บทที่ 2
บรันช์ คอลด์เวล จับตาดูการถกเถียงกันระหว่างพ่อลูกเงียบๆ ดวงตาของเธอเปลี่ยนไปมองคนนั้นที คนนี้ที เหมือนกรรมการเทนนิสที่กำลังเฝ้ามองดูการแข่งขันไม่มีผิด
“โอ ริชาร์ด...นี่เธอทำกับลูกอย่างนั้นจริงๆ หรือนี่ เธอหัวเราะออกมาเบาๆ
สีหน้าของน้องชายบอกแววไม่พอใจ ขึ้นมาแวบหนึ่ง
“ก็ บางครั้งแกลืมล้างสีน้ำมันที่ติดมือออก แล้วก็ทำให้อาหารมีกลิ่นโดยไม่จำเป็นนิ่”
เขาพูดอย่างอารมณ์เสีย
“แล้วหนูทำอย่างนั้นกี่ครั้งกี่หนกันล่ะคะ?” ทิชา ไม่ยอมแพ้ครั้งหนึ่ง หรือว่าสองครั้ง แต่รับรองว่าไม่เกินกว่านั้นแน่”
“นี่ ฉันว่าเรากำลังเปลี่ยนจากเรื่องที่กำลังพูดกันอยู่แล้วละ” พ่อของเธอว่า เปลี่ยนท่านั่งไขว่ห้างไว้
“ไม่เลยค่ะ ไม่ได้เปลี่ยน” ทิชาตอบโต้พ่ออย่างขุ่นเคืองเรากำลังพูดกันถึงเรื่องที่พ่อเข้ามายุ่งกับชีวิตหนูอยู่ไงคะ เรื่องที่พ่อคอยสั่งให้หนูแต่งตัวอย่างไร, ควรคบกับใคร, ควรจะไปที่ไหนน่ะ”
“นี่...ฉันน่ะเป็นพ่อแกนะ ฉันมีสิทธิ์ที่จะทำทุกอย่าง”
“แต่หนูก็เป็นบุคคลที่ควรจะมีสิทธิในการทำอะไรเป็นการส่วนตัวบ้าง มันอาจจะผิดอาจจะถูกมันก็เรื่องของหนู” ดวงตาสีเขียวคู่นั้นเป็นประกายเรืองด้วยอารมณ์โกรธ เบิกโพลง จนขนตาที่ดำดำงอนงามไม่อาจจะปิดบังประกายแห่งความขุ่นเคืองไว้ได้
“ตราบใดที่แกยังอยู่ในบ้านฉัน กินอาหารของฉัน ฉันก็ยังมีสิทธิ์ที่จะสั่งสอนแกบ้างละ”
“อ๋อ...บางทีนี่กระมังคะ ที่เป็นบทสรุปของเรื่อง” ทิชาพูดอย่างเย็นชาถ้าอย่างนั้นบางทีหนูควรจะย้ายออกจากบ้านได้แล้ว”
“คิดเสียให้ดีนะ นังหนู” แต่น้ำเสียงของริชาร์ดบอกให้รู้ว่าอารมณ์ของเขาได้สงบลงแล้วแกยังไม่มีงานการทำ หรือหาเงินเลี้ยงตัวเองได้หรอก แล้วฉันก็ยังรักษามรดกก้อนหนึ่ง ที่แม่ของแกใส่ธนาคารไว้ให้กว่าแกจะเบิกใช้ได้ก็ต้องอายุ 21 โน่น เมื่อไม่มีรายได้ก็ต้องอาศัยโชคอยู่มากละ ที่จะหาอะไรมาใส่ปากใส่ท้อง ไอ้เงินเล็กๆ น้อยๆ ที่แกหาได้น่ะมันไม่พอยาไส้หรอก”
“เดี๋ยวนี้หนูพอจะเข้าใจแล้วว่า ที่เขาเรียกว่าการกดขี่น่ะมันเป็นอย่างไร หนูออกไปอดตายข้างนอกดีกว่าที่จะอาศัยอยู่ในบ้านที่พ่อคอยชี้นิ้วสั่ง หนูไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง” สาวน้อยร้องออกมาอย่างขมขื่นใจเต็มที
