9 เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงร่านผู้ชาย
จากท่าทางของกุลดาที่แสดงออกมานั้น เหมือนว่ามีใจให้กับพ่อเลี้ยงฉัตร พีเมียร์เห็นแล้วถอดใจ คิดว่าเธอชอบเรื่องแบบนั้น แต่พงพันธ์ส่ายหน้า
“ไม่หรอก คุณกุลคงแกล้งมากกว่า เพื่อให้พ่อเลี้ยงตายใจ แล้วเธอจะชิ่งออกมา ส่วนคุณนาถรายนั้นกลัวพ่อเลี้ยงอย่างชัดเจน”
คำบอกเล่าของเพื่อนที่มาเฝ้าสังเกตการณ์ก่อนหน้านี้ ไม่อาจทำให้ลูกครึ่งหนุ่มเชื่อแต่อย่างใด ทำเสียงเชอะในลำคอ ก่อนจะยกแก้วเบียร์กระดกดื่มอีกครั้ง ทีเดียวเกือบหมดแก้ว จากนั้นขอเติมอีก เหมือนจะประชดอะไรบางอย่าง
“เราไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะแกล้งทำแบบนั้น”
“อาจจะทำจริงก็ได้ เพื่อกลบเกลื่อนความกลัวไง ส่วนผู้ชายคนใหม่ทีแรกเราก็กลัวว่าจะเข้าคู่กัน ความจริงแล้ว เขาพยายามกันคุณกุลกับคุณนาถให้ห่างจากพ่อเลี้ยง”
“เราเห็นด้วยสองตาตัวเองเลยนะ ทำไมไม่รู้ว่าคุณกุลน่ะให้ท่าพ่อเลี้ยงจะตายไป”
พีเมียร์ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่ว่า กุลดาเป็นผู้หญิงที่ร่านผู้ชาย พร้อมกับใครก็ได้ที่พอใจ แม้เข้าใจอย่างนั้น แต่เขาก็ยังชอบเธออยู่ดี
โมโหตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ ไม่น่าที่จะเกิดเรื่องอย่างนี้กับเขาทั้งที่ห่างเหินเรื่องของผู้หญิงมานาน
“นายอคติกับเธอเกินไป”
“หรือว่าไม่จริงล่ะ มันน่าจะใช่ อย่าสนใจเลยสนุกดีกว่า อ้าว พ่อเลี้ยงทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ ถูกผู้ชายหน้าขาวหิ้วปีกไปแล้ว ทำไมเมาเร็วจัง”
“ก็ดีแล้วไงจะได้ไม่ต้องยุ่งกับผู้หญิงสองคน เราไปทักเธอดีกว่า”
“จะดีหรือพง เดี๋ยวก็จะหาว่าเราเฝ้าตามติดเค้าหรอก”
พีเมียร์เขินไม่น้อย เมื่อรู้ว่าจะต้องเข้าไปหาสองสาว บัดนี้นั่งคุยกันเงียบ ๆ หลังจากพ่อเลี้ยงฉัตรเมาจนแทบประคองสติไม่อยู่ เดือดร้อนโอ๊ตที่ต้องพาเข้าไปในห้องพักผ่อน
ในที่สุดพีเมียร์จำต้องเดินตามพงพันธ์มาหาเธอด้วยหัวใจที่เต้นแรง
“สวัสดีครับ ผมตาไวจริง ๆ เห็นคุณกุลด้วย”
“คุณพง คุณพีเมียร์สวัสดีค่ะ นาถ รู้จักคุณทั้งสองสิชื่อพงกับคุณพีเมียร์ นี่แหละเจ้าของร้านกาแฟที่ขนมอร่อยมากที่สุด”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณพงน่ะเอง ไม่นึกเลยว่าโลกจะกลมอย่างนี้”
