2 ริดรอนอิสรภาพ (1)
“ถ้าหนูไม่ทำล่ะคะ?”
“เธอไม่มีสิทธิ์แข็งข้อกับฉันนะยัยเด็กบ้า หัดสำนึกซะบ้างว่าใครคุ้มกะลาหัวอยู่ ตอนนี้เสี่ยเกษมกับคุณมนเทียรมารออยู่ในห้องรับแขกนานแล้ว อยากฉีกหน้าตัวเองก็ตามใจ”
ทิชาลอบผ่อนลมหายใจออกมายาวกับเหตุผลของผู้ปกครองบ้าน เธอรับชุดสวยแล้วไปเปลี่ยนแต่โดยดี พอเข้ามาในห้องน้ำได้ ทิชาจึงเลือกที่จะนั่งแช่อยู่บนโถชักโครกเพื่อถ่วงเวลาเอาไว้อย่างนั้น เธอไม่เดือดร้อนอยู่แล้วที่จะเข้ามานั่งเล่นในห้องน้ำแสนสวย แต่คนที่กอดอกยืนรออยู่ด้านนอกสิ เริ่มกระวนกระวายเมื่อคนรับคำสั่งหายเงียบเข้ากลีบเมฆไป
ก๊อก ๆ
“ยัยทิชา เสร็จหรือยัง?”
เสียงเคาะประตูสลับกับเสียงเรียกของรุ่งอรุณไม่กระตุ้นต่อมกระตือรือร้นของทิชาให้ทำงานได้เลย เธอคงเงียบ แล้วหยิบชุดสวยที่แม่เลี้ยงสาวสรรหามาดูชุดเดรสสีส้มอ่อน แบบน่ารักทันสมัยสั้นเหนือเข่า ปกใหญ่คอวี มีริบบิ้นอันโตสีเดียวกับตัวชุดไว้รัดเอว ทุกอย่างดูสวยถูกใจทิชาไปหมด แต่ติดตรงที่ว่า...
นี่ไม่ใช่ปรารถนาของเธอ!!
ก๊อก ๆ
“ยัยทิชา เสร็จหรือยัง?“
“ค่ะ แม่ใหญ่”
ในที่สุดก็มีเสียงตอบรับดังจากในห้องน้ำ ซึ่งทำให้คนรออยู่ด้านนอกมานานอย่างรุ่งอรุณถึงกับผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าทิชาไม่ทำอะไรแผลง ๆ อีก
“ค่ะก็เปิดประตูสิ ฉันจะดูความเรียบร้อยให้เธอ”
สิ้นเสียงบ่นพึมพำทิชาจึงเปิดประตู ทว่าสีหน้าของคนคอยอยู่หน้าประตูห้องน้ำกลับเป็นงุนงง แล้วเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ
“นี่มันอะไรกันยัยทิชา ทำไมถึงไม่เปลี่ยนเสื้อ?”
“คือ...”
“คืออะไรยะ?” รุ่งอรุณแผดเสียงดังกว่าเก่า
“หนูทำชุดสวยของแม่ใหญ่ตกลงไปในโถชักโครกค่ะ ก็เลย... ก็เลยไม่กล้าใส่” ทิชารายงานเสียงอ่อย ยิ้มแหยพร้อมกรีดนิ้วจิกเอาชุดสวยที่เปียกน้ำขึ้นมาให้แม่ใหญ่ดู
“ยี๋ ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้นะยัยเด็กบ้า หรือว่าเธอจงใจขัดคำสั่งฉัน?” รุ่งอรุณทำเสียงดุถลึงตาใส่ ผลก็คือทิชาเอาแต่ก้มหน้าเงียบ
เหมือนเคย... รุ่งอรุณอ่านไม่ออกว่าเด็กสาวหน้าใสตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ ตั้งแต่รู้จักเด็กคนนี้เธอไม่เคยอ่านทิชาออกเลยสักครั้ง จะว่าเด็กสาวตรงหน้าดื้อดึงไม่ฟังคำสั่งก็ไม่ใช่เลยทีเดียว เพราะพูดอะไรก็ทำตามอย่างว่าง่าย แต่จะบอกว่าทิชาว่านอนสอนง่ายอยู่ในโอวาทก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะบางครั้งในความเงียบไม่พูดไม่จานั้น กลับทำให้รุ่งอรุณปวดหัว เหมือนเช่นครานี้...
“เอาเถอะ ไปทั้งอย่างนี้นั่นล่ะเสี่ยเกษมรอนานแล้ว”
ผู้รับคำสั่งพยักหน้ารับแบบว่าง่าย พลางแอบโล่งใจ แต่หญิงสาวก็อดถามต่อมิได้
“แล้วชุดสวยนี่ล่ะคะ?” ทิชาชูชุดสวยขึ้นสูงกว่าเก่า รุ่งอรุณจึงชักสีหน้าไม่พอใจใส่
“จะเอาไปทิ้ง หรือจะเอาไปทำอะไรก็ได้ ฉันยกให้” พูดจบรุ่งอรุณจึงเชิดหน้ากลับออกไปในทันที ทิชาแอบปล่อยเสียงหัวเราะคิกคักออกมา แล้วมองชุดสวยในมืออีกครั้ง...
