บท
ตั้งค่า

พี่ชาย2

วันนี้เขาจะมารับเธอและคงเอาลูกหมามาให้ด้วยแน่ๆ คิดถึงเรื่องนี้ปานตะวันรู้สึกตื่นเต้น เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง เธอจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดีนะ...

‘พี่รออยู่อยู่ร้านกาแฟหน้าโรงเรียนนะ ไม่ต้องรีบทำอะไรให้เรียบร้อยก่อน พี่รอได้...พี่ชาย’ รอยยิ้มมุมปาก ใบหน้าสีชมพู ทำให้ภาวรรณแอบสงสัยว่าคนที่ส่งข้อความมาคือใคร ถึงทำให้เพื่อนของเธอยิ้มได้ทั้งที่เมื่อเช้ายังร้องไห้อยู่เลย แต่ก็ไม่กล้าถามรอให้ปานตะวันเล่าเองคงจะดีกว่า

รอยยิ้มบนหน้าเกิดจากคำว่าพี่ชาย หลายปีที่เธอกับกานต์ อุดมโภคทรัพย์ ไม่ได้เจอกัน แต่!เขายังคงจำได้ว่าเธอเรียกเขาว่าพี่ชาย ตะวันเคยเห็นเขาบ้างในเฟสบุ๊คในรูปเขาเป็นผู้ชายที่หล่อมาก หน้าตาดูดุนิดๆ แววตาดูอบอุ่น แต่ถ้ามองบางมุมเขาก็มีหน้าตาดูนักเลงเหมือนคุณอาชนินทร์อยู่บ้าง

“เกือบจำไม่ได้เชียวนะ ตะวัน น่ารักกว่าในรูปอีก ” ปานตะวันรู้สึกเหมือนขาตัวเองมันหมดเรี่ยวแรง ที่จะต้านทานแรงดึงดูดของโลก

“สวัสดีค่ะ..พี่...” เคยเรียกพี่แบบไหนก็เรียกแบบนั้นแหละ พี่ยังเป็นพี่ชายคนเดิมที่เพิ่มเติมคือหล่อมากขึ้น กานต์พูดจาอารมณ์ดีเพื่อเรียกความคุ้นเคยที่ห่างหายจากกันไปหลายปีกลับคืนมา

“ค่ะ...พี่ชาย”

“วันนี้เราจะทำอะไรกินกันดี” ปากก็พูดมือก็เปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้กับเด็กสาวที่เดินตามหลังมา สายตาของนักเรียนชั้นม.ปลายต่างจับจ้องมองกานต์อย่างสนใจ จะเพราะอะไรเสียล่ะก็หน้าตาที่หล่อเหลาได้ส่วน มีส่วนผสมของคนจีนและไทยได้อย่างลงตัว บุคลิกที่ดูเป็นเพลย์บอยแต่แผงอกและหุ่นกับดูอบอุ่น ปานตะวันไม่กล้าแม้แต่จะสบตาทำได้แค่มองเท้าตัวเองเวลาเดิน

“พ่อพี่บอกหรือยังว่าจะมากินข้าวด้วยตอนเย็น ทำกับข้าวเป็นไหม ซื้อไปทำกัน”

“พอทำได้ค่ะแต่...ไม่รู้จะอร่อยไหม นานๆจะได้ทำที ส่วนมากพ่อเป็นคนทำ” น้ำตามาจากไหนอีกก็ไม่รู้ ปานตะวันรีบเอียงหน้าเข้าหาหน้าต่างรถเพราะไม่อยากให้คนขับเห็นว่าเธอกำลังร้องไห้

“เป็นอะไร...”

