บทย่อ
ถ้าทิชา คอลด์เวลหนีจากพ่อไปโดยเร็ว ก็จะต้องทะเลาะกับพ่ออย่างใหญ่โตแน่นอน มันมากไปหน่อยวิธีที่พ่อพยายามมาจัดการชีวิตส่วนตัวของหล่อนโดยการวิจารณ์ความประพฤติของหล่อน และพยายามหาทางให้หล่อนแต่งงานกับผู้ชาย “ที่เหมาะสม” ผู้ที่หล่อนไม่สนใจแม้แต่น้อย ไม่รู้จะทำอะไรได้ หล่อนจึงไปพักกับป้าที่เข้าอกเข้าใจเห็นใจหล่อน แล้วก็พบว่าตัวเอง “หนีเสือปะจระเข้” เมื่อพบกับโร้ค เมดิสัน ผู้ชอบสั่งให้หล่อนทำโน่นทำนี่ยิ่งกว่าพ่อของหล่อนเสียอีก ทำไมพวกนี้ถึงไม่ให้หล่อนได้อยู่สงบสุขตามลำพังบ้างเลยนะ?
บทที่ 1
“พ่อหมายความว่ายังไงคะ ถึงไปอนุญาตให้นายเกวิน เจไมสัน มาขอหนูแต่งงานได้น่ะ? ทิชา คอลด์เวล สะบัดหน้าอย่างขึงโกรธ เส้นผมที่สยายยาวลงมาครึ่งหลังพลิ้วกระจาย ยามที่เธอหันไปสบสายตาผู้เป็นบิดา
“ก็อนุญาตให้เขาขอแกแต่งงานได้น่ะสิ” ผู้เป็นบิดาตอบอย่างเข่นเขี้ยว
“อ๋อใช่...แล้วพ่อ ก็สนับสนุนอวยชัยให้ พรเขาเต็มที่เลยสินะคะ” สาวน้อยไม่ยอมปิดบังอำพรางสำเนียงเยาะหยันอย่างขมขื่นที่แล่นขึ้นมาแน่นทรวง
ต่างฝ่ายต่างจ้องมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างแข็งเข้าใส่อย่างจะให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ ริชาร์ด คอลด์เวล บุรุษร่างสูง สง่างามอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยนับแต่วันที่สำเร็จการศึกษาออกมาจากมหาวิทยาลัย วันเวลาที่ผ่านไป ยิ่งเพิ่มความสง่างามให้กับใบหน้าและบุคลิกลักษณะของเขา ด้วยไรผมที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทา เป็นเงาเลื่อมอยู่บนเส้นผมสีดำสนิท
ทิชา คอลด์เวล นั้น มิได้ถอดเค้าหน้าที่คมสันมาจากบิดาเท่าไรนัก แต่ทว่าเธอมีใบหน้ารูปไข่ที่ออกจะมีเสน่ห์ แต่เมื่อเวลาที่เธอหัวเราะอย่างเริงรื่นหรือโกรธเคืองขึ้นมา อย่างเช่นในเวลานี้ กลับทำให้ใบหน้านี้ดูมีชีวิตจิตใจและสะสวยขึ้นอย่างประหลาด บุคลิกอย่างหนึ่งที่เธอได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดาก็คือความทระนงอย่างมีทิฐิมานะ และรักอิสระ ซึ่งทำให้ความงามของเธอเปล่งประกายอยู่เป็นนิจ และส่วนใหญ่แล้วก็เป็นบิดาของเธอนั่นเอง ซึ่งเป็นผู้จุดประกายไฟขึ้น
“ถูกต้อง เกวินได้รับการสนับสนุนจากฉันแล้วก็ได้รับคำอวยพรด้วย” ริชาร์ดโต้ลูกสาวอย่างฉับพลันอารมณ์โกรธของเขาที่พลุ่งโพลงขึ้นนั้น กอปรจากการที่ต้องดูแลลูกสาวคนเดียวมาตามลำพังเขาเป็นคนที่ฉันเห็นว่า เป็นคนหนุ่มที่น่าเชื่อถือ ยิ่งเสียกว่าไอ้พวกที่แกออกไปเที่ยวเตร่ด้วยเป็นไหนๆ