“ถ้าแกยังจะพูดจากับฉันอย่างไม่มีความเคารพนับถือละก็ กลับไปห้องของแกได้แล้ว” สีหน้าของริชาร์ด บึ้งตึงขึ้นมา ทั้งๆ ที่เขาใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะระงับอารมณ์อย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม
“หนูไม่ใช่เด็กเล็กๆ นี่ พ่อจะมาสั่งให้หนูเข้าไปในห้องไม่ได้หรอก” แม้จะเถียงคำไม่ตกฟาก แต่ทิชาก็ออกจะประหวั่นกับความโกรธที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของผู้เป็นบิดา
“แพทริเซีย โจ คอลด์เวล แกไม่ได้โตจนเกินกว่าที่ฉันจะจับเฆี่ยนหรอกนะ” น้ำเสียงของริชาร์ดคุกคามขึ้นมาทันที
เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นจากบรันช์ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดระหว่างพ่อลูกคลายลง
“เธอน่ะทำอย่างนั้นช้าไป 10 ปีแล้วละ ริชาร์ด” แววตาของเธอที่หันไปมองน้องชายบอกความเห็นใจขณะเดียวกัน เมื่อหันไปมองหลานสาว แววตานั้นก็บอกถึงความอบอุ่น เข้าใจในความรู้สึกของสาวน้อยอย่างดียิ่ง แนวคิ้วบนใบหน้าคมสันของน้องชายขมวดมุ่นขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ก็แล้วพี่จะให้ผมทำยังไงกับไอ้คนหัวแข็ง คอยแต่จะต่อต้านอยู่ทุกคำพูดอย่างลูกสาวผมล่ะ?” เขาถามเปรยๆถ้าแม่แกยังอยู่ บางทีอาจจะพูดจากันรู้เรื่องบ้าง ที่ผมทำลงไปนี่ก็เพราะคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วเท่านั้น” “ก็แล้วความรู้สึกของหนูล่ะคะ พ่อ ทิชาย้อนถาม การเอ่ยถึงแม่ทำให้ความห้วนห้าวในสำเนียงของสาวน้อยลดลง
“ถ้าแกเป็นคนดีจริง แกก็จะต้องรับฟังบ้างสิแทนที่จะเถียงไปข้างๆ คูๆ ตลอดเวลาอย่างนี้” ริชาร์ด คอลด์เวล เอ่ยขึ้นอีกแกน่ะไม่เคยยอมรับคำแนะนำตักเตือนของใครทั้งนั้น อยากแต่ลองไปเสียหมด ให้มันรู้ว่าไฟน่ะมันร้อนจริงหรือเปล่าเท่านั้น”
“อันที่จริงเราก็ควรรับฟังอย่างพ่อๆ ลูกๆ บ้างเหมือนกันนะ” บลันช์พูดเรียบๆ
“โอ..สวรรค์ทรงโปรดด้วยเถอะ” ทิชาร้องออกมา ผลุดลุกขึ้นยืนทันที
“นั่นแกจะไปไหน ริชาร์ดถามขึ้นทันที
“อ้าว ก็ไปห้องน่ะสิคะ ก็เพราะว่าหนู...” เธอลงเสียงตรงสรรพนามที่ใช้เรียกตัวเองหนักๆต้องการไปน่ะสิคะ และถ้านายเกวินนั้นมา พ่อช่วยบอกเขาด้วยก็แล้วกันว่า คำตอบคือไม่ค่ะ..หนูจะไม่มีวันแต่งงานกับเขาอย่างเด็ดขาด แล้วก็ไม่ต้องการพบเห็นหน้าเขาอีกด้วย”
“ฉันไม่ได้บอกว่าแกจะต้องพบเขานะ” ความผิดหวังผสมกับความโกรธ ทำให้น้ำเสียงของริชาร์ดเปลี่ยนไป