กานต์ใช้มือที่แข็งแกร่งแต่น้ำหนักที่ใช้บอกถึงความอ่อนโยน เขย่าหัวของสาวน้อยเจ้าน้ำตา เขาพอรู้เรื่องราวบางอย่างจากชนินทร์ผู้เป็นพ่อ บวกกับความผูกพันเมื่อครั้งยังเด็กยังอยู่ในความทรงจำ เขาจึงสงสารและเห็นใจปานตะวัน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้หลายเรื่องแต่ก็ยกเว้นเรื่องอาการป่วยของพิมาน

“ เมื่อกี้มือตะวันเปื้อนอะไรไม่ทราบค่ะ พอเอามาโดนตาเลยแสบไปหมด ” เรื่องอะไรจะยอมรับง่ายๆว่าร้องไห้ ปานตะวันยอมผิดศีลข้อสี่ ดีกว่าให้พี่ชายที่ไม่ได้เจอกันนานคิดว่าเธอขี้แย

“เดี๋ยวเราไปหาซื้อวัตถุดิบในการทำอาหารเย็นนี้กัน เอาใกล้ๆบ้านตะวันดีกว่า ลองคิดสิวันนี้ทำอะไรกินกันดี ”

กานต์เปลี่ยนเรื่องพูด เพราะไม่อยากให้หญิงสาวตรงหน้า นั่งน้ำตาคลอเบ้าหันหลังให้เขาอยู่แบบนี้ บรรยากาศที่เคอะเขินกันก่อนหน้านี้ กับถูกความเศร้าเข้ามาครอบงำแทน ถ้าไม่เปลี่ยนเรื่องพูด วันนี้เขาและพ่อคงไม่ได้กินกับข้าวอร่อยๆแน่นอนแต่อาจจะต้องกินข้าวกับน้ำตา

“คุณอาชอบกินน้ำพริกกะปิ กับผักทอด ตะวันจำได้ ”

หญิงสาวจำได้ดีว่าคุณอาของเธอชอบกินน้ำพริกฝีมือพ่อมาก ถึงขั้นที่เคยให้พ่อทำใส่กล่องให้เพื่อคุณอาจะเก็บแช่ตู้เย็นไว้กินนานๆ และน้ำพริกกะปิก็เป็นอาหารที่ปานตะวันมั่นใจว่าตัวเองทำรสชาติได้ใกล้เคียงกับพ่อมากที่สุด

“แล้วพี่ล่ะ...” พี่ชายจอมหว่านเสน่ห์ถามกลับบ้าง เพราะรู้สึกเหมือว่าตะวันไม่ได้สนใจว่าเขาก็มีของที่ชอบกินเหมือนกัน

“เอิม...” ปานตะวันรู้สึกเหมือนถูกต้อนเข้าทางตัน เพราะเธอจำไม่ได้แล้วว่า กานต์ชอบกินอะไร มันนานมากจริงๆที่เขาและเธอไม่ได้เจอกัน

“ฮ่าๆๆๆ ... จำไม่ได้ล่ะสิ จริงๆพี่ก็ชอบกินหลายอย่างนะ เรื่องกินสำหรับพี่เรื่องเล็ก แต่เรื่องไม่ได้กินสิเรื่องใหญ่”

ปานตะวันเผลอหัวเราะออกมา โชคดีที่เธอปิดปากได้ทัน เมื่ออย่างนั้นคงเสียงดังน่าดู ไม่ได้เจอพี่ชายคนนี้เสียหลายปี แต่เขายังคงอารมณ์ขันได้ไม่เปลี่ยนแปลง

แต่!... ก็มีเหตุการณ์ที่ตะวันไม่เคยลืม เมื่อประมาณสิบปี ครอบครัวตะวันและกานต์พากันไปเที่ยวทะเลโดยมีลูกสาวของลูกน้องคุณอาชนินทร์ไปด้วยคนหนึ่ง เธอชื่อมัทนา แต่เธอและกานต์เรียกว่ามิ้นท์ ระหว่างเล่นน้ำทะเลกันสามคน หมวกของมิ้นลอยไปพร้อมเกลียวคลื่นขนาดเล็กที่ม้วนตัวเข้าฝั่ง ปานตะวันรีบวิ่งตามหมวกไปโดยไม่รู้ตัวว่ามาไกลจากฝั่งมาก สำหรับเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบ กานต์ตกใจตะโกนเรียกและรีบวิ่งตามด้วยความเป็นห่วง กว่าจะจับตัวได้ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ตะวันถูกเกลียวคลื่นม้วนตัวเธอให้ล้มลง น้ำที่ลึกถึงเอวพาให้เด็กผู้หญิงที่สูงไม่ถึงเมตรครึ่ง สำลักน้ำไปหลายอึก โชคดีที่พี่ชายคนเก่งคว้าตัว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel