2 ริดรอนอิสรภาพ (2)
“ตอนแรกก็คิดอย่างนั้น แต่ตอนนี้ป๋าใจร้อนอยากอุ้มหลานเร็ว ๆ หนูทิชาอย่าว่าอะไรป๋าเลยนะ”
“อุ้ย ยัยทิชาจะกล้าว่าอะไรได้ล่ะคะเสี่ย สมัยนี้มีสามียังกลับไปเรียนได้เลย เรียนภาคสมทบก็ได้ ยัยทิชาเรื่องมากไปเองนั่นล่ะ เสี่ยอย่าไปใส่ใจเลยค่ะ” รุ่งอรุณเสริมขึ้นด้วยเหตุและผล และนั่นก็ทำเอาทิชาน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออก เพราะคิดไม่ถึงว่าแม่ใหญ่จะตลบหลังเธอด้วยวิธีนี้...
เสี่ยเกษมคุยรายละเอียดเกี่ยวกับงานแต่งงานที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์หน้าคร่าว ๆ ทว่าว่าที่เจ้าสาวอย่างทิชากลับปลีกตัวออกจากวงสนทนาดื้อ ๆ โดยไม่สนใจเสียงเรียกของรุ่งอรุณ เสี่ยเกษม หรือแม้แต่คู่หมั้นหนุ่มที่ไม่สมประกอบนั่นอีก
แม้อยากร้องไห้ให้กับโชคชะตา และสิ่งที่แม่เลี้ยงหยิบยื่นให้ แต่ทิชาก็ไม่ทำอย่างนั้น เธอคงเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ใต้ใบหน้าที่เรียบสนิทเดินคอตกกลับเข้ามาในเรือนหลังเล็ก เถอะ... ยังไม่ถึงวันวิวาห์ทุกอย่างย่อมมีทางแก้ไข ดวงตาหญิงสาวเป็นประกายวาววับก่อนเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า แล้วคว้าโทรศัพท์กดหาคนที่พอพึ่งพาได้ในทันที
“นนนี่ อยู่บ้านหรือเปล่า?”
“ว่าไงจ๊ะ ฉันกำลังเปลี่ยนน้ำให้เจ้าโมจิและผองเพื่อนอยู่ มีอะไรว่ามาได้เลย” ปลายทางกรอกน้ำเสียงสดใสสบาย ๆ กลับมา ซึ่งคำตอบของอานนท์ทำให้ทิชายิ้มออก
“งั้นเดี๋ยวเราไปหาที่บ้านนะ”
“มาเลย กำลังอยากได้เพื่อนคุยพอดี เดี๋ยวฉันให้ลุงพุธขับรถไปรับนะ”
“ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวฉันไปเองจะสะดวกกว่า” ทิชาปฏิเสธสั้น ๆ แล้วตัดสัญญาณโทรศัพท์ทิ้ง
ข้อหนึ่งคือเธอเกรงใจอานนท์ ข้อที่สอง เธอไม่อยากให้การเดินทางออกจากบ้านครั้งนี้เอิกเกริกวุ่นวาย หญิงสาวตรวจความเรียบร้อยของสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ ก่อนเหลือบไปเห็นรายงานเล่มโตทั้งสี่เล่มเข้า...
“ธิดาเอ๋ยเห็นทีเรื่องนี้ เธอต้องสะสางเองแล้วล่ะ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ก่อนหอบรายงานเล่มโตทั้งหมดเข้าไปหาธิดาที่ยังนอนขี้เซาอยู่ในห้องนอน
“ธิดา... ธิดา ตื่นหรือยัง ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดกับเธอ” ทิชาสะกิดแขนน้องสาวซึ่งยังพริ้มตาหลับอย่างสบาย มีเสียงฮืดฮาดในลำคอคล้ายไม่พอใจ ก่อนเจ้าตัวจะขมวดคิ้วยุ่งแล้วขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถเมื่อถูกกวนใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ยัยธิดา ตื่นสิ ฉันไม่มีเวลาแล้วนะ”
“อื้อ... คนจะนอนอย่ากวนใจได้มั้ย?”
“ให้ได้อย่างนี้สิแม่คุณ!” คนปลุกเริ่มหงุดหงิด
ฟ้าถล่ม ดินทลาย หรือเกิดอะไรขึ้นกับคนในบ้าน ธิดาไม่เคยใส่ใจเลยสักนิด ทิชาหุบเปลือกตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจ ติดจะหงุดหงิดด้วยซ้ำที่น้องสาวกลายเป็นคนเอื่อยเฉื่อยเช่นนี้ อารมณ์ตกค้างจากเรือนหลังใหญ่เมื่อครู่ กอปรกับคนนอนขี้เซาที่ไม่ได้ดั่งใจจึงทำให้ทิชาเริ่มหงุดหงิด พอธิดาไม่ลุกขึ้นมา ทิชาจึงเข้าไปฉุดให้ธิดาลุกขึ้นนั่ง พลางตบแก้มธิดาเบา ๆ เพื่อให้คนขี้เซาตื่นขึ้นมารับฟังเรื่องที่เธอจะพูด
“นี่ฟังให้ดีนะยัยธิดา ฉันไม่สามารถจัดการเรื่องเรียนของเธอให้เสร็จเรียบร้อยได้ วันจันทร์นี้เอารายงานไปส่งคุณครูที่โรงเรียนด้วย แล้วก็เข้าสอบให้เรียบร้อยซะ แล้วต่อจากนี้ไปฉันจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเธออีก เข้าใจไหม?”
“เข้าใจ...“ ธิดาตอบรับเสียงอ่อยลืมตาขึ้นสบตากับพี่สาวฝาแฝด ซึ่งคำตอบนั้นทำให้ทิชายิ้มออกเลยเชียว
“ดีมาก ต้องอย่าง...”
“พรึบ!” ยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ ทิชาก็หงายท้องตกเตียงในทันที จากนั้นคนนอนขี้เซาเป็นแมวหง่าวก็กลายเป็นแม่เสือสาวเจ้าอารมณ์ขึ้นมาทันที
“ฉันเข้าใจว่าเธอรบกวนเวลาพักผ่อนของฉัน แล้วก็เอารายงานบ้า ๆ พวกนี้กลับไปเลยนะ” ธิดาตวาดเสียงดังลั่นห้อง ถลึงตาดูน่ากลัวพร้อมคว้ารายงานมาปาใส่ทิชา
“โอ๊ย! เจ็บนะ”
“ต้องทำให้เจ็บถึงจำ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมายุ่ง ๆ ยังจะทำตัวจุ้นจ้านมาจ้ำจี้จ้ำไชอยู่นั่นล่ะ เป็นแม่หรือไง?” ธิดากระแทกเสียงโวยวายลั่นห้อง ดวงตากลมโตวาววับเอาเรื่อง ไม่หยุดสาดอารมณ์ใส่ทิชา
“ไม่ต้องสำออย แล้วก็เอารายงานบ้า ๆ นี้กลับออกไปเลยนะทิชา ถ้าฉันตื่นขึ้นมาพบว่ามันยังอยู่ในห้องอีก... คอยดู” สั่งจบธิดาก็ตลบผ้าห่มมาคลุมโปงโดยไม่สนใจร่างบางที่นั่งจุมปุ๊กน้ำตาคลอเบ้านั่นอีก
ทิชาสูดลมหายใจเข้าปอดฟืดใหญ่แล้วผ่อนสิ่งที่สูดเข้าไปออกมายาว...และนาน เพื่อสกัดกั้นอารมณ์ที่พุ่งขึ้นขีดสุด ดวงตาแดงก่ำมองสิ่งที่ตกอยู่บนพื้นก่อนเก็บรายงานซึ่งถูกธิดาปาใส่มือไม้สั่นริก ก็ว่าจะใจดำไม่สนใจแล้วเชียว แต่สุดท้ายทิชาก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ เธอหอบเอารายงานทั้งสี่เล่มจากไป โดยไม่สนใจร่างบางที่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียงนั่นอีก…
ณ ใต้ร่มไม้ใหญ่หลังโรงเรียน เสียงใบไม้แห้งโดนเหยียบดังขึ้น เมื่อคนทั้งสองย่างกรายเข้ามา
“เฮ้อ จบสิ้นเสียทีภารกิจสุดหิน” ทิชาเหยียดแขนเหยียดขาเพื่อสลัดความเมื่อยล้าออกจากร่างกาย ก่อนล้มตัวนอนบนพรมหญ้าดื้อ ๆ โดยไม่สนใจเรื่องความสะอาด
อานนท์เข้ามาหย่อนตัวนั่งข้าง ๆ ทิชาจึงขยับตัวแบ่งพื้นที่ให้ โดยใช้รายงานหนุนหัวต่างหมอน
“เฮ้อ... โล่งเหมือนกัน ฉันลุ้นตั้งนานกลัวคุณครูจะจับได้ซะแล้วว่าเธอไม่ใช่ยัยธิดา”
“นั่นสิ โชคดีมากเลยนะที่เธอช่วยไว้ได้ทัน” หญิงสาวยิ้มระรื่นอารมณ์ดี หันมาชำเลืองมองเพื่อนรักที่ตั้งใจบีบสิวออกจากแก้มขาวเนียน
ตั้งแต่เก็บเสื้อผ้าออกจากเรือนหลังเล็กมาได้ ทิชาก็ใช้บ้านของอานนท์เป็นที่กบดานมาตลอดสองวันเต็ม เธอปิดเครื่องติดต่อสื่อสานชิ้นเดียวที่มี แล้วรอดูสถานการณ์เงียบ ๆ
แม่เลี้ยงจอมบงการไม่ได้มาตามราวีเธอกลับบ้านแต่อย่างใด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีนัก พอเรื่องเงียบไปไม่มีใครสนใจ ทิชาจึงดำเนินการสวมรอยเป็นธิดากลับมาโรงเรียนเพื่อส่งรายงาน