“แต่หนูจะบอกให้ก็ได้ว่า เขาจะไม่มีวันเหมือนผู้ชายคนไหนที่หนูออกเดทด้วยหรอก” ทิชาตอบเสียงเข้มหนูน่ะรู้สึกอยู่ตลอดเวลานะคะว่า เวลาที่เขาจูบลาตอนกลางคืนทีไร คงจะต้องกลับบ้านไปอาบน้ำทีนั้นเพราะกลัวว่ามันจะสกปรก”
“แต่ฉันก็ขอยืนยันว่าเขาเป็นคนหนุ่มที่มีสุขภาพสมบูรณ์ดีคนหนึ่งละ แล้วก็รู้จักควบคุมสติอารมณ์ได้ดีด้วย” เขาชี้หน้าลูกสาวอย่างโกรธเคืองอย่างน้อยเวลาที่แกกลับบ้าน มันก็ดูไม่เหมือนไปถูกไอ้ตัวไหนมันปล้ำมา เวลาที่แกออกไปกับเกวิน”
มือของสาวสวยกำแน่นขึ้นมาทันที
“แหม พ่อทำให้หนูโกรธ จนจะกรีดร้องออกมาแล้วนะคะ” สาวน้อยตอบบิดาหนูออกไปกับหนุ่มๆ แค่ 2-3 คนเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยมีคนไหนที่เขามาตะกุยใส่หนูอย่างที่พ่อพูดหรอกค่ะ รับทราบไว้ด้วย”
“เออ โชคดีแล้วละที่มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะ” เขาประชดเข้าให้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเต็มไปด้วยแววโกรธ ประสานอยู่ กับดวงตาสีเขียวเข้มของลูกสาวเพราะว่าก่อนที่ไอ้พวกนั้นจะออกจากบ้านไปพร้อมแกน่ะมันรู้กันอยู่แล้วนี่ว่าเป็นได้เจอฉันแน่ถ้ามันขืนทำอะไรแก”
“พ่อคะ หนูจะอายุ 20 อยู่เดือนหน้านี้แล้วนะคะ” ทิชาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนพ่อจะเลิกมองเห็นหนูเป็นเด็กเสียทีได้ไหมคะ? หนูน่ะโตพอที่ตัดสินใจได้เองแล้วนะคะว่า จะแต่งงานเมื่อไหร่ หรือแต่งกับใคร โดยไม่จำต้องขอคำแนะนำจากพ่อแล้วนะคะแล้วหนูก็รู้ด้วยว่าควรจะตัดสินใจรับนัดจากผู้ชายคนไหน ป้องกันตัวเองอย่างไร เมื่อมันเกิดความจำเป็นขึ้นมา”
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะสามารถป้องกันตัวเองจากผู้ชายที่มันมีพละกำลังเหนือกว่าหรอกน่ะ” ริชาร์ด ตะคอกใส่ลูกสาว น้ำเสียงของเขาบอกความรับผิดชอบและความรู้จักโลกอย่างเต็มที่เพราะฉะนั้นมันก็มีแต่พ่อกับสามีเท่านั้นที่จะคอยดูแลให้ความคุ้มครองได้”
“โอ..สวรรค์ช่วย.. ฟังอย่างกับพ่อเพิ่งหลุดออกมาจากยุคมืด นั่นน่ะมันเป็นความคิดของคนโบราณแล้วละค่ะพ่อ”
“นั่นละ ถึงเวลาจะต้องเอามันกลับมาใช้ใหม่แล้ว” ริชาร์ด คอลด์เวลคำรามออกมา กำลังจะเปิดปากพูดต่อก็พอดีกับเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น
ทิชา หันขวับมามองหน้าผู้เป็นบิดาทันที
“สงสัยพ่อคงนัดนายเกวินนั่นให้มาพบตอนบ่ายสินะคะ” น้ำเสียงของสาวน้อยตัดพ้อขั้นมาทันทีถ้าจะให้หนูพูดก็เห็นจะต้องบอกว่า หนูหวังว่าเขาจะไม่ต้องเสียเงินเปล่าไปซื้อแหวนมาให้หนูหรอกนะคะ ไม่เช่นนั้นหนูก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะขว้างใส่หน้าให้”