ทิชา เดินไปหยุดอยู่ตรงประตู เอี้ยวตัวมามองบุรุษหน้าตาคมสันที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของเธอ แววขุ่นเคืองในดวงตาสีเขียวเข้มจางหายไปแล้ว
“เปล่าหรอกค่ะ พ่อ, พ่อไม่เคยสั่งให้หนูทำอะไรเลย” เธอโต้ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมเพียงแต่ว่าพ่อรู้จักที่จะใส่เสน่ห์ลงในคำพูด แล้วก็ความรู้สึก หักหลังหนู จนกระทั่งหนูเพิ่งจะมารู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในสภาพนั้น เอามาเมื่อพ่อจัดการหาผู้ชายที่พ่อรู้จักและหนูไม่เคยสนใจเลยมาให้ แล้วก็พูดจาโน้มน้าวใจให้หนูเชื่อว่า เขาเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่หนูสมควรจะได้แต่งงานด้วย ทุกครั้งที่พ่อทำอะไรลงไป พ่อจะต้องพูดว่ารู้สึกว่ามันเป็นการที่ดีที่สุดสำหรับหนูทั้งนั้น”
“ก็แล้วมันผิดนักหรือไง น้ำเสียงของริชาร์ดเครียดขึ้น แต่อาจจะเป็นเพราะอย่างที่ลูกสาวกล่าวเมื่อครู่ว่าเขาเป็นคนรู้จักวิธีการที่จะเสริมเสน่ห์ในน้ำเสียง ริชาร์ดจึงเติมรอยยิ้มลงไปด้วยแกน่ะยังไม่ทันจะให้โอกาสเกวินเขาเลย เมื่อถึงเวลาแล้ว แกอาจจะรักเขาจริงๆ ก็ได้นี่”
รอยยิ้มอย่างสลดใจ ปรากฏขึ้นตรงมุมปากของสาวน้อย
“นี่พ่อไม่เลิกล้มความคิดนั้นเลยใช่ไหมคะ?...แต่หนูหมายความตามที่พูดจริงๆ นะคะพ่อ หนูทำไม่ได้แล้วก็จะไม่แต่งงานกับเขาด้วย ถ้าจะแต่งจริงๆ ก็คงชักจะสงสัยแล้วละค่ะว่าอยากแต่งจริงๆ หรือเปล่า แล้วหนูจะเลือกของหนูเอง พ่อไม่ต้องยุ่งหรอกค่ะ”
“อย่าพูดจาไร้สาระอย่างนั้นหน่อยเลยน่า” หน้าผากของริชาร์ดย่นอย่างไม่พอใจถึงยังไงแกก็ต้องแต่งเข้าสักวันหนึ่งแน่ ก็อนาคตของผู้หญิงจะมีอะไรถ้าไม่ใช่การแต่งงาน การมีสามีมีลูกเท่านั้นที่มันจะทำให้ชีวิตของผู้หญิงสมบูรณ์ขึ้น”
“นั่นน่ะหรือคะความถูกต้อง” ทิชาเลิกคิ้วคล้ายจะเยาะหยันในคำพูดของพ่อหนูคิดว่าบลันช์ไม่เห็นด้วยกับความคิดในเรื่องนี้ของพ่อหรอกค่ะ หนูยังไม่เคยเห็นพี่สาวของพ่อเป็นภรรยาหรือเป็นแม่ใครสักคนเลย หนูน่ะอิจฉาในอิสรภาพของบลันช์จริงๆ นะคะ พ่ออย่าพยายามไปสอนเข้าก็แล้วกัน”
คราวนี้ ทิชา ไม่ยอมให้พ่อมีโอกาสได้โต้แย้งในคำพูดของเธออีก สาวน้อยก้าวออกไปยังห้องโถงกลับไปยังห้องส่วนตัว รู้ดีว่าถึงเวลาที่จะยุติการโต้เถียงกันเสียที โดยเธอจะต้องได้ชัยชนะอย่างน้อยก็ในคราวนี้ เสียงหัวเราะของบลันช์ดังไล่หลังมา ขณะที่พ่อของเธอก็เดือดดาลอยู่ในใจ
ชาเดินเข้าไปห้องส่วนตัว ได้เพียงครู่เดียวเสียงเคาะเบาๆ ก็ดังขึ้นตรงหน้าประตู
“เข้ามาสิคะ บลันช์”
ใบหน้าของสตรีผู้สูงวัยฉาบไว้ด้วยรอยยิ้ม และความเข้าใจขณะที่เดินเข้ามาในห้อง เสียงใสๆ ของทิชาบอกให้รู้ว่า อารมณ์ร้ายของสาวน้อยได้มลายหายไปแล้วแต่แววต่อต้านลึกๆ ยังปรากฏอยู่ในดวงตา
“หนูต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่ป้าต้องมาเห็นภาพที่มันไม่น่าดูอย่างเมื่อครู่นี้” ทิชาพูดขึ้นก่อนแต่ป้าก็รู้จักน้องชายของป้าดีแล้วก็นานกว่าหนูแน่”
ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำพยักเบาๆ อย่างเห็นด้วย
“มันก็บางครั้งนะ ที่ริชาร์ดกลายเป็นผู้ชายที่เราเหลือจะทนจริงๆ บลันช์บอกหลานสาวอาจจะเป็นเพราะสมัยหนึ่งเขาผ่านพบผู้หญิงมามากก็เป็นได้”
“แล้วก็รวมทั้งหนูด้วย” ทิชา ถอนหายใจเดินไปหยิบเสื้อคลุมที่พาดไว้กับพนักเก้าอี้ เดิมข้ามพรมปูพื้นลายส้มสลับทอง เพื่อแขวนเสื้อไว้กับตะขอ การตบแต่งภายในของห้องนี้คือภาพสะท้อนออกถึงความเป็นอิสระในบุคลิกของสาวน้อย สีสันของห้องสว่างสดใสยิ่งหนูโตขึ้นเท่าไหร่ พ่อก็ยิ่งจุ้นจ้านกับหนูมากขึ้นเท่านั้น พ่อใช้อำนาจกับหนูทุกอย่าง พูดจาแข็งๆ ที่จริงพ่อเป็นคนน่ารักนะคะ ใจดีด้วย หล่อเอาการเลยละ แต่พ่อก็ชอบที่จะยึดมั่นกับความคิดของตัวเองอยู่เสมอ ถ้าจะพูดไปแล้วหนูก็เคยฝันที่จะได้พบกับผู้ชายที่อย่างพ่อเหมือนกันนะคะ” สีหน้าของสาวน้อยเครียดขึ้นแต่ก็ดีเหมือนกันที่ไม่ได้พบ เดี๋ยวนี้หนูเข้าใจแล้วละค่ะว่าทำไมแม่กับพ่อถึงต้องทะเลาะกันอยู่เรื่อย”
“เท่าที่ป้าจำได้นะ” ป้าของเธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เดินเรื่อยเข้าไปในห้องนอน จนถึงส่วนที่กั้นแบ่งออกเป็นห้องทำงานเล็กๆ ของทิชาถึงแม้เลอนัวร์กับพ่อของหนูจะทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ แต่ก็มักจะจบลงด้วยเสียงหัวเราะ แล้วก็ทำความเข้าใจกันได้ ผู้หญิงคนไหนก็ไม่อาจจะทำให้พ่อของหนู มีความสุขได้เท่ากับแม่หรอก
ริชาร์ดไม่เคยมีอิทธิพลเหนือเมียเลยสักครั้ง เพราะฉะนั้นเขาถึงได้รักแม่ของหนูมากไงล่ะ”
“หนูก็อยากจะหวังว่า พ่อจะเลิกใช้อิทธิพลกับหนูเสียทีเหมือนกัน”
บลันช์ยิ้มให้หลานสาว