บท
ตั้งค่า

ตอน 3

“พี่ฐาทำไมยืนสั่นอย่างกับเจ้าเข้าทรงล่ะคะ”

“ส่วนฐากูรฟังให้ดีหลังจากวันนี้นายต้องไปแจ้งกับพ่อแม่ฉันให้ยกขันหมากมาสู่ขอภัทรา”

“หะ....หา ว่าไงนะครับ”

“ได้ยินไม่ชัดหรือไง”

ไม่ใช่แค่ฐากูรหรอกที่ต้องร้องคำว่าหา !! ทั้งเบญจกุลและภัทราต่างตาค้างอ้าปากหวอราวกับมีใครเอาไม้ค้ำปากไว้อย่างนั้น

“พ่อทำไมพูดแบบนั้นคะภัทรากับพี่ฐาเพิ่งคบหากันได้หกเดือนเองนะคะ อีกอย่างภัทราเองก็ไม่พร้อมจะแต่งงาน งานการภัทรายังไม่ลงมือทำเป็นชิ้นเป็นอันจะให้แต่งงานแล้วหรือคะ”

“หลังจากแต่งงานก็ทำซะ”

“ไม่นะค่ะพ่อ”

“ภัทราพ่อว่ายังไงก็ตามนั้นอย่าเถียง”

“ไม่เถียงไม่ได้หรอกค่ะแม่นี่มันชีวิตภัทรานะคะ”

“เราเหลวไหลมาสักพักแล้วเรียนจบโท แทนที่จะรีบเข้าไปทำงานในกระทรวงที่พ่อจัดการไว้ให้ แต่นี่อะไร รอยชาย แถมยังหนีไปร้องเพลงเปลืองเนื้อเปลืองตัวอย่างนั้นอีกพ่อไม่จับขังคุกทหารดีถมไปแล้ว” มารดาสำทับเสียจนภัทรานั่งไม่ติดร้อนดุจไฟเผากาย

“ถ้าอย่างนั้นแต่งกับคนที่พ่อกับแม่หาไว้ให้ถ้าไม่แต่งกับนายฐา”

ทั้งที่ยังไม่ได้มองใครไว้ให้ลูกสาวแต่เพราะเจ้าตัวดีสร้างเรื่องจนท่านทนไม่ไหว แม้จะหวงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนสักปานใดเรื่องแต่งงานนั้นคิดไว้ท้ายสุดของชีวิตลูกสาวด้วยซ้ำ แต่เมื่อเข้าอีหรอบนี้ การแต่งงานจึงมาก่อนการทำงาน ขืนปล่อยให้ทำอะไรตามอำเภอใจ ได้เดือดร้อนป่องกลางก่อนได้แต่งแน่ เล่นไปเปลืองตัวกับแขกผู้ชายอย่างนั้น

ฐากูรลอบยินดีกับคำกล่าวจากปากท่านนายพล เขารึเรื่องแต่งงานกับผู้หญิงไม่เคยบรรจุอยู่ในส่วนรอยหยักของสมอง แม้ภัทราสวยบาดใจ ไร้ที่ติเครื่องหน้าที่จัดได้ว่าราวภาพวาดจากฝีมือจิตรกรเอกหุ่นอรชร ที่เมื่อชายใดได้เห็นเป็นต้องน้ำลายกระเฉาะ เพราะส่วนเว้าส่วนโค้งอันลงตัว ประดุจนางวรรณคดีไทยหลายๆเรื่อง แต่เขากลับไม่พึงใจยังถวิลหาชีวิตโสดลงตัวที่สุดในขณะนี้ แม้ว่าเวลาควงหญิงสาวเขาจะดั่งเหมือนเจ้าชายได้ควงคู่กับเจ้าหญิงในเทพนิยายไม่ปาน

“ไม่นะคะพ่อถ้าจะแต่งจริงๆต้องเป็นพี่ฐา”

