พี่ชาย3
แต่!... ก็มีเหตุการณ์ที่ตะวันไม่เคยลืม เมื่อประมาณสิบปี ครอบครัวตะวันและกานต์พากันไปเที่ยวทะเลโดยมีลูกสาวของลูกน้องคุณอาชนินทร์ไปด้วยคนหนึ่ง เธอชื่อมัทนา แต่เธอและกานต์เรียกว่ามิ้นท์ ระหว่างเล่นน้ำทะเลกันสามคน หมวกของมิ้นลอยไปพร้อมเกลียวคลื่นขนาดเล็กที่ม้วนตัวเข้าฝั่ง ปานตะวันรีบวิ่งตามหมวกไปโดยไม่รู้ตัวว่ามาไกลจากฝั่งมาก สำหรับเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบ กานต์ตกใจตะโกนเรียกและรีบวิ่งตามด้วยความเป็นห่วง กว่าจะจับตัวได้ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ตะวันถูกเกลียวคลื่นม้วนตัวเธอให้ล้มลง น้ำที่ลึกถึงเอวพาให้เด็กผู้หญิงที่สูงไม่ถึงเมตรครึ่ง สำลักน้ำไปหลายอึก โชคดีที่พี่ชายคนเก่งคว้าตัวเธอเอาไว้ได้ทัน เพราะลำพังปานตะวันเองไม่สามารถพยุงตัวเองให้ลุกได้
ความตายเหมือนอยู่แค่ตรงหน้าในความคิดของเธอในสถานการณ์นั้น และสิ่งที่ตามมา เมื่อพี่ชายซุปเปอร์ฮีโร่ พาเธอมาถึงริมชายหาด เขาวางตัวเธอลงอย่างแรง หน้าของเขาแดงกร่ำ กำมือสองข้างแน่น และคำพูดมากมายหลุดออกจากปากหยักได้รูปที่เคยเป็นสีชมพูแต่ตอนนี้ซีดขาวเพราะแช่น้ำมาสักพัก ปานตะวันจำประโยคที่เขาพูดวันนั้นไม่ได้ แต่จำได้เพียงว่ากานต์ไม่ได้ใช้คำหยาบคายเลยสักคำ แต่มันกลับทำให้ตะวันร้องไห้เอามือปิดหู และไม่กล้าแม้แต่จะอธิบายเหตุผลสักคำ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความทรงจำที่น่ากลัวให้กับตะวัน ถึงกานต์จะอารมณ์ขันแค่ไหน แต่ปานตะวันก็ยังรู้สึกเกรงและก็แอบกลัวเขาอยู่ เพราะเมื่อความโกรธเข้ามาครอบงำ จากผู้ชายอบอุ่นกลายเป็นซาตานวัยทองทันที
“เอ้า...ตะวันคิดอะไรอยู่ นึกได้หรือยัง ว่าพี่ชอบกินอะไร ” เสียงเรียกของคนข้างกายเรียกสติที่ล่องลอยย้อนเวลาให้กลับมาสู่ปัจจุบัน
“ตะวันนึกไม่ออกค่ะ” ปานตะวันยอมรับว่าเธอนึกไม่ออกจริงๆ
“พี่ชอบกินผู้หญิงสาวๆสวยๆ ถ้าขนตายาวเป็นแพเหมือนคนแถวนี้พี่ยิ่งชอบเลย ”
นอกจากคำพูดแทะโลม สายตาของพี่ชายเจ้าเล่ห์ยังมองจ้องใบหน้าของสาวน้อยที่เอาแต่มองมือที่วางอยู่บนตักของตัวเอง
“ ถ้าอย่างนั้น...ก็กินผู้หญิงไปนะคะ ข้าวปลาไม่ต้องกิน...เปลืองค่ะ ”
ถึงแม้หัวใจจะรู้สึกเขินอายมากเพียงใด ทว่าปานตะวันก็ยังคิดคำพูดยอกย้อนได้ทันควัน โดยที่ยังก้มหน้ามองมือน้อยๆของเธอที่กุมกันไว้แน่นบนตักโดยไม่มองผู้ฟังเลยว่า กำลังทำหน้าขำเธออย่างมากมาย
“ตะวัน...พี่เกือบลืมเลย วันนี้เรามีนัดไปเอาลูกสุนัขกัน ดีนะยังไม่เลยไปเสียก่อน” พูดจบกานต์ก็หักพวกมาลัยเลี้ยวเข้าวัดที่อยู่ห่างจากบ้านของตะวันไม่กี่กิโล
“ที่นี่เหรอ...คะ”
“ ใช่..ที่นี่แหละ ที่เราจะมารับสมาชิกใหม่ ”
ปานตะวันจินตนาการไว้ สุนัขของเธอคงเป็นสุนัขพันธุ์น่ารัก อาจเป็นปอม ไซบีเรียน ฮัสกี้ บีเกิ้ล แต่ดูแล้วเธอจะเข้าใจผิดไปเองใครเขาจะลงทุนซื้อสุนัขราคาแพงๆมาให้เธอดูแล
“พี่มาเลือกไว้แล้ว ว่าตัวไหนที่น่ารักดูจะฝึกง่ายและดูแลไม่ยาก ฝากหลวงตาให้อาบน้ำทำความสะอาดให้ หวังว่าคงถูกใจ ”
คนพูดดูจากสายตาและน้ำเสียงก็พอรู้ว่า ปานตะวันกำลังรู้สึกผิดหวัง ที่เขาไม่ได้หาหมาพันธุ์ที่น่ารักและมีราคาแพงมาให้ แต่กานต์ตั้งใจแล้วว่าเขาจะทำให้ตะวันเข้าใจและเห็นด้วยที่เขาเลือกที่จะเอามาหมาที่วัดนี้แทนการไปซื้อจากร้านขายสุนัขที่มีอยู่ทั่วไปตามตลาดจตุจักร
“จอดรถตรงนี้ เดี๋ยวเราต้องเดินผ่านศาลาตรงด้านหน้านี้ กุฏิหลวงตาอยู่หลังศาลาอีกที ” ระหว่างทางปานตะวันเห็นน้ายติดตามต้นไม้ ส่วนใหญ่มีเนื้อหาเป็นธรรมะสอนใจ แต่มีอยู่น้ายหนึ่งที่เธอต้องหยุดยืนอ่าน
‘สัตว์ทุกตัวมีชีวิต มีจิตใจ อย่าเลี้ยงเขาเพราะความน่ารัก พอเบื่อก็เอามาปล่อย จำไว้มันบาป’
น้ายเพียงน้ายเดียว กับข้อความเพียงไม่กี่ประโยค ทำปานตะวันรู้สึกใจหดหู่ พอเดินมาถึงกุฏิของหลวงตา สุนัขจำนวนมาก กำลังกินอาหารในถาด แย่งกันมุบมับ กัดกันบ้าง เห่ากันบ้าง มีเยอะมากทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ รูปร่างต่างกันออกไป หลายตัวเป็นสุนัขพันทาง หรือที่เรียกว่าพันธุ์ผสม