“นี่...พูดจาให้มันดูเป็นผู้เจริญหน่อยเถอะ ทิชา” ริชาร์ด ชี้นิ้วโกรธๆ ตามหลังลูกสาว ขณะที่ทิชาเดินออกไปยังห้องโถงด้านนอกเพื่อเปิดประตู
สาวน้อยรวบผมสีน้ำตาลแกมทอง ที่สยายยาวลงมาเกือบถึงเอวนั้นไว้อย่างหงุดหงิด ขณะที่กระชากบานประตูให้เปิดออก อ้าปากจะเปล่งคำพูดที่เตรียมไว้ใส่หน้าบุรุษที่เธอมาดหมายว่าจะต้องพบ แต่กลายเป็นว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูวงโค้งนั้นคือสตรีผู้หนึ่ง ซึ่งกำลังมองทิชาอย่างสงสัย เมื่อเห็นริมฝีปากของสาวน้อยเม้มสนิทรอยยิ้มงงๆ ปรากฏขึ้นตรงมุมปาก
“ฉันน่ะนึกอยู่แล้วว่าไม่วันไหนก็วันหนึ่งจะต้องแวะมาเยี่ยม” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของสตรีผู้นั้นเปล่งแววหัวเราะ
ทิชา ก้าวถอยหลังออกมาจากประตู เพื่อเปิดทางให้เธอเดินเข้ามา รอยย่นตรงขอบตานั้นเกิดขึ้นจากอาการยิ้มอยู่เป็นนิจ บนหน้าผากและช่วงลำคอ มีรอยย่นบางๆ อันบอกให้รู้ถึงวัยของสตรีผู้นี้ ซึ่งสามารถบอกได้ทันทีเมื่อแรกเห็น เส้นผมสีดำสนิทตัดสั้น ส่วนที่อยู่ตรงหน้าผากเป็นสีขาว ซึ่งมองคล้ายกับเส้นผมส่วนนั้นถูกย้อมไว้ แต่อันที่จริงแล้วเป็นสีสันที่เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ
ทิชา มิได้คอยอยู่จนสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาเสียก่อน สาวน้อยเดินกลับเข้าไปหาพ่อในห้อง
“บลันช์น่ะพ่อ” เธอตอบคำถามที่ปรากฏบนแนวคิ้วที่เลิกขึ้นสูงเป็นเชิงถามของผู้เป็นบิดา ไม่แน่ใจว่าตัวเองเสียใจหรือดีใจที่มิใช่เกวินดังที่มาดหมายไว้ในใจว่าจะเล่นงานให้เต็มที่ กระแทกตัวลงนั่งในโซฟาร์ที่หุ้มไว้ด้วยผ้าดอกสีสด
กรามของริชาร์ดขบกันจนเป็นสัน อันเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าไม่พอใจในกิริยามารยาทของลูกสาวอย่างแท้จริง ซึ่งลักษณะเช่นนี้เหมือนกันกับทิชาไม่มีผิด เพราะเธอจะไม่สำแดงความเดือดดาลออกมาให้ปรากฏ
“นี่ทิชา เวลาที่แกจะพูดถึงป้าน่ะ ขอให้นึกว่าเป็นป้าบ้าง ไม่ใช่เพื่อนเล่นของแก” ริชาร์ดสอนลูกสาวควรจะรู้จักแสดงความเคารพนัลถือผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง”
“ถ้าเมื่อใดยายหนูเรียกฉันว่า ป้าบลันช์ละก็ ฉันจะให้รางวัลเธอทั้งสองคนเลย” แม้ใบหน้าจะเคร่งขรึม แต่รอยยิ้มก็ยังจุดประกายอยู่ในดวงตา ขณะที่บลันช์ คอลด์เวล เดินเข้ามาในห้องโถง
ในชุดกางเกงขายาวสีแดง กับเสื้อสีแดงดอกขาวนั้น ทำให้บุคลิกลักษณะของเธอผิดไปจากผู้หญิงที่ได้รับสมญานามว่า สาวทึมทึกโดยสิ้นเชิง กับสายตาที่ไม่ใคร่จะสบอารมณ์ของน้องชาย บลันช์ คอลด์เวล สาวเท้าเข้าไปหาและก้มลงจูบตรงแก้มเร็วๆ ครั้งหนึ่ง