“ภัทรา” เสียงทุ้มฐากูรดังแทรก

“หรือพี่ฐาไม่เต็มใจแต่งงานกับภัทราคะ”

“เอ่อ...” เขาไม่อาจเผยความรู้สึกที่ฝังลึกในจิตใจได้ ในทางกลับกันยิ่งไม่อาจเอ่ยคำปฏิเสธคำสั่งจากปากท่านนายพลเคร่งวินัยคนนี้ได้ด้วย

“กดโทรศัพท์หาพ่อกับแม่นายให้หน่อย”

ท่านนายพลส่งโทรศัพท์ไปตรงหน้าชายหนุ่มคู่ควงของบุตรสาว แม้จะควงกันแค่ไม่กี่เดือนสำหรับท่านนายพลถือได้ว่ามากพอสำหรับให้ทั้งคู่แต่งานกันหากภัทรา ยังประพฤตินอกลู่นอกทางเช่นทุกวันนี้ งานการที่ตั้งใจฝากให้ยังไม่สน จนท่านเองต้องบอกบ่ายเบี่ยงกับทางผู้ใหญ่ไม่รู้กี่ครั้ง

หลังจากต่อสายคุยกับบุพการีคนรักของบุตรสาวแล้ว ท่านนายพลรหัตหันมาคุยเป็นการเป็นงานกับหนุ่มสาวโดยให้เบญจกุลร่วมเป็นพยานในครั้งนี้ เพื่อไม่ให้หนุ่มสาวทั้งสองบิดพลิ้วในการแต่งงานสายฟ้าแลบ

“อย่าลืมพรุ่งนี้พาพ่อกับแม่นายมาสู่ขอภัทรา”

กล่าวเสร็จท่านผละจากไปทิ้งให้สามหนุ่มสาวปลงไม่ตกทั้งโดนสั่งห้ามไม่ให้ไปร้องเพลง แถมยังต้องแต่งงานขณะยังไม่พร้อมอีกด้วย นี่มันวัยเลยเบญจเพสมาตั้งปี ไยภัทรายังต้องโดนมรสุมเบญจเพสไม่รู้หยุดหย่อน

“พี่ฐาไม่พูดคัดค้านอะไรบ้างล่ะคะ”

“แหม...ภัทราก็เห็นว่าพี่อ้าปากทันท่านนายพลพ่อของภัทราที่ไหนล่ะ”

“ทำไงภัทรายังไม่อยากแต่ง”

“ว่าไปแล้วพวกแกก็ควงกันไปควงกันมาหลายเดือนไม่น่ามีปัญหาอะไรถ้าต้องแต่งงาน”

“มี” ทั้งคู่ประสานเสียงกันราวกับนัดหมายกันไว้ เบญจกุลถึงกับผงะหงายมองหน้าทั้งสองเหลอหลา หรือว่าสองคนนี้ไม่มีจิตพิศวาสต่อกัน

“ไหนว่าปัญหามาซิเริ่มจากยัยภัทราก่อน” นิ้วเรียวขาวสะอาดเช่นลูกคนมีอันจะกินชี้ไปยังเพื่อนสาวแสนสวย ความจริงเบญจกุลนึกเสียดายภัทราอยู่มากอยากให้ร้องเพลงเรียกแขก เสียดายผลประโยชน์มหาศาล

“ฉันยังอยากร้องเพลงอยากใช้ชีวิตโสดหลังเรียนจบอีกสักพัก อีกอย่างฉันกับพี่ฐาคือยังไม่คิดการณ์ไกลในการคบหากันขนาดนั้น” อีกอย่างฐากูรสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้วไม่เคยแต่เนื้อต้องตัว ดั่งคู่รักอันควรจะแสดงออกต่อกัน ซึ่งจุดนี้ภัทราเสียจริตความเป็นหญิงอยู่มาก ทั้งที่ร่างอรชรสวยสะคราญหาใครเปรียบ แต่ดูเหมือนไม่ดึงดูดฐากูรให้นึกอยากแตะต้องเธอเท่าที่ควร

