวังหลังต่างรู้กันดีว่าไทเฮาทรงรังเกียจที่สุดคือการที่ฮ่องเต้มัวเมาในรูปสตรีจนละเลยราชกิจ
เฉินเฟยก็ย่อมรู้ข้อนี้ดีเช่นกัน
แม้จะถูกลดตำแหน่งแต่นางมิได้ถูกกักบริเวณ นางจึงให้นางกำนัลในวังไปลอบแจ้งเรื่องที่กุ้ยเฟยรั้งฮ่องเต้ไว้จนหลายวันติดไม่เสด็จว่าราชการยามเช้าแก่แม่นมคนสนิทของไทเฮา
เพียงหนึ่งชั่วยามถัดมา ไทเฮาก็นำคนบุกมายังตำหนักบรรทมของกุ้ยเฟย
ขณะนั้น ฮ่องเต้กำลังบรรทมหลับลึกอยู่พอดี
กุ้ยเฟยกำลังสำราญชมจันทร์ พลางลิ้มรสลิ้นจี่แช่เย็นที่รีบเร่งส่งมาจากแปดร้อยลี้
ส่วนข้า ก็อาศัยจังหวะที่ทุกคนไม่ทันระวัง แอบซ่อนหยกของอาเหยาไว้ในเก้าอี้ของไทเฮาอย่างเงียบเชียบ
「ไทเฮาเสด็จ!」
ในที่สุด เสียงที่ข้ารอคอยก็ดังขึ้นใกล้เข้ามาทีละน้อย
กุ้ยเฟยได้ยินว่าไทเฮามา เกือบสำลักลิ้นจี่ทั้งลูก
ฮ่องเต้เดิมกำลังบรรทมหลับลึก ก็สะดุ้งตื่นขึ้นกลางฝันในทันที
「เจิงเอ๋อร์ เจ้าช่างหลงผิดจริง!」
ไทเฮาพุ่งเข้ามา เห็นฮ่องเต้กำลังรีบแต่งพระองค์ นางก็ปวดพระทัยนัก
「เสด็จแม่ ทั้งหมดเป็นความผิดของหม่อมฉัน หม่อมฉันปวดศีรษะไม่สบายอยู่หลายวัน ฝ่าบาทเพียงอยู่เป็นเพื่อนหม่อมฉันจึงลืมเสด็จงานราชการยามเช้า ขอเสด็จแม่โปรด… 」
กุ้ยเฟยคุกเข่าเอ่ยขออภัยต่อไทเฮา
เพี๊ยะ!
ไทเฮาไม่รอนางพูดจบ ลงพระหัตถ์ตบหน้านางหนึ่งฉาด
กุ้ยเฟยถูกตบจนยืนนิ่งอยู่กับที่ อยู่นานกว่าจะตั้งสติได้
นางเข้าวังมาสิบปี เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ถูกไทเฮาทรงดุเช่นนี้
「เย่พิ่งถิง!เจ้ากล้าอาศัยว่าพี่ชายเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพม้า บิดาเป็นอัครมหาเสนาบดีจึงทำอวดเบ่งในวังหลัง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนที่ตายเพราะน้ำมือเจ้าไม่นับพันก็นับห้าร้อย! ข้าแกล้งทำเป็นไม่เห็นไม่ว่าเจ้าสักคำ! แต่วันนี้ เพื่อแย่งชิงความโปรดปราน เจ้ากลับยุยงให้ฮ่องเต้ไม่เสด็จงานราชการยามเช้า! เจ้าช่างสมควรตาย!」
ไทเฮาทรงอาจยอมให้กุ้ยเฟยหยิ่งผยอง ยอมให้นางฆ่าคนเป็นผักปลา แต่สิ่งเดียวที่ไม่อาจยอมให้เกิด คือการที่กุ้ยเฟยลากฮ่องเต้ให้จมในความลุ่มหลงจนไม่ขึ้นว่าราชการ
สิบปีก่อน ราชวงศ์ต้าเหลียงถูกกบฏบุกวังหลวง
ไทเฮาทรงพาฮ่องเต้ซึ่งยังมีเพียงเจ็ดพรรษาหนีหัวซุกหัวซุน
ถ้าไม่ใช่เพราะต่อมาหนีไปถึงตำบลเฉา แล้วพบพี่ชายของเย่พิ่งถิง เย่หง
และได้รับความช่วยเหลือจากกองทหารเอกชนของเย่หงทวงวังคืน
ตอนนี้เกรงว่าคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และในปีนั้น เหล่ากบฏที่ยกทัพบุกเข้าวังหลวง ก็อ้างข้อหาเดิมว่า
ฮ่องเต้หลายปีไม่เสด็จงานราชการ ปล่อยให้ราษฎรล้มตาย ไร้คนเหลียวแล
「เสด็จแม่ หม่อมฉันรู้ผิดแล้ว!」