ใครจะเอาชุดสวยไปหมกชักโครกได้ลงคอ เธอก็แค่เปิดน้ำก๊อกทำให้ชุดสวยนี่เปียกเท่านั้น ใช่ว่าไม่พอใจเสื้อผ้านะ มันเป็นชุดที่สวยมาก และราคาของมันก็คงแพงด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าเธอไม่อยากใส่อวดเสี่ยเกษมและอีตามนเทียรเท่านั้น
ลำพังแค่รับมือกับคู่หมั้นปัญญาอ่อนเธอยังทำใจได้บ้าง แต่สำหรับคนพ่อนี่สิที่ทำให้ทิชาหนักใจ แม้เสี่ยเกษมจะสูงวัยแล้วก็ตาม แต่สายตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มนั่น ทำให้ทิชารู้สึกขยะแขยงเหลือเกิน
หญิงสาวเอาชุดสวยใส่ไว้ในถุงพลาสติกที่พอหาได้จากในครัวแล้ววางแอบไว้มุมหนึ่งของห้อง ก่อนเดินไปยังห้องรับแขก
“มานั่งนี่สิ ลูกสะใภ้คนสวยของป๋า”
เพียงประโยคเดียวของชายผมขาวหัวล้านครึ่งเมืองอ้วนลงพุงที่คาบบุหรี่อยู่ในปาก ทำให้ความตั้งใจจะยกมือไหว้เสี่ยเกษมเป็นอันม้วนเสื่อเก็บไป ทิชาปรายตาไปมองก่อนเลือกทิ้งตัวนั่งในเก้าอี้เดี่ยวซึ่งหันหน้าเผชิญกับเสี่ยเกษมและมนเทียร
“ทำไมไม่ไปนั่งข้าง ๆ คุณมนเทียรล่ะ ยัยทิชา?” คุณรุ่งอรุณจิกสายตาแกมบังคับ
“หนูเหม็นกลิ่นบุหรี่ค่ะ” เป็นเหตุผลเดียวที่เธอคิดได้ในเวลานี้ ทิชาตอบเสียงดังฟังชัดพร้อมเอามือปิดจมูก ซึ่งกิริยารังเกียจของเธอทำให้เสี่ยเกษมโยนบุหรี่ลงบนพื้น แล้วใช้เท้าขยี้เพื่อดับไฟในทันที ทิชามองการกระทำของเสี่ยใหญ่ และสังเกตเห็นว่าทั้งสองพ่อลูกใส่รองเท้าขึ้นมาถึงบนเรือนเชียว
“ขอโทษที ป๋าไม่รู้ว่าหนูทิชาเหม็นบุหรี่”
“เสี่ยไม่ต้องตามใจยัยทิชาให้มากหรอกค่ะ เดี๋ยวจะเคยตัวเสียนิสัย” รุ่งอรุณแทรกขึ้นพลางส่งสายตาตำหนิไปยังทิชาที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“เอาน่ารุ่งอรุณ อีกไม่นานเราก็จะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว นิด ๆ หน่อย ๆ ช่างมันเถอะ” เสี่ยเกษมติงรุ่งอรุณซึ่งเป็นลูกค้าขาประจำที่บ่อนพนันของเขา รวมทั้งควบด้วยตำแหน่งลูกหนี้หมายเลขหนึ่ง ก่อนหันมาสนใจเด็กสาวหน้าตาหมดจดดูสะอาดสะอ้าน
”ป๋ามาวันนี้จะมาคุยเรื่องหมายกำหนดวันแต่งงานของหนูทิชากับตามนเทียรนี่ล่ะ ป๋าไปหาฤกษ์มาแล้ว เป็นสัปดาห์หน้านี้ หนูทิชาเห็นว่าอย่างไร?”
เสี่ยเกษมถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลกว่าพูดกับรุ่งอรุณ ซึ่งธุระของเสี่ยเกษมทำเอาทิชาหน้าถอดสีพูดอะไรไม่ออก และการเงียบไปของเธอจึงเปิดโอกาสให้คนที่ปิดปากมานานเอาแต่จ้องคู่หมั้นสาวตาเป็นมันแทรกขึ้น
“แต่งงาน แต่งงาน น้องทิชาแต่งงานกับเฮียมนเทียรนะครับ เฮียมนเทียรอยากเป็นเจ้าบ่าวของน้องทิชา”
‘มนเทียร’ ชายร่างอ้วน บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของเสี่ยเกษมปรบมือดีใจ แล้วบิดกายไปมาอย่างขวยเขิน
“ว่าไงล่ะยัยทิชา ถ้าเธอไม่ขัดข้องอะไรฉันจะเป็นแม่งานให้ งานแต่งงานของเธอกับคุณมนเทียรจะมีขึ้นในวันอาทิตย์หน้านี้”
“อาทิตย์หน้านี้!” ทิชาอุทานเมื่อตั้งสติได้ “หนูขัดข้องค่ะแม่ใหญ่ ก็ไหนเราตกลงกันว่าให้หมั้นหมายไปก่อน” หญิงสาวทักท้วง ซึ่งสายตาของทิชาในตอนนี้ราวกับถอดคุณทรงศักดิ์มาไม่มีผิดเพี้ยน และนั่นก็ทำให้รุ่งอรุณชะงักไป
