บทที่ 3 คุณหนูตระกูลสนธิไชย
4ปีต่อมา......
แผนกออกแบบ โบรุยกรุ๊ป
บริษัทกำลังวุ่นวาย เนื่องจากทุกคนต่างกำลังแย่งหน้าที่ออกแบบวิลล่าที่เป็นของขวัญงานวันเกิดของคุณหนูอรัลกันอยู่
ตระกูลสนธิไชยเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองพร
คุณหนูอรัลกำลังจะอายุครบสี่ปี ผู้ใหญ่และผู้อาวุโสในตระกูลต่างส่งของขวัญมาให้กันอย่างไม่ขาดสาย
บางคนมอบเรือสำราญ บางคนมอบบริษัท และบ้างก็มอบเป็นเงินทุนหรือหุ้นบริษัท และแน่นอนว่าก็ต้องมีบางคนที่มอบวิลล่าหรูให้เป็นของขวัญด้วย
และโบรุ่ยกรุ๊ปก็ได้รับโอกาสในการออกแบบและจัดงานวันเกิดให้คุณหนูอรัล ณ ที่วิลล่าหรูแห่งนี้
“พอได้แล้ว!” พี่แอน หัวหน้าแผนกออกแบบตบโต๊ะดังปัง! “มัวทะเลาะเพื่อแย่งกันอยู่ได้ เอาณิชาเป็นตัวอย่างบ้าง ตั้งใจทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมาย ไม่เคยแย่งงานกับใคร ให้ออกแบบอะไรก็ทำ ทำไม ถ้าไม่ใช่งานที่แย่งมาได้ พวกเธอก็ไม่อยากทำงั้นสิ?”
ทุกคนเงียบกันหมด
ณิชาที่เพิ่งถูกกล่าวถึง ก็เงียบเหมือนกัน
เธอพูดว่าเธอกำลังใจลอยอยู่ได้ไหม
วันนี้ลูกชายของเธอไปโรงเรียนอนุบาลเป็นวันแรก เธอกังวลว่าลูกชายจะงอแง
พี่แอนพูดต่ออีก “อย่าคิดว่างานนี้มันง่าย คุณหนูอรัลไม่เคยแสดงตัวให้ใครได้เห็นหน้าตามาก่อน แล้วจะมีใครบอกได้บ้างว่าคุณหนูชอบหรือไม่ชอบอะไร? ถ้าออกแบบได้ไม่ถูกใจคุณหนู แล้วคุณหนูโกรธขึ้นมา อาจถึงกับสั่งฆ่าคนที่ออกแบบเลยก็เป็นได้!”
ทุกคน “…” เงียบเพราะเริ่มรู้สึกได้ถึงความอันตรายของงาน
“ฉันจะส่งรายชื่อคนที่สนใจจะออกแบบงานนี้ให้กับทางฝ่ายนู้น ใครที่สนใจก็มาลงชื่อได้ที่นี่”
คนที่โหวกเหวกแย่งงานกันเมื่อครู่นี้ต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานต่อ เหลือเพียงนักออกแบบที่มั่นใจในฝีมือการออกแบบของตนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังอยู่ต่อ
พี่แอนพยักหน้า ก่อนใส่ชื่อของนักออกแบบที่เหลืออยู่ลงไป และเห็นว่าณิชายังนั่งอยู่ที่เดิม เลยพูดกับณิชาว่า “ณิชา เธอมาลองออกแบบด้วยกันดูมั้ย?”
ณิชาอยากจะปฏิเสธจึงพูดตอบว่า “ช่วงนี้ที่บ้านค่อนข้างยุ่ง ฉันกลัวว่าจะทำให้งานเกิดความล่าช้า…”
“เธอไม่ใช่คนรับผิดชอบหลัก แต่ลงชื่อไว้เพื่อให้ครบคนเฉยๆ” พี่แอนเขียนชื่อณิชาและข้อมูลทุกอย่างลงไป ก่อนกดส่งให้ผู้ดูแลของคุณหนูอรัล
ณิชาคิดในใจ เธอทำงานที่โบรุยกรุ๊ปมาตั้งสี่ปี ก็ไม่เห็นจะมีโอกาสได้งานอะไรดีๆ กับเขาบ้างเลย
โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานจู่ๆ ก็ดังขึ้น…
พอณิชาดูก็เห็นว่าเป็นสายจากโรงเรียนอนุบาล จึงคิดว่าต้องเกิดเรื่องอะไรกับลูกชายแน่ จึงรีบขอพี่แอนลาเพื่อออกไปหาลูกที่โรงเรียนอนุบาลโกลเด้นซัน และก็มีเรื่องจริงๆ พอไปถึงณิชาถึงได้รู้ว่าลูกชายได้หนีออกจากโรงเรียนไปแล้ว!
ณิชาร้อนใจมาก และเกือบจะแจ้งตำรวจแล้ว…
“หม่ามี๊---”
ทันใดนั้น ที่ร้านกาแฟตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลโกลเด้นซัน มีเสียงเด็กแบบใสๆ ที่ซ่อนความสุขุมดังแว่วมา
ณิชามองไปทางต้นเสียง
ปัณณ์ที่อยู่ในชุดเสื้อกันหนาวยีนเท่ กางเกงวอร์มผ้ายืดสีดำ รองเท้าสีดำ สะพายกระเป๋าเป้ ผมสั้นบวกกับแก้มอมชมพูอันเนียนของปัณณ์ ทำให้ดวงตากลมดำคู่นั้นเปล่งประกายอย่างชัดเจน
เด็กน้อยโบกมือให้ณิชาอย่างดีอกดีใจ
พอณิชาเห็นลูกก็โล่งใจ
เดินไปช่วยถือกระเป๋าใหลูก พร้อมกับเบ้ปากดุลูกด้วย “วันนี้ลูกมาโรงเรียนวันแรก แม่บอกลูกว่าต้องเชื่อฟังคุณครูไม่ใช่หรือไง?แต่ลูกกลับหนีออกมาแบบนี้ ครูกับแม่เป็นห่วงมากนะ”
หน้าตาเท่ๆ ของปัณณ์เริ่มบูดขึ้นมา
“แม่ยังจะมาพูดอีก แม่บอกว่าจะพาหนูมาส่งที่โรงเรียน แต่กลับให้คุณยายมาแทน!”
ณิชาเบ้ปากเบาๆ “งานแม่ยุ่งมากนี่นา แม่ต้องไปบริษัทตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแล้ว แต่โรงเรียนลูกเข้าตอนเก้าโมง…”
“งั้นหนูไม่ไปโรงเรียนแล้ว หนูจะอยู่กับแม่” ปัณณ์จ้องแม่ตาเขม็งด้วยดวงตากลมโตของเขา “สิ่งที่สอนในโรงเรียนอนุบาลหนูเคยเรียนมาหมดแล้ว ก็เหมือนกับการที่เอาสิ่งที่กินไปแล้ว และอ้วกออกมากินเข้าไปใหม่ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
ปัณณ์เพิ่งพูดจบ ก็ถูกณิชาดีดหน้าผากไปหนึ่งที
“โอ๊ย!”
เด็กน้อยรู้สึกเจ็บ จึงทำหน้าบูดหน้าบึ้งอย่างโมโห
“ลูกหนีเรียน ทำให้ทุกคนเป็นห่วง แล้วยังจะมาแก้ตัวอีก หรือลูกอยากไปอยู่โรงเรียนประจำ?”
ปัณณ์ถอนหายใจยาวๆ ทีนึง “ก็ได้ หนูยอมเรียนที่โรงเรียนอนุบาลต่อ แต่แม่ต้องมารับและมาส่งหนูทุกวัน ไม่งั้นหนูก็จะไม่เชื่อฟังคุณครู แม่รู้ว่าครูห้ามหนูไม่ได้หรอก”
ณิชา “…”
เด็กดื้อ กล้าขู่แม่ตัวเองเลยหรอ?
แต่ต้องยอมรับว่าลูกชายของเธอฉลาดมากจริงๆ วางแผนได้อย่างรอบคอบ บวกกับใบหน้านุ่มนิ่มไร้เดียงสานั่นด้วยแล้ว เธอก็เชื่อได้เลยว่า ที่ลูกบอกว่าจะหนีออกมาจากโรงเรียน เขาจะต้องทำแบบนั้นจริงๆ แน่
เมื่อสี่ปีก่อน เธอปิดปากพยาบาลทุกคน โดยให้บอกฐานภพแค่ว่าเธอแท้งและได้เสียลูกไปแล้ว
แต่เธอไม่คิดว่าตอนตั้งครรภ์ได้แปดเดือน เธอก็ได้ลื่นล้มอย่างไม่ทันระวังตัว จึงทำให้ต้องคลอดก่อนกำหนด
ทำให้เธอต้องเสียลูกน้อยอีกคนไปด้วย…
ณิชานึกถึงเรื่องตอนคลอด ก็อดสงสารลูกไม่ได้ “ตกลง งั้นเรากลับโรงเรียนกันเถอะ”
เบนท์ลีย์คันหนึ่งขับมาจอดอย่างช้าๆ ที่ใต้ต้นไม้ข้างทาง
ตัวรถสีเข้ม ลวดลายเรียบหรู และเป็นเอกลักษณ์
หลังหน้าต่างรถที่ทำขึ้นพิเศษ มีเด็กผู้ชายคนนึงนั่งอยู่อย่างสุขุม
เด็กผู้ชายคนนั้นดูแล้วน่าจะอายุประมาณ 3-4 ปี แต่เขาเม้มปากบางนั้นอย่างเคยชิน ใบหน้าหล่อเหลามีความโตเป็นผู้ใหญ่และความเย็นชาอยู่ด้วย จู่ๆ เขาก็มองไปเห็นสองแม่ลูกที่ผ่านมา ก็คือณิชาที่กำลังทำหน้าทำตาเล่นกับลูกและปัณณ์ที่กำลังหันตัวมาทางเขา ดวงตาสีดำอันลึกล้ำของเขาก็สั่นไหว
เด็กคนนั้น…
หน้าตาเหมือนเขาเป๊ะเลย!