“แล้วพี่ก็ดีใจที่ได้พบพี่อยู่เหมือนกัน” เธอทักเรียบๆ
“ครับ ผมก็ดีใจที่ได้พบพี่อยู่เหมือนกัน” น้องชายตอบอย่างหนักแน่น ขยับตัวเพื่อให้มองทั้งพี่สาวและลูกสาวได้ถนัดตาขึ้นผมกำลังใช้ความพยายามที่จะอบรมแม่คนนี้ให้มันเข้าสมองเสียบ้าง แต่แกไม่ได้ยอมฟังผมพูดเลย”
“อบรมหรือคะ น้ำเสียงที่ระคนไว้ด้วยความขมขื่นปนสำเนียงหัวเราะหยันๆ ดังมาจากทิชา ยกมือขึ้นโบกใส่หน้าผู้เป็นบิดาฟังสิคะป้า พ่อพยายามจะเหนี่ยวโน้มใจให้หนูยอมรับว่า ควรจะแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เข้าท่าคนหนึ่ง เพราะพ่อเชื่อว่าเขาเป็นคนดีเท่านั้น”
“ฉันไม่ได้บังคับให้แกแต่งงานกับเกวิน เจไมสันนะ” พ่อของเธอเถียง
“ก็ถ้าอย่างนั้น พ่อจะเรียกมันว่าอะไรล่ะคะ
“พี่เห็นหรือยังว่าผมหมายความว่า อย่างไร ริชาร์ด คอลด์เวล หันไปหาพี่สาว ยกมือขึ้นอย่างกลุ้มใจ สีหน้าของเขาเรียกร้องขอความเห็นใจจากพี่สาวดูซิครับ พูดจาสับสน เอาคำพูดอะไรไม่รู้มายัดใส่ปากผม ทั้งๆ ที่ไม่ได้พูดอย่างนั้นเลย ผมพูดแต่เพียงว่า เด็กคนนั้นท่าทางมันเป็นเด็กดี แต่มากลับคำพูดผมไปเสียอีกอย่าง”
“อย่าว่าแต่หนู จะเลือกใครมาแต่งงานด้วยเลยน่าพ่อ หนูรู้หรอกว่าพ่อน่ะทนใครไม่ได้สักคนต้องคอยจับผิดเขาอยู่เรื่อย แม้แต่สีดวงตาก็เอาดี” คราวนี้ทิชาเป็นฝ่ายหันไปหาบลันช์บ้างเชื่อไหมคะ พ่อน่ะไม่ยอมเชื่อเอาจริงๆ ว่าผู้หญิงก็มีความสามารถที่จะรู้ว่าอะไรหรือใครดีพอ สำหรับตัว พ่ออ้างความรับผิดชอบ เพื่อที่จะเข้ามายุ่งกับชีวิตของหนูจริงๆ
“ก็ถ้าจะดูจากไอ้พวกหนุ่มๆ ที่แกควงอยู่ด้วยแล้ว ฉันก็คิดว่า มันเป็นความจำเป็นอยู่เหมือนกันนะที่จะต้องก้าวเข้าไปยุ่งด้วยเป็นบางครั้งบางคราว” ริชาร์ด คอลด์เวล โต้ลูกสาวอย่างฉับพลันไอ้หนุ่มพวกนั้นน่ะส่วนมากมันก็ตั้งความหวังไว้ในใจกันทั้งนั้นแหละ ลองสิ...ลองว่าฉันไม่เล่นบทบาทของพ่อที่รอคอยการกลับบ้านของแก พร้อมด้วยปืนในมือละก็ บางทีมันอาจจะได้อย่างที่มันหวังไว้แล้วก็ได้”
“ถ้าขืนพ่อทำอย่างนั้นไปตลอด หนูก็คงจะไม่มีโอกาสรับนัดจากใครทั้งนั้น จนกว่าพ่อจะพบคนที่ต้องการจะให้หนูแต่งงานด้วย” ทิชาว่าพ่อน่ะ ชอบจัดการกับหนูไปเสียทุกสิ่งทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะใส่เสื้อชุดไหน จะแต่งหน้ามากไปหรือน้อยไป จะคบกับใคร ทำไมพ่อไม่ยอมรับเสียทีล่ะคะ ว่าหนูน่ะโตแล้วนะ”
“ก็เพราะว่าที่แกยังไม่ได้ประพฤติ อย่างคนที่โตแล้วน่ะสิ”
“ก็เพราะพ่อไม่ปล่อยหนูนิ่คะ” สาวน้อยโน้มร่างเข้าไปใกล้ผู้เป็นบิดาขนาดนั่งลงรับประทานอาหารด้วยกัน พ่อยังถามเลยว่าหนูล้างมือแล้วหรือยัง หนูไม่ใช่เด็กเล็กๆ นะคะพ่อ”