“เธอพูดอย่างนี้หมายความว่า รู้จักกับคุณพงมาก่อนหรือจ๊ะ”
กุลดาหันไปถามเพื่อนสาวคนสนิท บัดนี้ส่งยิ้มให้แก่พงพันธ์ที่เกิดอาการเขินจนแทบควบคุมสติไม่อยู่ คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าทัก
ในที่สุดเรื่องการรู้จักกันโดยบังเอิญของหนุ่มสาวทั้งสองถูกนำมาเล่า โดยที่นาถฤดีเป็นผู้ถ่ายทอด พีเมียร์รับฟังอยู่ถึงกับตบเข่าฉาดใหญ่
“อย่างนี้แสดงว่าเป็นพรหมลิขิต”
“พีเมียร์ พูดอย่างนี้คุณกุลก็เขินแย่สิ ขอโทษด้วยนะครับ เพื่อนผมคนนี้ปากไม่มีหูรูดจริง ๆ ทำให้คุณเสียหาย”
“ไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่คะ ไม่แปลกหรอกที่พรหมลิขิตทำให้เราได้รู้จักและเป็นเพื่อนกัน ควรจะดีใจด้วยซ้ำ”
“เพื่อนกันใช่ไหมครับ”
“ค่ะใช่ เราสี่คนคือเพื่อนกันหมดเลย”
ในเมื่อผู้หญิงเป็นฝ่ายพูดเพื่อป้องกันตัวเองอย่างนี้ หนุ่มหล่ออย่างพงพันธ์สะอึก ทำอะไรไม่ถูก เขาได้แต่ยิ้มเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่กล้าที่จะเอ่ยสิ่งใดออกมาอีก นอกจากยกแก้วเบียร์ดื่มแล้วโยกตัวไปตามเสียงเพลง ปล่อยให้พีเมียร์จ้อไปคนเดียว
“คุณกุลชอบเพลงนี้ไหมครับ”
“ไม่ค่อยชอบ ส่งเสริมให้ผู้หญิงกับผู้ชายมีอะไรกัน”
“โหย ตรงไปหรือเปล่า”
“ฉันเป็นคนตรงไม่ชอบอ้อมค้อมอยู่แล้ว ชอบก็บอกว่าชอบ เกลียดก็บอกว่าเกลียด ไม่มีรักษามารยาทหรอกค่ะ”
“งั้น ถ้าคุณชอบผู้ชายคนไหนก็แสดงออกมาให้เขารู้ใช่ไหมครับ”
อาจจะเป็นเพราะดื่มเบียร์เข้าไปพอสมควร พีเมียร์ถามด้วยเสียงไม่ชอบใจนัก เอาความรู้สึกของตัวเองมาเป็นอารมณ์ จ้องหน้าสาวสวยเขม็งซึ่งเธอไหวไหล่เพียงเล็กน้อยก่อนที่จะตอบ ทำเอาเขาใจหายวาบ
“แน่นอน เรื่องแบบนี้เก็บเอาไว้ได้ไง มันไม่ดี เดี๋ยวเขาก็หนีไปมีคนอื่น เราแย่สิคะ”
“ผมไม่คิดว่าผู้หญิงทุกวันนี้จะกล้าบอกรักผู้ชายก่อน”
“คนอื่นไม่รู้ แต่ฉันกล้า แต่ก็ยังไม่มีใครให้มาบอกเลย จากเพื่อนรอบข้างและคนอื่น ๆ ที่คุ้นเคย ทำให้มีความรู้สึกว่าผู้ชายไทยมีแต่แย่”
“โอ๊ย! แรง ผมสำลักเลย”
เสียงอุทานตกใจจากพีเมียร์ดังขึ้น พร้อมกับสำลักเครื่องดื่มออกมาเล็กน้อย นาถฤดีกุลีกุจอเช็ดให้ด้วยความเป็นห่วง ทำเอาพงพันธ์ใจหาย กลัวว่าเธอจะชอบเขา เช่นเดียวกับกุลดาเสียววาบไปทั้งตัว มองเพื่อนกับพีเมียร์ที่กระซิบกระซาบกัน โดยที่เธอไม่ได้ยิน