“ใช่ๆเอ่อ...ไม่ใช่ฉันไม่รักภัทรานะเว้ยแต่เรายังอยากอยู่แบบนี้ไปก่อน”

“แล้วแกสองคนจะรอดได้ยังไง”

“ยากว่ะ”

“นั่นสิแม่กับพ่อแกทางนั้นก็รู้จักภัทราแล้ว”

“ทำๆไปก่อนเถอะพี่ฐาภัทรารู้ว่าเวลาพ่อโกรธอะไรก็ห้ามไม่ได้”

“หมายความว่าเราต้องแต่งงานกันจริงๆเหรอ”

“พี่ฐาไม่อยากแต่งงานกับภัทราขนาดนั้นเลยหรือคะ”

“มะ...ไม่ใช่อย่างนั้น” จริงๆก็อย่างนั้นแหละเขามีอะไรในใจเยอะแยะที่ปรับตัวเองไม่ได้ แม้จะพยายามคบหากับภัทราหญิงสาวที่จะเปลี่ยนแปลงบางอย่างใจกายในใจเขาได้ แต่จนแล้วจนรอดเวลาไม่อาจช่วยอะไรได้ แม้ความสวยไร้ที่ติของภัทรายังละลายความรู้สึกมากมายในใจเขาไม่ได้เสียที จะให้เขาแต่งงานตอนนี้ไม่เท่ากับทำร้ายภัทราทางอ้อมเลยหรือ

“แล้วภัทราอยากแต่งงานกับพี่ฐาหรือเปล่าล่ะ”

“ก็...ไม่อยากเท่าไหร่อย่าโกรธภัทรานะคะพี่ฐาภัทราพูดตรงเกินไป”

“ไม่โกรธเอาเป็นว่าพี่คงต้องไปบอกพ่อกับแม่ตามที่ท่านนายพลพ่อของภัทราขอร้องซะก่อน ความจริงไม่ต้องบอกซะด้วยซ้ำท่านคุยกันเองหมดแล้ว”

ฟังได้ชัดเจนทุกหูที่นั่งรวมกันอยู่ในห้องรับแขก คือฝ่ายของฐากูรดีใจมากสำหรับข่าวมงคลแต่งสะใภ้ชาติพันธ์หน่อเนื้อทหารเข้าตระกูลนับว่าเป็นเกียรติแก่วงตระกูลพ่อค้าวาณิชย์อย่างมาก

“ฉันเสียลูกค้าหมดเลยยัยภัทราวีของฉัน”

“ฉันจนปัญญาว่ะ”

หลังจากนั้นใบหน้าทั้งสามหนุ่มสาวเศร้าสลด ดูไม่จืดตามๆกันก่อนแยกย้ายจากกันไป เพื่อทำหน้าที่ของตนเอง ส่วนท่านนายพลกับคุณหญิง ลอบยิ้มพอใจสามารถกดดันทั้งตัดแขนขาบุตรสาวจอมซนให้หมดฤทธิ์ด้วยการแต่งงาน จริงๆแล้วท่านรู้สึกไม่ปกติกับฐากูร ท่าทางคู่รักของบุตรสาวดูเรียบร้อยไปหน่อยบุคลิกดูขัดตาพิลึก ทว่าเมื่อบุตรสาวคบหาเป็นแฟนแล้วย่อมหมายถึงทั้งคู่มีใจให้กันพอจะสมรสกันได้ ครอบครัวฐากูรนั้นจัดได้ว่าอยู่ในระดับสังคมชั้นดีมหาเศรษฐีย่อมๆ แม้ไม่ได้รวยล้นฟ้า ถือได้ว่าสมน้ำสมเนื้อกับตระกูลราชการเช่นประชาบิดีอยู่มาก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel